แฉไอ้โม่งป่วนแล้ง
เป่าหูชาวบ้านลากปลูกนาปรัง
‘ประยุทธ์’จวกยับจำนำข้าว
ต้นตอวิกฤติขาดน้ำรุนแรง
ลั่นเตือนไม่ฟังก็ดูแลไม่ได้
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาภัยแล้งว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบได้รายงานตัวเลขปริมาณน้ำหลังจากพายุเข้า ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มเป็น 4,1000 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำนาปรังได้ เพราะน้ำที่มีเมื่อหารเฉลี่ยแล้วทำให้อยู่ได้ไม่กี่เดือนน้ำก็จะหมดจากเขื่อน จะไม่มีน้ำประปา จึงอยากให้ชาวนาเชื่อภาครัฐที่แนะนำให้ปลูกพืชอื่นทดแทน
“บิ๊กตู่”จี้สื่อเลิกบี้รัฐจ่ายชดเชย
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า แต่ขณะนี้มีบางพื้นที่ที่ชาวนา ยังปลูกข้าวนาปรัง ทั้งที่ภาครัฐขอความร่วมมือไม่ให้ปลูก แล้วจะให้ทำอย่างไร จะให้ไปจับชาวนาติดคุกเอาไหม ที่ผ่านมาได้พยายามแนะนำมาตลอด อย่าทำนาปรังก็แค่นั้น ใช้น้ำให้ประหยัด หันไปปลูกพืชชนิดอื่น สื่อก็ต้องบอกชาวนาแบบนี้ ไม่ใช่บอกว่า น้ำไม่มีแล้วรัฐบาลต้องรับผิดชอบต้องหาวิธีการหาเงินชดเชยอยากให้สื่อช่วยตรงนี้ด้วย ทั้งชาวนาและชาวสวนยาง พูดจนปากจะฉีกอยู่แล้ว
แฉการเมืองยุทำนาปรังต่อ
“เรื่องทำข้าวนาปรัง ผมห้ามก็ไม่เชื่อ ผมก็บอกว่าถ้าทำแล้วเสียหาย ไม่มีน้ำผมก็ไม่ดูแล ดูแลไม่ได้ เพราะเตือนแล้ว ก็เห็นอยู่แล้วว่าน้ำไม่มี”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้มีบางกลุ่มไปบอกชาวนาให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวเขา ก็ไปแล้วปลูกข้าวไปก่อน เดี๋ยวกลับมาจะทำแบบเดิมให้ อย่างไรก็ตามเมื่อผู้สื่อข่าวซักต่อว่า มีพื้นที่ไหนบ้างที่มีเหตุการณ์เช่นนี้ แต่นายกฯกลับตอบเพียงว่า ไปหามาสิ
โยงแล้งหนักเพราะจำนำข้าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เมื่อสื่อลงไปทำข่าวก็ควรจะไปแนะนำชาวนา ให้ไปหาผู้ว่าฯ แต่ไปถามข้อมูลจากชาวนาเขาก็ไม่รู้เรื่อง เสร็จแล้วก็เป็นเหยื่อเขา ที่เรียกร้องเรื่องการเลือกตั้ง ถ้าเลือกตั้งมาแล้วจะดีกว่านี้ จะขายข้าวได้ราคามากกว่านี้
“น้ำวันนี้มันพร่องเพราะอะไร ลองตอบมาสิ น้ำในเขื่อนน้อยเพราะอะไร ซึ่งต้องไปดูว่าน้ำรองเขื่อนมีเท่าไหร่ น้ำรองเขื่อนต่ำมาตั้งแต่ปี 2555 เพราะปล่อยน้ำมาทำนาจนเหลือเฟือ เพราะมันจำนำข้าวไงเล่า ก็ปลูกให้มากเข้าไปสิ เอาน้ำไปใช้ให้หมด น้ำที่ควรจะอยู่รองก้นเขื่อน พอฝนตกมาก็จะเติมน้ำในเขื่อน แต่วันนี้น้ำในเขื่อนต่ำลงกว่าเกณฑ์ตั้งแต่ปี 2555 ทั้งกลัวเรื่องน้ำท่วมและปล่อยน้ำมาปลูกข้าว เมื่อฝนตกมาน้อย น้ำรองเขื่อนก็เตี้ยอยู่อย่างนี้ แล้วน้ำรองเขื่อนมันจะไปไหนได้คิดให้เป็นบ้าง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ เปิดเผยด้วยว่า วันนี้มีบางกลุ่มไปบอกชาวนา ให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวเขาก็ไปแล้ว ปลูกข้าวไปก่อนเดี๋ยวกลับมาจะทำแบบเดิมให้ ผู้สื่อข่าวถามว่ามีพื้นที่ไหนบ้าง นายกฯ ตอบว่า ไปหามาสิ เขียนให้ดีนะ อารมณ์ไม่ได้เสียนะ
ยันจัดสรรน้ำทั้งลุ่มน้ำเจ้าพระยา
ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสุพรรณบุรี อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี พล.อ.ฉัตรขัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้ง ในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาว่าได้มีมาตรการควบคุมน้ำต้นทางจาก 4 เขื่อนหลักที่มีปริมาณน้ำ 4.2พันล้าน ลบ.ม.โดยให้ใช้อุปโภค บริโภค รักษาระบบนิเวศและผลักดันน้ำเค็ม เป็นหลัก โดยจะมีน้ำไปจนถึงเดือน กรกฎาคมปี 2559 ยืนยันว่าการจัดสรรน้ำได้ดูแลทุกภาคส่วน ตั้งแต่ต้นน้ำ ไม่ใช่ดูแลแต่พื้นที่ปลายน้ำเช่นกรุงเทพฯ เท่านั้น อีกทั้ง ระบุว่า ยังไม่ได้สั่งปิดสถานีสูบน้ำ 365 แห่ง ตลอดลุ่มน้ำเจ้าพระยา เนื่องจากมีเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังต่อเนื่อง 1.7ล้านไร่ บางส่วนเก็บเกี่ยวไปแล้ว แต่ต้องลงไปทำความเข้าใจ ถ้าปลูกต่อปริมาณน้ำไม่มีเพียงพอปลูกข้าวนาปรังรุ่นสอง
ชาวนาลับแลเครียดข้าวแห้งตาย
สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งในภาคเหนือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.อุตรดิตถิ์ นางประมวล ทั่งรอด อายุ 60 ปี ชาวนาตำบลทุ่งยั้ง อ.ลับแล กล่าวว่าทำนาปี 23ไร่เมื่อถึงช่วงนี้แทนที่ต้นข้าวตั้งท้อง ออกร่วงอ่อน แต่กลับไม่งอกงาม ใบแห้งกรอบ เฝ้ามองดูนาข้าวทั้งทุ่ง รู้สึกห่อเหยี่ยวใจ นี่เป็นครั้งแรกในรอบ50ปีที่ข้าวแห้งตาย เพราะขาดน้ำ ฝนไม่ตก ส่งผลให้ไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าว
“ยอมรับว่าเครียด คิดมากจนบางครั้งนั่งเหม่อลอย ไม่มีเงินใช้หนี้เพราะไม่ได้ขายข้าว คิดหนักมากแล้วจะเอาข้าวไหนกิน ต้องรออีกนานกี่เดือนกี่ปี ถึงจะได้ทำนาอีกรอบและชาวนาชาวไร่ด้วยกัน คงคิดไม่แตกต่างจากตัวเอง”
ธ.ก.ส.อุตรดิตถ์ลงพื้นที่เร่งช่วย
ขณะที่ นายจรัญ แก้วสารพัดนึก รองผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ผอ.ธ.ก.ส.) สาขาภาคเหนือตอนล่าง พร้อม นายสมบูรณ์ นาคบัว ผอ.ธ.ก.ส.สาขาอุตรดิตถ์ พร้อม พนักงานได้ลงพื้นที่ อ.พิชัย อ.ทองแสนขัน และ อ.ลับแล หลังพบชาวนาเกิดภาวะความเครียดจากภัยแล้งจึงลงพื้นที่พบปะกับลูกค้า ธ.ก.ส.ส่วนใหญ่ เป็นชาวนาที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้ง ที่ขยายวงกว้างและรุนแรงมากขึ้นซึ่งได้แนะนำแนวทางการให้ความช่วยเหลือกรณีเกษตรกรไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิต ไม่มีรายได้และไม่สามารถใช้หนี้สินได้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากภาระหนี้สิน โดยมีวงเงินสินเชื่อรวม75,000ล้านบาท เพื่อดำเนินตามมาตรการต่างๆให้เกษตรกรผ่านพ้นวิกฤติแล้ง ได้จัดทีม 13 สาขา ลงพื้นที่แล้ง 9 อำเภอ เพื่อหามาตรการความช่วยเหลือ โดยไม่ต้องรอให้จังหวัดประกาศภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ง
เขื่อนกิ่วลมแล้งจนวิหาร100ปีโผล่
ส่วนสถานการณ์ปริมาณน้ำของเขื่อนกิ่วลม และ เขื่อนกิ่วคอหมา เป็นเขื่อนใหญ่ ในจังหวัดลำปาง ปริมาณน้ำยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เขื่อนกิ่วลม มีน้ำกักเก็บ 18.024 ล้าน ลบ.ม. ร้อยละ 16.97 ของความจุ ส่วนเขื่อนกิ่วคอหมา มีปริมาณน้ำกักเก็บ 22.435 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ13.17 ของความจุ ส่งผลให้ วิหารวัด เก่าแก่อายุกว่า100ปี วัดวังขวาง ที่เคยจมอยู่ในน้ำท้ายเขื่อนกิ่วลม ตั้งแต่ปี 2535โผล่ขึ้นเหนือน้ำ จนเห็นได้อย่างชัดเจน ในสภาพเหลือแต่อิฐ และ รูปทรงฐานวิหาร ถือเป็นการเป็นโผล่ขึ้นรอบ 2 ในรอบกว่า20ปี
ชาวนาร้องขอน้ำเลี้ยงข้าวจะแห้งตาย
บ่ายวันเดียวกัน มีชาวนาจาก ต.หนองน้อย ต.วังหมัน ต.หนองแซง ใน อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ประมาณกว่า100คน เดินทาง ไปยังสำนักงานชลประทานที่12 เขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เพื่อเรียกร้อง ให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งวัดสิงห์ ที่ผู้ดูแลรับผิดชอบส่งน้ำใน 3 ตำบล เพื่อให้ส่งน้ำเข้าคลองชลประทานเพื่อนำน้ำไปเลี้ยงต้นข้าวที่จะแห้งตายกว่า 38,000ไร่
หลังการเจรจากับ นายฎรงค์กร สมตน ผู้อำนวยการ สำนักงานชลประทานที่ 12 กับตัวแทนชาวบ้าน ได้ข้อสรุปว่า พื้นที่นาดังกล่าวเป็นการทำนาปีครั้งแรก แต่มีความล่าช้าจากปัญหาน้ำน้อย ทางสำนักงานชลประทานที่ 12 จึงอนุมัติสูบน้ำส่งเข้าคลองทุ่งวัดสิงห์ ให้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อข้าวของเกษตรกรจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 6 พฤศจิกายนไปจนถึงสิ้นเดือน
หนองคายภัยแล้งขยายพื้นที่เพิ่ม
ส่วนสถานการณ์ภัยแล้ง ในจ.หนองคายได้ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ ที่อ่างเก็บห้วยบังพวน อำเภอท่าบ่อ เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 1 ใน 5 แห่งของจังหวัด ปริมาณน้ำเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว เหลือเพียง 5 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ คิดเป็นร้อยละ 58.10 ของความจุอ่าง ไม่เพียงพอกับความต้องการต่อเนื่องมา 2 ปีติดต่อกันแล้ว ทำให้ชาวนา งดทำนาปรัง ให้หันไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทน แต่บางราย ยังดื้อรั้นทำนาปรังต่อ แม้จะเสี่ยงผลผลิตเสียหาย จากปัญหาขาดแคลนน้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี