ร.10โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง
องคมนตรีใหม่
‘อำพน-เฉลิมชัย-จอม’
‘บิ๊กตู่’ป้อง4รมต.ให้อยู่ต่อ
มุ่งทำงาน-ไม่ได้เปรียบใคร
สนธิรัตน์แย้มเดี๋ยวออกเอง
‘ภท.’ชู‘เสี่ยหนู’หน.พรรค
โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง “อำพน-พล.อ.เฉลิมชัย-พล.อ.อ.จอม”เป็นองคมนตรี ขณะที่ “บิ๊กตู่” ป้อง 4 รมต.เข้าค่าย พปชร.ไม่ขัดกฎหมาย ไม่ต้องลาออก ระบุเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ต้องแยกแยะการทำงานให้ออก ในขณะที่ “สนธิรัตน์” ย้ำชัดเมื่อถึงเวลาก็ต้องสวมหมวกใบเดียว ด้าน“เสี่ยหนู”เดินหน้า
ลุยสนามการเมืองระบุถ้าได้ 250 เสียงก็พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ในขณะที่หมอวรงค์ ย้ำกระแสดีชิงหัวหน้า ปชป.แบ่งรับแบ่งสู้หนุน”ประยุทธ์”นั่งนายกฯอีกสมัย ส่วนผู้ว่าฯกทม.โวมีหลายพรรคตามจีบร่วมงาน
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ แต่งตั้งองคมนตรี โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า ตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งองคมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 11 มี.ค.2561 แล้วนั้น
บัดนี้ ทรงพระราชดำริเห็นเป็นการสมควรแต่งตั้งองคมนตรีเพิ่มขึ้น อาศัยอ านาจตามความในมาตรา 10 และมาตรา 11 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง 1. นายอำพน กิตติอำพน เป็น องคมนตรี 2. พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท เป็น องคมนตรี 3. พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง เป็น องคมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 2 ต.ค.2561 เป็นปีที่ 3 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระราชโองการ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี
เด้งเลขาสปส.นั่งรองปลัดฯ
ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการพิจารณาบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการหลายกระทรวง หนึ่งในนั้นมีกระทรวงแรงงานที่เสนอบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย 4 ราย ได้แก่ 1.นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เป็นรองปลัดกระทรวงแรงงาน 2.นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็นเลขาธิการ สปส.3.นายวิวัฒน์ ตังหงส์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และ 4.พ.ต.ต.หญิง รมยง สุรกิจบรรหารผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นรองปลัดกระทรวงแรงงาน ส่วนตำแหน่งอธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) ที่ว่างลงเพราะนายอนุรักษ์ ทศรัตน์ เกษียณอายุราชการ ยังไม่มีการเสนอรายชื่อแต่งตั้ง เนื่องจากต้องพิจารณาบุคคลที่มีความเหมาะสมอีกครั้ง
“บิ๊กตู่”แจง4รมต.ซบ’พปรช.’
ที่ทำเนียบรัฐบาล บ่ายวันเดียวกัน หลังประชุม ครม.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณี 4 รัฐมนตรีในรัฐบาล ไปร่วมทำงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ(พปรช.) ต้องลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การที่รัฐมนตรีไปทำงานการเมืองนั้น เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคล พูดมาหลายครั้งแล้ว และย้ำเตือนในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ด้วย รวมถึงช่วงที่เขามาขออนุญาต โดยได้บอกไปว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน อย่าทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเสียหาย เพราะในการบริการราชการแผ่นดิน รัฐมนตรีทั้ง 4 คน ไม่ใช่ผู้ตัดสินหลักใน ครม. เพราะการจะออกมติอะไรจะต้องเป็นมติของ ครม.ทั้งคณะ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี
บอกไม่ได้เอื้อประโยชน์ใคร
“คงไม่ได้ไปเอื้อประโยชน์อะไรกับใครทั้งสิ้น ไม่ได้เอื้อประโยชน์อย่างเช่นที่ผ่านมา หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ เพราะหลายคนออกมาพูดว่าจะเกิดอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเคยเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า แล้วใครเป็นคนทำ ถ้าไม่มีก็แล้วไป แต่ขอร้องอย่ามาอ้างว่า วันนี้จะมีการทำอย่างนั้นอย่างนี้ รัฐบาลนี้ไม่ได้มุ่งหวังให้เกิดการเอื้อประโยชน์อยู่แล้ว เราจะดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป สานต่องาน รักษาความสงบเรียบร้อย อะไรผิดกฏหมาย ก็ถือว่าผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า แม้การไปทำงานการเมืองจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่มีกระแสดันให้ 4 รมต.ลาออก เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายพล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า กฎหมายเขาว่าอย่างไร ก่อนหน้านั้นเขาทำอย่างไรกันอยู่ มีกรณีแบบนี้หรือไม่ “มีหรือเปล่า มีไหมจ๊ะ”เมื่อถามย้ำอีกว่าแต่มีการอ้างว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเผด็จการ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า“ผมเป็นรัฐบาล ที่ผมต้องบอกว่ามีธรรมาภิบาล สมัยที่คุณเป็น คุณมีธรรมาภิบาลหรือเปล่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ระวังได้เปรียบ-เสียเปรียบ
รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม.เปิดเผยว่าพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในที่ประชุมถึง กรณีที่มีรัฐมนตรี ไปร่วมทำงานการเมืองกับ พปชร. ว่า ขอให้ระมัดระวัง จะทำอะไรขอให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม อย่าใช้อำนาจในทางการเมือง จนเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ ในส่วนของรัฐบาล จะต้องแก้ไขปัญหาให้ประชาชนต่อไป รัฐมนตรีที่ตัดสินใจไปเล่นการเมือง ตัดสินใจแล้วก็ต้องระมัดระวังให้ดี อย่าให้เกิดการเข้าใจผิด คำว่าประชารัฐในมิติของรัฐบาลนี้ หมายถึง ภาคประชาชนกับรัฐบาล มาทำงานร่วมกัน โดยภาคประชาชนหมายถึง องค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นักวิชาการ นักธุรกิจ พ่อค้า ประชาชน ที่มาทำงานร่วมกับรัฐบาล ผลักดันให้งานเดินหน้าไปได้ ในส่วนทางการเมือง แม้จะมีชื่อพ้องกันแต่จะต้องแยกแยะให้ชัดเจน ว่าเป็นคนละส่วนกัน ส่วนนโยบายจะเหมือนกันหรือไม่ ตรงนี้ไม่ทราบ
ถึงเวลาก็สวมหมวกใบเดียว
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ในฐานะว่าที่เลขาธิการ พปชร. ให้สัมภาษณ์ยอมรับจากนี้ไปการทำงานคงยากขึ้น และต้องทำงานหนักมากกว่าเดิมมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถกำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจนได้หรือไม่ ว่าจะสวมหมวกใบเดียวเมื่อใด นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า อยู่ในใจอยู่แล้ว ขอให้ดูต่อไป ทั้งนี้กระแสตอบรับของพรรคพลังประชารัฐหลังเปิดตัวนั้น สื่อต้องเป็นคนตอบว่าดีหรือไม่ เรามีหน้าที่เพียงเสนอตัว มีหน้าที่สร้างพรรคทางเลือกให้กับประเทศไทย ส่วนกระแสตอบรับเป็นเรื่องของพี่น้องประชาชน เราก็จะทำหน้าที่ของเราต่อไป และจะทำให้ดีที่สุด
บอกสมคิดให้กำลังใจทุกคน
เมื่อถามว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี อยากให้ทุกพรรคการเมืองแข่งกันด้วยนโยบาย อย่าง พปชร เองจะมีนโยบายอะไรที่เซอร์ไพรส์หรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า “มีแน่นอน ขอให้รอ เพราะเราต้องการสร้างการเมืองที่มีนโยบายนำพาประเทศไปได้ ซึ่ง 60-70 คน ที่มาเปิดตัวกับพรรคในรอบแรกล้วนเป็นบุคคลคุณภาพของประเทศไทย แต่เดิมคนที่จะเข้าสู่การเมือง กลัวการเมืองทั้งสิ้น เราพยายามจะสร้างให้เห็นว่า การเมืองเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเข้ามาและร่วมกันทำ”
เมื่อถามว่า กรณีที่นายสมคิด ระบุว่า 4 รัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องลาออก ทำให้มีกำลังใจมากขึ้นหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ก็เป็นกำลังใจของผู้บังคับบัญชา
ไม่รู้สามมิตรจะมาด้วยหรือป่าว
นาย นายสนธิรัตน์ ยัง ตอบคำถามผู้สื่อข่าวอีกหนถึงความชัดเจนว่ากลุ่มสามมิตรจะมาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ว่า “ยังไม่รู้เลยครับ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เขายืนยันหรือไม่ นายสนธิรัตน์ ย้อนถามกลับว่า “เขาจะตั้งพรรครึเปล่า” เมื่อถามว่า อีกกระแสระบุว่ากลุ่มสามมิตรจะไม่มาร่วมพรรคประชารัฐแล้วหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า สื่อน่าจะรู้กันหมดแล้ว เมื่อถามย้ำว่า มีข่าวว่ากลุ่มสามมิตรจะไปตั้งพรรคหรือ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า “ผมไม่รู้ ต้องไปถามเขา” เมื่อถามว่า ลำบากใจหรือไม่ในการทำงานรัฐมนตรีหลังประกาศลงเล่นการเมือง นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พูดเยอะไม่ได้เพราะนี่คือ เวลาราชการ และนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ได้บอกแล้วว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์เรื่องการเมืองในเวลางานหรือใช้เวลาราชการ
ปชป.รับสมัครสมาชิกพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวปไซต์ Democrat Party,Thailand ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)โพสต์ เปิดรับสมาชิกเพื่อร่วมหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค ที่มีผู้เสนอตัวในขณะนี้ 3 คน คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตสส.พิษณุโลก และนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธาน สปท. โดยมี 3 ช่องทางในการสมัครเป็นสมาชิกคือ 1 สมัครด้วยตนเองที่สำนักงานใหญ่พรรค 2 สมัครด้วยตนเอง ณ จุดรับสมัคร 350 จุดที่พรรคประกาศมอบหมายทั่วประเทศ และ 3 สมัครผ่านแอปพลิเคชัน D-Connect ผ่านระบบ Android โดยกำหนดกติกาการชำระเงินค่าบำรุงพรรคทั้ง 3 ช่องทางจะต้องโอนผ่านบัญชีธนาคารของผู้สมัครไปยังธนาคารกรุงไทยชื่อบัญชี พรรคประชาธิปัตย์-ทุนประเดิม เลขที่068-6-03585-2 เท่านั้น มีรายงานข่าวแจ้งว่าเหตุผลที่กรรมการบริหารพรรคกำหนดกติกาดังกล่าวเพื่อป้องกันการเกณฑ์คนมาสมัครเป็นสมาชิกเพื่อมาลงคะแนนหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมายพรรคการเมืองที่ห้ามจ่ายเงินจูงใจให้เป็นสมาชิกพรรค
หมอวรงค์ไม่ปฎิเสธหนุนบิ๊กตู่
ขณะเดียวกัน น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ในฐานะผู้เสนอตัวชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เดินทางมาที่ปชป.สมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยมีนายวิรัตน์ วิริยพงษ์ อดีต ส.ส.สุโขทัย ในฐานะตัวแทนกลุ่มเพื่อนหมอวรงค์มาให้กำลังใจ โดยน.พ.วรงค์ สมัครผ่านระบบแอพพลิเคชัน D-connect พร้อมกับโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร และบ่นว่ายากจัง ก่อนที่จะกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ระบบการโอนเงินดังกล่าวทำให้สมัครสมาชิกยาก แต่ก็ยอมรับกติกา
ทั้งระบุว่าการเข้าชิงหัวหน้าปชป.หนนี้กระแสตอบรับดีมาก ถ้าตนได้เป็นหัวหน้าพรรคจะมีผู้สมัครเลือดใหม่จากเหนือและอีสานมาร่วมงานกับพรรคอีกจำนวนมาก และตนจะทำให้พรรคดีขึ้นกว่าเดิม
เมื่อถามย้ำถึงจุดยืนในการตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งว่าจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกต่ออีกหรือไม่ น.พ.วรงค์ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ กล่าวเพียงว่า ยังไม่ได้มองไกลถึงขนาดนั้น ขณะนี้มุ่งที่การแข่งขันในตำแหน่งหัวหน้าพรรคก่อน และไม่ได้ติดยึดกับตัวบุคคล การร่วมรัฐบาลต้องมีการหารือกันก่อน
“ภูมิใจไทย”ประชุมกระหึ่ม
บ่ายวันเดียวกัน ภายหลังการประชุมใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย(ภท.)เสร็จสิ้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้า ภท. แถลงว่า การประชุมครั้งนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ เป็นการคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ จำนวน 13 คน ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ส่วนรองหัวหน้าพรรค 4 คน ตามลำดับคือ นายทรงศักดิ์ ทองศรี , นายบุญลือ ประเสริฐโสภา , นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส่วนเลขาธิการพรรค คือนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ด้านนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ เป็นรองเลขาธิการพรรคคนที่ 1 และนายรังสิกร ทิมาตฤกะ รองเลขาธิการพรรคคนที่ 2 เหรัญญิกพรรค คือ นางนาที รัชกิจประการ นายทะเบียนพรรค คือ นายศุภชัย ใจสมุทร นอกจากนี้ นายสรอรรถ กลิ่นประทุม นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล และนายมานิตย์ ภาวสุทธิ์ ยังเป็นกรรมการบริหารพรรค ขณะที่โฆษก และรองโฆษกพรรคจะหารือพิจารณาคนที่เหมาะสมอีกครั้ง\
เสี่ยหนูพร้อมเป็นนายกฯ
นายอุทิน ยังกล่าวอีกว่า ถึงตอนนี้ก็ต้องเดินหน้าทางการเมืองอย่างเต็มที่ แต่ยังไม่ได้วางเป้าจำนวนสส. ถ้าพรรคได้ 250 เสียงตนก็พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่า วันนี้ยังไม่เห็นตระกูลสะสมทรัพย์ มาร่วมประชุมกับพรรค นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างยังมีเวลา 90 วันก่อนการเลือกตั้ง พรรคพูดคุยกับบรรดานักการเมืองไม่ใช่ตระกูลใดตระกูลหนึ่ง และยังมีการชักชวนผู้มีความสามารถ บางคนไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มาร่วมงาน
ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวสั้นๆว่า สำหรับพรรคภูมิใจไทย จะเสนอชื่อนายอนุทิน เป็นนายกฯเพียงคนเดียว
สส.ต่างพรรคร่วมงานเพียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมของ ภท.หนนี้ ยังมี ยังมีอดีต ส.ส.จากพรรคการเมืองอื่นที่ประกาศตัวจะลงสมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทยมาร่วมประชุมเช่นเดียวกัน อาทิ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) นายพงษ์พันธุ์ สุนทรชัย อดีตส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย(พท.) ขณะเดียวกัน อดีตส.ส.ภูมิใจไทยที่เคยมีข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ก็มาร่วมงานเช่นกัน เช่น นายสุชาติ ศรีสังข์ อดีตส.ส.มหาสารคาม นายนที สุทินเผือก หรือ กรุง ศรีวิไล อดีต ส.ส.สมุทรปราการ เป็นต้น โดยทั้งหมดยืนยันกับนายอนุทิน ว่า ยังอยู่พรรคภูมิใจไทย แต่ที่มีชื่อไปปรากฏ เนื่องจากโดนกลุ่มสามมิตรนำชื่อไป
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ เผยว่าที่มาสังกัด ภท.เพราะหมดยุคแบ่งขั้วแล้ว และภท.เป็นพรรคที่ได้รับการตอบรับดีในพื้นที่ เป็นพรรคสายกลาง ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติไม่ได้ทำเพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ขณะเดียวกัน นายชาดา ได้กล่าวแนะนำ นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ หลานชาย ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุทัยธานี เขต 1 โดยคาดหวังให้นายเจเศรษฐ์เป็นผู้สมัครในฐานะคนรุ่นใหม่ของพรรคภูมิใจไทย
“อัศวิน”ยัน” สกลธี” ไม่ต้องลาออก
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณี นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไปสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ว่า เป็นเรื่องส่วนบุคคล ยังไม่ต้องลาออกจากรองผู้ว่าฯ ถ้าสมัครรับเลือกตั้งจึงจะต้องลาออก ขณะนี้ยังคงทำหน้าที่รองผู้ว่าฯได้ ส่วนเรื่องการทำกิจกรรมทางการเมือง ได้มี 3 ข้อห้าม คือ ห้ามทำในเวลาราชการ ห้ามนำของในราชการไปใช้ และห้ามใช้คนของทางราชการ เสาร์-อาทิตย์ไปได้ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถทำกิจกรรรมใดได้
ผู้สื่อข่าวถามมีการทาบทามไปสมัครพรรคการเมืองใดบ้างหรือไม่ พล.ต.อ.อัศวินเผยว่า “มีเยอะแยะ แต่ผมไม่พร้อมจะสมัคร มีความนิยมชมชอบบางอย่าง แต่ไม่บอก”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี