"เดชณัฐวิทย์"น้ำตาคลอยกพ่อป่วยไร้ดูแลแถมผูกโยงการเมือง ซัดทนายอดีตนายกฯโจมตีเสียหาย กล่าวหามีดีลวงในเพื่อได้รักษา เกิดความไม่วางใจขึ้นเป็นเหตุลาออกเข้าพปชร.หลังคุย"สมศักดิ์-สุริยะ"ลั่นขอลงลต.เขตเดิมพ่อ
24 พ.ย.61 นายเดชณัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ บุตรชายนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้จำคุกในคดีทุจริตระบายข้าวหรือจีทูจี ในโครงการรับจำนำข้าว ให้สัมภาษณ์เปิดใจภายหลังสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ว่า อยากที่ทุกคนทราบและเห็นในข่าวได้ถูกโจมตีเสียๆหายๆจากฝั่งทนายของอดีตนายกฯ ซึ่งตนมองว่าบทบาททางการเมืองของพ่อตนได้จบไปตั้งแต่วันที่ศาลตัดสินจำคุก ตลอดระยะเวลาที่ท่านติดคุกไม่เคยมีข่าวว่าท่านออกมาเลย
"พอมาถึงเวลาที่ท่านเจ็บป่วย และได้รับการรักษาก็ดันไปเอาข่าวท่านไปเชื่อมโยงกับคดีต่างๆนานา ซึ่งส่งผลกระทบต่อท่านที่ต้องรับการรักษาตัว ถึงขั้นมีการพูดว่ามีการดีลวงในหรือเปล่า ทำให้คนอื่นที่ได้รับข่าวไม่อยากมาช่วย และเป็นการมองว่าป่วยจริงหรือไม่ เพราะเอาไปผูกกับเรื่องการเมืองไปหมด "นายเดชณัฐวิทย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อให้สัมภาษณ์ถึงช่วงนี้นายเดชณัฐวิทย์ ถึงกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและมีน้ำตาคลอ นายณัฐวิทย์ กล่าวต่อว่า เมื่อมีความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นภายในพรรคเพื่อไทยเอง เกรงว่าการเดินหน้าในทางการเมืองจะมีปัญหา ตนนั่งคิดอยู่นานและตัดสินใจว่า ถอยออกมาก้าวหนึ่งดีกว่า ที่ตนตัดสินใจลาออกก็ยังไม่ได้คิดว่าจะเดินไปข้างหน้าไปทางไหน หรือจะย้ายไปพรรคไหนต่อ จึงไปลาออกเพื่อความสบายใจของตัวเอง ของทางพรรค และของคุณพ่อ ทางพรรคเพื่อไทยจะได้เดินหน้าอย่างเต็มท่ีจะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
นายเดชณัฐวิทย์ กล่าวว่า โดยระหว่างที่ตนออกมาได้ปรึกษากับคุณพ่อว่าจะทำอย่างไรดีกับชีวิตการเมือง ซึ่งจุดประสงค์ของตนและครอบครัว คือรักษาการป่วยของพ่อให้หายดี
"การที่คุณพ่อเป็นอยู่ทุกวันนี้คงไม่ต้องตอบก็คงทราบว่า เป็นเพราะอะไร ทุกวันนี้พอเราต้องการความช่วยเหลือ ดันมาขี่ซ้ำ ผมก็ถามพ่อว่าเราจะเอาอย่างไรกันดี ถ้าอยู่มันโหดร้ายให้ผมทำการเมืองไหม พ่อให้ที่เหลือจากนี้เป็นการตัดสินใจของผมล้วนๆ ท่านบอกว่า ชีวิตการเมืองของท่านจบไปแล้ว ต่อไปให้เป็นเรื่องของลูกตัดสินใจเอง"นายเดชณัฐวิทย์กล่าว
นายเดชณัฐวิทย์ กล่าวว่า ท่านจึงให้ผู้ใหญ่ที่ท่านนับถือตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย เช่น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตแกนนำกลุ่มสามมิตร ให้ตนลองคุยกับผู้ใหญ่สองท่านนี้ก่อนว่าจะเอาอย่างไรต่อ จากนั้นก็มีผู้ใหญ่พาตนมาคุยกับทั้ง2คน โดยคุยกันเบื้องต้น ซึ่งท่านทั้งสองก็มองเห็นศักยภาพของตน แนวทางในการเมืองของเราสามารถไปด้วยกันได้ ตนจึงตัดสินใจที่จะมาร่วมพรรคนี้ ซึ่งตอนที่ตนได้ตัดสินใจมาร่วมกับพลังประชารัฐ และท่านก็เคารพการตัดสินใจของตน
เมื่อถามว่า การตัดสินใจมาอยู่พรรคพลังประชารัฐมีคุณพ่อเป็นเหตุผลสำคัญใช่หรือไม่ นายเดชณัฐวิทย์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวเป็นการตัดสินใจของตนเอง เพียงแต่คุณพ่อแนะนำผู้ใหญ่ให้พูดคุย
เมื่อถามต่อว่า จะไม่กลับไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยและไทยรักษาชาติใช่ไหม นายเดชณัฐวิทย์ ตอบว่า จะบอกว่าไม่กลับไปร่วมงานก็ไม่ได้ เพราะสุดท้ายถ้าลงเลือกตั้งแล้วได้รับเลือกและอยู่สภาเดียวกัน หากผู้แทนไม่ได้ทำเพื่อประชาชนท้ังหมดก็คงไม่ได้ การทำงานในสภาเชื่อมโยงเพื่อทำงานร่วมกันก็ไม่มีปัญหา ส่วนจุดที่มองเห็นและตัดสินใจ เพราะเรามองเจตนารมณ์ทางการเมืองเหมือนกัน
นายเดชณัฐวิทย์ กล่าวว่า ส่วนการเลือกตั้งตั้งใจจะลงเขตเดิมที่คุณพ่อเคยลง เพราะมีโอกาสได้พบปะประชาชนและเสียงประชาชนก็สนับสนุนให้เป็นตัวแทนมาสานงานต่อ
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่จะได้รับเลือกเพราะเปลี่ยนพรรคแล้ว นายเดชณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยอมรับกระทบกับฐานเสียงอยู่แล้ว ตัวผู้สมัครเปรียบเหมือนกับลาบ แต่ส่วนพรรคเปรียบเสมือนภาชนะที่เราไว้รองรับลาบที่เราอยากกิน ถ้าสุดแล้วประชาชนอยากกินลาบ จะไปอยู่บนจาน ในถ้วยหรือในแก้วเขาก็ได้กินลาบเหมือนเดิม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี