ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี
นิมนต์พระ9รูป
ใส่ชุดขาวเปิดบ้านทำบุญ
พร้อมญาติที่ราชบุรี
เพื่อสิริมงคลในชีวิต
สวนผึ้งปลดป้ายขาย
จองพรึ่บฉลองปีใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์จึงทำให้พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ได้กลับคืนสู่สถานะสามัญชนธรรมดา ในฐานะ ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี
ขณะที่มีรายงานว่า ในวันที่ 11 ธ.ค.2557 ได้เดินทางไปทำบัตรประชาชนที่สำนักงานเขตดุสิตนั้น จากการสอบถามไปยังนายวิสุทธิ์ ธรรมวิริยะวงศ์ ผู้อำนวยการเขตดุสิต ได้กล่าวเพียงสั้นๆ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ว่า “ต้องขอโนคอมเมนท์ทุกกรณี เพราะเป็นเรื่องมิบังควร แต่ทุกอย่างขอให้ติดตามประกาศของทางราชการ หรือเอกสารทางราชกิจจานุเบกษา จึงจะเป็นข้อเท็จจริง ขณะเดียวเรื่องการให้บริการวันหยุดทางสำนักงานเขตก็มีการเปิดให้บริการ ให้กับประชาชนจริง นอกเหนือนั้น ผมขอย้ำว่าโนคอมเมนท์ครับ เพราะเป็นการมิบังควร”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบัตรประชาชนของท่านผู้หญิงศรีรศมิ์ ที่เดินทางไปทำบัตรใหม่ที่สำนักงานเขตดุสิต ที่มีการเผยแพร่ทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ระบุรายละเอียดในบัตร ชื่อตัวและชื่อสกุล ดังนี้ น.ส.ศรีรัศมิ์ สุวะดี เกิดวันที่ 9 ธ.ค.2514 ศาสนาพุทธ ที่อยู่ ต.วัดเพลง อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี วันออกบัตร 11 ธ.ค.2557 มีนายกฤษฎา บุญราช เป็นเจ้าพนักงานออกบัตร
เช้าวันเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่า พบท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ได้เดินทางมาพักอาศัยเพื่อปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้านคุณอภิรุจและคุณวันทนีย์ หรือ “บ้านอัครพงศ์ปรีชา” บิดาและมารดาของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวดี หมู่ที่ 6 ตำบลวัดเพลง อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี โดยตั้งแต่ช่วงเช้าพบว่า ได้มีประชาชน และผู้ที่มีความสนิทใกล้ชิดกับท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ เดินทางเข้ามาที่บ้านหลังดังกล่าวตลอดเวลา เนื่องจากภายในบ้านมีการประกอบพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 9 รูปเพื่อความเป็นสิริมงคลและพบท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ อยู่ในบ้านหลังดังกล่าว โดยสวมใส่ชุดขาว แต่ไม่ได้มีการโกนหัวอย่างที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม บ้าน”บ้านอัครพงศ์ปรีชา” ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “บ้านสุวะดี” ในภายหลัง ซึ่งบ้านพักหลังนี้มีเนื้อที่ขนาดใหญ่อยู่ติดริมถนน ถูกปิดล้อมด้วยรั้วกำแพงคอนกรีตสีขาวสูง 2 เมตร มีประตูทางเข้า 2 ประตู โดยประตูทางเข้าทั้ง 2 ประตูนั้น มีป้อมคอนกรีตลักษณะคล้ายกับกับป้อมรักษาความปลอดภัย สำหรับตัวบ้านอยู่ห่างจากทางเข้าวัดแก้วเจริญ ประมาณ 200 เมตร และตั้งอยู่ติดกับพื้นที่ของบ้านสวนส้มทิพย์รีสอร์ท
โดยรอบเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ไร้วี่แววกำลังรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ ต่างจากเดิมที่มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอารักขาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ยังพบว่าได้มีการนำรถแบ็คโฮมาทำการรื้อป้อมซึ่งอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านด้วย
ขณะเดียวกัน ได้มีหนังสือโทรสารราชการ สํานักงานนายตํารวจ ราชสํานักประจํา. (สนง.นรป.)พระที่นั่งอัมพรสถาน ที่ นรป/ว 1198 ลงวันที่ 5 ธ.ค. 2557 โดยมี สนง.นรป.ประจำพระองศ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ส่งผ่านยัง ศูนย์วิทยุปทุมวัน ถึงผู้ปฏิบัติ ผบช.น. ผบช.ภ.7 ผบช.ก.ผบช.ส. ผบก.น.1-9 ผบก.จร. ผบก.อคฝ ผบก.สปพ ผบก.ภ.จว.ราชบุรี ผบก.ทล. โดยให้มี ผบ.ตร. รองผบ.ตร.(มค.) หน.นรป.และรองผบ.ตร. (มค.3) ความว่า ตามที่ สนง.นรป.พระที่นั่งอัมพรสถาน แจ้งแก้ไขเปลี่ยนแปลงนามเรียกขานสถานที่สำคัญจากเดิม บ้านอัครพงศ์ปรีขา ซึ่งมีที่ตั้งในเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร และอ.วัดเพลง จ.ราชบุรี ที่ใช้นามเรียกขานว่า “บ้านอัครพงศ์ปรีชา” แก้ไขเปลี่ยนแปลงเป็น “บ้านสุวะดี” ตามหนังสือ โทรสารในราชการ สนง.นรป.พระที่นั่งอัมพรสถาน ที่ นรป/ว 1173 ลง 1 ธ.ค. 57 ที่อ้างถึงนั้น สนง.นรป.พระที่นั่งอัมพรสถาน ขอยกเลิกหนังสือที่อ้างถึงดังกล่าวและให้ใช้หนังสือฉบับนี้แทนดังนี้ 1. ยกเลิกนามเรียกขานบ้านสุวะดีในเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร และ อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี 2.กรณีบ้านสุวะดี เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ใช้ชื่อว่า บ้านเลขที่ 1 อาคารที่พักข้าราชการบริพารในพระองศ์ฯ ลงชื่อ พล.ต.ท.สกลเขต จันทรา หน.สนง.นรป.ประจำพระองศ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร
วันเดียวกันหลังจากที่มีข่าวการขึ้นป้ายประกาศขายรีสอร์ทสวนผึ้งรีสอร์ท จำนวน 600 ล้านบาท ของ พ ต.อ.โกวิท ม่วงนวล พร้อมภรรยา นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล (นามสกุลเดิมอัครพงศ์ปรีชา) 2 ผู้ต้องหาร่วมกันก่อสร้างแผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าฯ หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเชื่อมโยงกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ส่งผลให้บรรยากาศเป็นไปอย่างซบเซาและส่งผลให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเข้าไปพัก
ล่าสุด ทีมข่าวลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบพบว่า ด้านหน้ารีสอร์ทได้ปลดป้ายประกาศขายกิจการลงและนำป้ายกระดานดำมาเขียนข้อความด้วยช็อล์คระบุข้อความว่า “เยี่ยมชม ถ่ายรูป เปิดบริการแล้ว ร้านอาหาร กาแฟสด ของที่ระลึก ฟาร์มแกะ กิจกรรมสวนสนุกเปิดทุกวัน” และภายในสวนผึ้งรีสอร์ทยังมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสัมผัสกับบรรยากาศลมหนาวที่กำลังมาเยือนที่อำเภอสวนผึ้งเป็นจำนวนมากด้วย
ส่วนบรรยากาศภายในรีสอร์ทยังมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับตั้งแต่ปากประตูทางโดยมีการเรียกเก็บบัตรผ่านประตู รายละ 40 บาท ตามปกติ มีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาด ทำสวน และบริการลูกค้า รวมไปถึงร้านค้า ร้านอาหาร เปิดให้บริการตามปกติ และจากการสอบถามทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการติดต่อเข้าพักภายในสวนผึ้งรีสอร์ทพบว่ามีนักท่องเที่ยวเข้าพักและจองยาวไปจนถึงวันที่ 3 มกราคม 2558
ทั้งนี้จากการตรวจสอบตามที่ปรากฏตามข่าวว่าสวนผึ้งรีสอร์ทมีการทุบทิ้งและปิดตำนานมนุษย์หินฟริ้นสโตนนั้นไม่เป็นความจริง โดยส่วนตัวรีสอร์ทไม่พบว่ามีการถูกทุบทิ้งแต่อย่างใด ลานสวนสนุก อาคารออฟฟิต อาคารที่พัก และอาคารส่วนต่างๆ ยังอยู่ครบและสมบูรณ์ แต่ส่วนที่ทาง พ ต.อ.โกวิท ม่วงนวล พร้อมภรรยา นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ออกมาระบุว่าได้เป็นผู้สั่งทุบทิ้งจริง นั่นก็คือส่วนที่มีการถูกรื้อทิ้ง เป็นพื้นที่ส่วนเกินประมาณ 10 ไร่ ที่ถูกร้องเรียนว่ามีการบุกรุก ซึ่งอยู่อีกฟากฝั่งของร่องน้ำถัดจากรั้วของตัวรีสอร์ทออกไปด้านหลังและอยู่ติดกับเชิงเขา และเป็นพื้นที่ของกลางที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีอยู่ พร้อมกันนี้มีทหารเข้าดูแลไว้ เพื่อไม่ให้มีการทุบทิ้งทำลายของกลางในคดีเพิ่มเติมหรือมีการเข้ามาโยกย้ายของกลาง
ขณะเดียวกันที่หน้าแฟนเพจ https://www.facebook.com/suanpeung สวนผึ้งรีสอร์ท ได้มีการโพสต์ยืนยันถึงการเปิดให้บริการตามปกติ โดยระบุข้อความว่า“สวนผึ้งรีสอร์ท ของเรายังเปิดให้บริการปกตินะคะ”ทำให้นักท่องเที่ยวต่างก็เดินทางไปเข้าชมและเข้าพักเป็นจำนวนมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี