ปชป.เปิดโผผู้สมัครส.ส."กทม.-กลาง"ทั้ง122เขต ชี้ยังเหลือ8เขต"ใต้-อีสาน-เหนือ"ยังไม่ได้ข้อยุติ เตรียมเคาะอีกครั้ง5ม.ค.นี้ เผย"ชุมพร เขต 1"มีปัญหา เพราะ"ลูกหมี"ท่าทีทางการยังไม่ชัด ทำชาวบ้านสับสน
27 ธ.ค.61 ที่พรรคประชาธิปัตย์ คณะโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ , นายเชาว์ มีขวด และนายธัญญ์นิธิ ชวรัตน์นิธิโชติ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าวถึงการประชุมกรรมการบริหารพรรคฯ เพื่อพิจารณารายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวานนี้ (26 ธ.ค.)
โดย นายธนา แถลงว่า ที่ประชุมได้อนุมัติรายชื่อผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในเขตกรุงเทพมหานคร 30 เขต และผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลาง 26 จังหวัด 92 เขต รวมทั้งหมด 122 เขต เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีบางจังหวัดที่พิจารณาไม่จบ ได้แก่ จ.ชุมพร เขต 1 เนื่องจาก นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ซึ่งทางพรรคเห็นว่ายังมีความไม่ชัดเจนทางการเมืองในพื้นที่ ทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความสับสน จึงต้องการให้นายชุมพลทำให้เกิดความชัดเจนก่อน
นายธนา แถลงต่อว่า ส่วนจังหวัดที่ยังมีปัญหา คือ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 เขต จ.อุดรธานี ในเขต 2 , 5 , 6 จ.ยโสธร ทั้งจังหวัด จ.เลย เขต 2 จ.พิจิตร ทั้ง 3 เขต เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้มีการแบ่งเขตใหม่ และเป็นเขตที่มีการต่อสู้ที่ต้องยอมรับว่ารุนแรง ซึ่งที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคได้พิจารณาเหตุผลสำคัญถึงการส่งผู้สมัครว่า พรรคจะต้องได้รับประโยชน์สูงสุด และจะต้องได้รับคะแนนนิยมสูงสุด และสามารถสร้างกระแสให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะในทุกเขตเลือกตั้ง ซึ่งในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคได้พูดคุยกันในหลายสูตรทางการเมืองและหลายประเด็น แต่ท้ายที่สุดยังไม่ได้ข้อสรุป จึงให้ผู้ที่รับผิดชอบ คือ นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองเลขาธิการพรรค ซึ่งดูแลพื้นที่ จ.พิจิตร ได้ไปแก้ปัญหาทั้ง 3 เขต ของ จ.พิจิตร กับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากขณะนี้การแบ่งเขตเลือกตั้งมีความซับซ้อน ซึ่งอาจมี ส.ส.เขตบางคนต้องขึ้นบัญชีรายชื่อ ทางกรรมการบริหารพรรคจึงได้ขยายเวลาในการสรรหาในส่วนของ ส.ส.บัญชีรายชื่อและระบบเขต ไปจนถึงในวันที่ 4 ม.ค.62 เพื่อที่ กรรมการบริหารพรรคจะได้พิจารณาอนุมัติอีกครั้งในวันที่ 5 ม.ค.62
นายธนา แถลงด้วยว่า ส่วนพื้นที่อื่นๆ ที่มีปัญหาก่อนหน้านี้เช่น เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.สงขลา ระหว่าง นายเจือ ราชสีห์ อดีต ส.ส.กับนายสรรเพชญ บุญญามณี บุตรชาย นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์กรบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ซึ่งกรรมการบริหารพรรคมีมติให้นายสรรเพชญ เป็นผู้ลงสมัคร ซึ่งปัญหานี้ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคใช้เวลานานในการพิจารณา เนื่องจากผู้สมัครทั้ง 2 คน เป็นผู้ที่มีศักยภาพในการทำงานให้กับพรรค ซึ่งท้ายที่สุดทางกรรมการบริหารพรรคพิจารณาแล้วว่า การที่ทั้งคู่มีคุณสมบัติ ดังนั้น การจัดสรรผู้ลงสมัครทั้ง ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ จะต้องทำให้พรรคได้ประโยชน์สูงสุด เนื่องจากนายเจือเป็นอดีต ส.ส.หลายสมัย ซึ่งได้ทำงานให้กับพรรคมาอย่างมากมาย การให้นายเจือขึ้นระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งทำให้นายเจือจะสามารถทำงานให้กับพรรคในภาพรวมได้มากขึ้น ซึ่งยืนยันว่า นายเจือจะขึ้นบัญชีรายชื่อในลำดับที่ได้เป็น ส.ส.เพราะถือว่านายเจือได้ทำงานให้กับพรรคมาเป็นเวลานาน แต่เพื่อให้การดำเนินยุทธศาสตร์การเลือกตั้งทางภาคใต้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่ง จ.สงขลา ถือว่าเป็นเมืองหลวงเมืองหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ การที่จะได้นายสรรเพชญ มาช่วยงานในเขต จะทำให้กำลังในการทำงานรับใช้ประชาชนใน จ.สงขลา มีประสิทธิภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่านายเจือไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะนายเจือมีความเป็นนักการเมืองอาชีพ ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วเป็นประโยชน์ต่อพรรค และนายเจือจะยังมีสถานะที่จะได้เป็น ส.ส.ก็ไม่น่าจะมีปัญหา
ส่วนกรณีของ นายชนินทร์ รุ่งแสง อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร ที่ไม่ได้รับการคัดเลือกให้ลงสมัคร ส.ส.ต่อนั้น ตนรู้สึกเห็นใจ เพราะไม่มีใครในพรรคต้องการให้เกิด เนื่องจากว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ในเขต 30 มีการนำพื้นที่ของเขตบางพลัด และบางกอกน้อย มารวมกัน ทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคจึงมีมติให้ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก เป็นผู้สมัคร ส.ส.เพราะเห็นว่า เขตเลือกตั้งดังกล่าว มีพื้นที่และประชากรที่ น.ส.รัชดา ต้องดูแลมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ทางพรรคพยายามเกลี้ยกล่อมให้นายชนินทร์ ขึ้นไปอยู่บัญชีรายชื่อแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น นายธัญญ์นิธิ และนายเชาว์ เป็นผู้แถลงรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ทั้งนี้ ในการเปิดเผยรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ในเขตกรุงเทพมหานคร 30 เขต และเขตพื้นที่ภาคกลาง 26 จังหวัด 92 เขต มีผู้สมัครหน้าใหม่สื่อมวลชนให้ความน่าสนใจ เช่น ในเขต กทม.เขตเลือกตั้งที่ 9 เขตหลักสี่ เขตจตุจักร (ยกเว้นแขวงจตุจักร และแขวงจอมพล) ทางพรรคฯ ส่ง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
เขตเลือกตั้งที่ 10 เขตดอนเมือง ส่ง นายธัญญ์นิธิ ชวรัตน์นิธิโชติ รองโฆษกพรรค หรือที่ในวงการเซียนพระรู้จักกันในชื่อ "เช็ง สุพรรณ" เขตเลือกตั้งที่ 13 บางกะปิ วังทองหลาง (เฉพาะแขวงพลับพลา) ส่ง นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ หรือ ไอติม หลานชาย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค
ส่วนตระกูลม่วงศิริ ซึ่งมีหลายพรรคการเมืองได้ทาบทามเพื่อหวังจะได้เข้ามาเป็นผู้ที่เพิ่มคะแนนเสียงนั้น ปรากฏว่า ยังคงอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ โดยได้ลงถึง 3 เขต ประกอบด้วย เขตเลือกตั้งที่ 24 เขตราษฎร์บูรณะ เขตทุ่งครู ส่ง นายสาทร ม่วงศิริ เขตเลือกตั้งที่ 25 เขตบางขุนเทียน ส่ง นายสากล ม่วงศิริ เขตเลือกตั้งที่ 26 เขตบางบอน เขตหนองแขม (เฉพาะแขวงหนองแขม) ส่ง พ.ต.อ.นายแพทย์ สามารถ ม่วงศิริ
สำหรับภาคกลางนั้น มีรายชื่อบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงสมัคร ส.ส.สมุทรสาคร เขต 2 (อ.เมือง และ อ.กระทุ่มแบน) นายอมร อมรรัตนานนท์ อดีตโฆษกเวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ลงสมัครส.ส.สระบุรี เขต 2 (อ.แก่งคอย อ.มวกเหล็ก อ. วิหารแดง และ อ.วังม่วง) นายวัชระ ปิ่นเจริญ กรรมการผู้จัดการบริษัท วัชราดล จำกัด และนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เขต 1 (อ.เมือง และ อ.บางน้ำเปรี้ยว)
พล.ท.ทำนุ โพธิ์งาม อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองบัญชาการกองทัพไทย ลงสมัคร ส.ส.กาญจนบุรี เขต 4 (อ.เลาขวัญ อ.ห้วยกระเจ อ.หนองปรือ และ อ.บ่อพลอย) พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา ลงสมัคร ส.ส.นครปฐม เขต 1 (อ.เมืองนครปฐม) นายชวินชยาทิต ภาณุหสตังไทรแก้ว อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) นิลเพชร และเป็นหนึ่งในทีมท่อสูบน้ำซิ่ง ซึ่งไปช่วยเยาวชนทีมหมูป่า 13 คน ออกจากถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ลงสมัคร ส.ส.นครปฐม เขต 3 (อ.บางเลน อ.ดอนตูม และ อ.พุทธมณฑล) และ นายจงรวย สมจิตรนา หรือหยอง ลูกหยี ศิลปินตลกชื่อดัง และนายกสมาคมศิลปินตลก (ประเทศไทย) ลงสมัคร ส.ส.ลพบุรี เขต 4 (อ.ชัยบาดาล อ.ท่าหลวง อ.ลำสนธิ อ.สระโบสถ์ และ อ.โคกเจริญ)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี