"พิศิษฐ์" จี้ ป.ป.ช.ออกหน้าแถลงให้ชัดตอบสังคมปม"บิ๊กป้อม" ซุกนาฬิกาหรู เชื่อว่า ป.ป.ช.ไม่ขายจิตวิณญาณการเป็นนักตรวจสอบ ชี้ยืมนาฬิกาแพงยืมกันได้หรือไม่ แนะ "สตง."นำคดีรถหรูเป็นบรรทัดฐานตรวจสอบเสียภาษี เผยนาฬิกาหรู 

5 ก.พ. 61 นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยกรณีนางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีต สปช. ยื่นให้ สตง. ตรวจสอบการเสียภาษีนำเข้านาฬิกาหรู ทั้ง25 เรือน มีการเสียภาษีถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ว่า ตนยังไม่พูดเดี๋ยวกลายเป็นประเด็นการเมือง ในความเห็นของตนในฐานะทำงานด้านการตรวจสอบ มาตลอดชีวิต เมื่อสำนักงานป้องกันปราบปรามทุจริตครอรัปชั่น (ป.ป.ช.) ทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้ ต้องแถลงข้อเท็จจริงทุกประเด็นที่สังคมสงสัยตั้งคำถาม  ให้เกิดความกระจ่างชัด ถ้าประชาชนได้ฟังอย่างชัดเจนจาก ป.ป.ช. ที่เป็นองค์กรตรวจสอบหลักแล้ว ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นสิทธิ เพราะองค์กรตรวจสอบไม่สามารถทำเกินเลยหลักฐาน ข้อเท็จจริง ขณะนี้ตนก็ รอฟังผลสรุปขั้นสุดท้ายจาก ป.ป.ช. ทั้งนี้ระหว่างนี้ ป.ป.ช. สามารถพูดบนพื้นฐานข้อเท็จจริงได้ รวมทั้ง สตง. ก็สามารถพูดได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่มีใครรู้หลักฐานเป็นอย่างไร เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ตรวจสอบสอบให้ชัดแจ้ง 

"นาฬิกาหรู แม้ยังไม่ได้ข้อยุติ แต่ข้อเท็จจริงยังงัยสังคมต้องรู้ว่า เป็นอย่างไร ฟัง ป.ป.ช. บอกว่า ต้องไปดูหลักฐาน แต่หน่วยงานตรวจสอบ คือเครื่องมือตรวจสอบแทนประชาชนต้องใช้ประโยชน์ได้ ส่วนการยอมเชื่อหรือยอมรับข้อสรุปหรือไม่ เป็นเรื่องสังคมตัดสินจะ ไม่น่าเชื่อว่า ยืมเพื่อนมา หรือกลายเป็นเรื่องทุจริตไป  เป็นหน้าที่ ป.ป.ช. ควรเปิดเผยหลักฐานทั้งหมด ผมเองสมัยเป็นผู้ว่าฯ สตง. แม้ไม่มีหลักฐานมาแสดงตอนแถลงข่าว แต่ได้ตอบสื่อว่า ลิตส์รายการลงบัญชีไว้หมดรอการพิสูจน์ และพร้อมตอบ หากมีหลักฐานทุกประเด็น ผมเชื่อว่า ป.ป.ช. ไม่น่าขายจิตวิญญาน เพราะทางฝ่ายการเมืองถึงเวลาก็ไป แต่หน่วยงานรัฐยังอยู่กับประชาชนต่อไป ประเด็นเคลือบแคลงสงสัยต้องชี้แจงได้  ไม่เหมือนรถยนต์ใช้ทุกวัน ถ้าเราใช้คนก็เห็นเราใช้ทุกวัน เป็นไปได้ไหม รถยนต์ยืมมาใช้ขับทุกวัน ส่วนนาฬิกา อาจใส่บ้างไม่ใส่บ้าง แต่ยืมมาใช้ และของแพงๆยืมกันได้หรือไม่ ในเรื่องจริยธรรรม จึงต้องเปิดเผยทั้งหมด" นายพิศิษฐ์ กล่าว 

นายพิศิษฐ์ กล่าวถึงผู้ว่าฯ สตง. คนใหม่ มาจากการรองผู้ว่าฯ สตง. โดยผ่านระบบการสรรหา  ซี่งได้คนหนุ่มไฟแรง เชื่อว่าผลักดัน สตง. ให้รุดหน้าไปได้มาก ทั้งนี้แนวทางทำงานของผู้ว่าการฯ ต้องขึ้นกับนโยบาย คตง. ด้วย ลำพังต่อให้ผู้ว่าการฯเก่งอย่างไร มีความรู้สามารถ ถ้า คตง. ไม่สั่งให้เดินหน้า ก็ลำบาก 

แนวทาง สตง. คือ การป้องปราบ ทำงานเชิงรุก ใกล้ชิดสื่อ ตอบปัญหาสังคมได้เพื่อดึงองค์กรภาคส่วนเกี่ยวข้องมาร่วมกันตรวจเงินแผ่นดิน คือเงินของประเทศไม่ใช่เรื่องที่เปิดเผยไม่ได้ เพื่อให้คนรับรู้ไปกับ สตง. ไม่ใช่เพื่อประจานหน่วยงานที่ใช้จ่ายเงินผิดพลาดบกพร่อง ให้เป็นอุธาหรณ์ให้หน่วยงานอื่น ที่ต้องใช้จ่ายเงินของประชาชนในทางถูกต้องเหมาะสม มีเหตุอะไร ส่งให้ สตง.ไปตรวจ ที่ผ่านมาตนทำหน้าที่ยึดถือแนวทางอย่างนี้ การตรวจเงินแผ่นดิน ไม่สามารถปักปรำใครได้ ตรวจไปตามหลักฐานข้อเท็จจริง

"ปัจจุบันมีทุกโครงการใช้จ่ายเงินจำนวนมาก เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน โดยหลักการต้องตรวจสอบ หาก สตง. สแกนเงินทุกโครงการ ทำให้มั่นใจว่า ผลงานต่างๆที่รัฐบาล ตั้งความหวังจากโครงการไปถึงปลายทางมีประโยชน์ เพื่อโปร่งใส ทันเหตุการณ์ ส่วนราชการมาอ้างว่า เมื่อสตง. ตรวจแล้วไม่กล้าใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งไม่น่าใช่ประเด็น ถ้าทำถูกต้องไม่ควรกลัวการตรวจสอบ" นายพิศิษฐ์ กล่าว

อดีตผู้ว่าฯ สตง. กล่าวว่า ถ้าไม่ใช้จ่ายเงิน ก็คืนหลวงกลับมาทำโครงการอื่น สำหรับกรณีที่ประธาน คตง. เคยแถลงว่า จะทำงานแบบ ปิดทองหลังพระ ตนยืนยันว่า หน่วยงานตรวจสอบทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าทำเงียบๆไม่รู้ทำหรือไม่ คุมเครือไป ประชาชนเจ้าของเงินแผ่นดิน ควรรู้ใครทำอะไร สตง. และคตง. ควรทำตรวจสอบ ทุกโครงการอย่าให้ความผิดมันแฝงตัวอยู่ข้างหลัง เพราะเวลาไปเสนองบประมาณ สภาจะ ถามว่า ทำไม่ตรวจ ก่อนเสียหาย ดังหลักการตรวจสอบ จะหนีไม่พ้นจากนี้ 

รายงานจาก สตง. เปิดเผยว่า สตง.มีอำนาจตรวจสอบเรื่องการเสียภาษีนำเข้า นาฬิกาหรู ซี่งเหมือนกับรถยนต์หรู ต้องสอบทุกขั้นตอนการนำเข้าว่า เสียภาษีครบถ้วนหรือไม่ ส่วนจะไปให้ใครก็ได้ แต่ถ้าไม่เสียใครครอบครองอยู่ ก็ไม่ถูกต้อง จะต้องไปผ่านขบวนการเสียภาษีนำเข้าก่อน โดย สตง.รับเรื่องจาก น.ส.รสนา แล้วจะตรวจเช็คเบื้องต้นว่า มีการนำเข้านาฬิกาถูกต้องหรือไม่ เพราะ สตง. มีหน้าที่ตรวจสอบกับ หน่วยงานจัดเก็บรายได้ คือ กรมศุลากร ที่ต้องจัดเก็บรายได้เขารัฐ ยกเว้นอาจลักลอบใส่เข้ามาจากต่างประเทศ ก็เป็นหน้าที่กรมศุลกากร ต้องติดตามตรวจด้วยว่า ลักลอบนำเข้านาฬิกามาเรือน ทำเหมือนคดีรถหรู เช่นเดียวกัน