“อภิสิทธิ์” วิเคราะห์การเมืองไทยอยู่ในลักษณะ “สามก๊ก” ยันปชป.ไม่ร่วมเป็นรัฐบาลกับ “พปชร.-รปช.” ถ้าแนวทางไม่ตรงกัน รับ “เพื่อไทย” ยังได้เปรียบฐานเสียงแน่น ลั่นพร้อมสู้ศึกสนามเลือกตั้งโยนประชาชนตัดสิน
6 ส.ค. 61 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่า เวลานี้คนจำนวนไม่น้อยในสังคมมีความกังวลกับปัญหากับระบอบทักษิณว่าจะกลับมาหรือไม่ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็มีการพูดว่า เอา คสช. หรือไม่เอา คสช. เหมือนกัน ในมุมที่ว่าคสช. หลังจากเข้ามายึดอำนาจตอนแรกเหมือนกับ จะเป็นกรรมการ แต่ตอนหลังก็แสดงตัวค่อนข้างชัดว่า จะเป็นผู้เล่นด้วย จึงเกิดกระแสว่าจะยอมรับแนวทางของ คสช. ที่จะสืบทอดอำนาจหรือไม่ ส่วนประชาธิปัตย์หรือไม่ประชาธิปัตย์เป็นเรื่องตัวเลขมากกว่า ในการจะเอาชนะกัน ดังนั้น ลักษณะการเมืองขณะนี้เหมือน”สามก๊ก”มากกว่า คือ
1.พรรคการเมืองที่อิงอยู่กับตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือมีแนวทางคล้ายคลึงกับนายทักษิณ
2.พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาหรือแสดงท่าที่ว่าพร้อมจะสนับสนุนผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ไม่ว่า จะเป็นพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกฯ หรือผู้มีอำนาจในคสช. ไม่วาจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.)
3.ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ คือทางเลือกอีกทางหนึ่ง ที่ต่อสู้กับระบอบทักษิณมาตลอด และยืนยันที่จะต่อสู้อยู่ ขณะเดียวกันแนวทางของ คสช.หรือรัฐบาลปัจจุบันหลายอย่างก็ไม่สอดคล้องกับแนวคิดของประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะแนวคิดเบื้องหลังการบริหารของรัฐบาลปัจจุบัน ที่เน้นการรวมศูนย์ และเน้นแนวคิดแบบราชการเป็นตัวกำหนดนโยบาย แต่ประชาธิปัตย์เสนอแนวทางที่มีความเป็นตัวของตัวเอง ต่างจากทั้ง พรรคเพื่อไทย และคสช. ส่วนหลังเลือกตั้งก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน ถึงแม้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันคนมองว่า ไม่เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์
“การตัดสินใจของประชาชนมีความหมาย เมื่อประชาชนได้มีโอกาสรับทราบแนวทางที่แตกต่างกัน สมมติเอาหยาบๆ รัฐราชการกลุ่มหนึ่ง ระบบทักษิณ ประชานิยมกลุ่มหนึ่ง กับประชาธิปัตย์เสรีประชาธิปัตย์อีกกลุ่ม ผลการเลือกตั้งออกมาก็จะรู้ว่า ประชาชนสนับสนุนแนวทางไหนเท่าไหร่ ตรงนั้นถ้ามีความเด็ดขาดก็จบ ถ้ามีความไม่เด็ดขาด ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมาเจรจาว่า จะมีการจัดตั้งรัฐบาลใครกับใคร สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า จะยึดแนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศเป็นหลัก” หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าว
เมื่อถามว่า ถ้านโยบายไปด้วยกันได้ แสดงว่า ก็ร่วมงานกันได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่เห็นประโยชน์ของการที่พรรคประชาธิปัตย์จะไปเป็นรัฐบาลกับใคร หากแนวทางที่พรรคนำเสนอต่อประชาชนไม่ได้รับการปฏิบัติ หรือนำไปใช้ ตนว่า ประชาธิปัตย์ก็ควรจะเป็นฝ่ายค้าน ไม่ใช่อยากเป็น แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างการไปเป็นรัฐบาล แล้วบ้านเมืองไม่ได้ไปในแนวทางประชาธิปัตย์ นั่นไม่ใช่อุดมการณ์ของพรรค
"ขณะนี้อย่าไปวิตกกังวลว่า จะตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะเราไม่ทราบตัวเลข เมื่อทราบตัวเลขค่อยมาดูอีกทีว่า มีวิธีการแก้ปัญหาที่ไปทางไหนไม่ได้อย่างไร สิ่งหนึ่งที่ผมยืนยันคือ ประชาธิปัตย์ต้องการที่จะให้การเมืองเป็นเรื่องของอุดมการณ์ เป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาของประเทศแบบระยะยาว ยั่งยืน ถ้าทุกพรรคคิด แต่เพียงว่า ต้องไปเป็นรัฐบาล ผมคิดว่า ก็ทำให้การเมืองกลับไปเรื่องของผลประโยชน์ เรื่องของอำนาจ โดยเฉพาะการไปเป็นรัฐบาลไม่ต้องคำนึงเลยว่า นโยบายจะเป็นอย่างไร ขอให้ฉันมีตำแหน่ง ผมว่า เราควรมาช่วยกันทำให้การเมืองหลุดพ้นจากตรงนั้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า คิดว่าอะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ คือโซเชียลมีเดีย กับพลังดูด ที่จะดึงเอาคนที่มีอิทธิพลในพื้นที่มาดู นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จากที่ประเมินหลายประเทศ ถ้าการเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรมโชเชียลมีเดียจะเป็นตัวเปลี่ยนมากที่สุด ซึ่งไม่ได้หมายความว่า การดูดไม่มีความหมาย เพราะการเมืองที่ยังยึดกับตัวบุคคล กับผลประโยชน์ การย้ายพรรค การนับตัวเลข ส.ส. คงมีผลอยู่ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะระบบการเลือกตั้งที่ออกแบบมาว่า ทุกคะแนนเอาไปใช้คำนวณ ส.ส. ทั้งนี้ ตนมองว่า การเมืองในรอบ 20 ปี ที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่มองว่า เขาจะได้อะไรจากาการเมืองมากกว่าการเลือกไปแล้วจะมีผลอย่างไรกับใคร และโซเซียลมีเดีย เป็นแหล่งข้อมูลมากที่สุด ไม่ใช่รูปแบบเดิมๆอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรจะเร่งทำความเข้าใจเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างเสรี บริสุทธิ์เที่ยงธรรมให้ได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ระบุว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยจะได้คะนนถล่มทลายเหมือนหิมะถล่มว่า พรรคเพื่อไทยยังอยู่ในสถานะของพรรคที่มีความได้เปรียบ เพราะมีฐานะเสียงค่อนข้างที่แน่นในพื้นที่ซึ่งใหญ่ที่สุด คือ ภาคเหนือ ภาคอีสาน พรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์จากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ได้ ทำให้เกิดความรู้สึกว่า พอเปลี่ยนปลงรัฐบาลมาโดยการรัฐประหารก็ทำให้เศรษฐกิจแย่ลง และเรื่องความพร้อมทั้งเงิน ทองมีอยู่แล้ว ฉะนั้นนายทักษิณก็มีสิทธิ์ที่จะคิด มีสิทธิ์ที่จะคุย และอยากจะคุย แต่ตนก็ไม่แน่ใจว่า ประชาชนพร้อมที่จะเสี่ยงกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะพรรคเพื่อไทยยังไม่หลุดพ้นจากปัญหาเดิมๆ บ้านเมืองก็จะกลับมาอยู่ในภาวะที่เป็นแบบนี้อีก ในทางกลับกันจะเห็นว่า มีหลายพรรคที่แสดงตัวชัดว่า จะเป็นรัฐบาล ก็แสดงให้เห็นว่า มีพรรคการเมืองจำนวนหนึ่งที่ เชื่อว่า จะชนะ จะได้อำนาจ จะเป็นรัฐบาล จะสามารถดึงให้นักการเมืองคนอื่นไปร่วมกับตัวเองได้ เพราะมีความหวังว่า จะมีตำแหนง
“สำหรับประชาธิปัตย์ตอนนี้อยากจะให้คนที่จะอยู่กับพรรคคิดเรื่องทิศทางประเทศ ให้ตกผลึกร่วมกันว่า เราจะพาประเทศไปทางไหนในทางแนวทางที่นำเสนอเป็นหลักหากได้เป็นรัฐบาล และเราก็หวังว่า จะเป็นรัฐบาลและจะสู้เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล แต่ถ้าแนวทางนี้ประชาชนไม่สนับสนุน เราทำไม่ได้ก็เป็นเรื่องที่เราพึงจะยอมรับ ผมอยากให้เราเป็นแบบอย่างของพรรคการเมืองว่า การเมืองต้องไปแบบนี้ นายทักษิณก็พยายามจะบอกว่า ฉันมีคะแนนเยอะ ฉันต้องได้เป็นรัฐบาล ดังนั้นอย่าไปไหน ส่วนอีกฝ่ายก็บอกว่า ได้เป็นรัฐบาลแน่ มาอยู่กับเราเถอะ ผมจึงบอกว่า ดูก็แล้วกัน มันจะกลับมาเป็นประชาธิปัตย์กับไม่เอาประชาธิปัตย์หรือไม่ เพราะประชาธิปัตย์ไม่เอาเกมนั้น ดังนั้นขอให้ประชาชนดูเอาว่า ถ้านักการเมืองจะไปมีอำนาจต้องคิดให้ดี ไม่พูดถึงแนวทาง ไม่พูดถึงอุดมการณ์มันน่ากลัว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี