“เจาะสนามเลือกตั้ง” ฉบับวันนี้ยังอยู่ที่งานสัมมนา “นโยบายเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยภายใต้รัฐบาลหลังเลือกตั้ง”ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ข้างสถานทูตจีน) ถ.รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ซึ่งจัดโดย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย มีตัวแทนพรรคการเมือง 7 พรรค ประกอบด้วย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคไทยรักษาชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ร่วมแสดงวิสัยทัศน์รับกระแสการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 มี.ค. 2562 นี้
“สังคมสูงวัย” (Aging Society)เป็นอีกประเด็นสำคัญที่ถูกพูดถึงในหลายประเทศ เมื่อประชากรสูงอายุวัย 60 ปีขึ้นไป มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับจำนวนเด็กเกิดใหม่ที่ลดลง “คนทำงานน้อยกว่าคนที่ต้องดูแล” ย่อมกระทบโครงสร้างรายได้และสวัสดิการของรัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับประเทศไทยนั้น “สภาพัฒน์” สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดการณ์ว่า “ในปี 2564 จะมีประชากรวัย 60 ปีขึ้นไปถึงร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ” นโยบายของรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจึงต้องให้ความสนใจกับประเด็นนี้ด้วย
เริ่มกันที่ “พรรคประชาธิปัตย์” ส่งอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กรุงเทพฯ (เขต 4-คลองเตย, วัฒนา) นายอนุชา บูรพชัยศรี รับไม้ต่อแทน นายกรณ์ จาติกวณิช ที่ติดภารกิจทำให้ไม่อาจอยู่ร่วมจนจบเวที โดยนายอนุชากล่าวว่า “ก่อนจะทำนโยบายต้องทำฐานข้อมูลให้ครบถ้วนและละเอียดรอบด้าน” เจาะลงไปให้ถึงเป็นรายบุคคลเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการดูแลแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่ม เช่น อยู่คนเดียวก็กลุ่มหนึ่ง อยู่กับลูกหลานก็อีกกลุ่มหนึ่งรวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังมีศักยภาพก็มีอยู่
“พรรคชาติไทยพัฒนา”นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค เป็นอีกผู้หนึ่งที่พูดถึงเรื่องการทำฐานข้อมูลให้เรียบร้อยเสียก่อน “แบ่งกลุ่มที่ยังมีกำลังมีสติปัญญาพร้อมกับคนที่ต้องช่วยเหลือ เพื่อที่จะได้ทุ่มงบประมาณไปในกลุ่มที่ลำบากจริงๆ” ไม่ใช่ให้เพียงเบี้ยคนชราเดือนละ 600 บาท ซึ่งอย่างไรก็ไม่พอดำรงชีพ นอกจากนี้ยังจะ “จูงใจให้เกิดการจ้างงานแบบยืดหยุ่น” ไม่ต้องยึดติดกับอายุเกษียณราชการที่ 60 ปี แต่ให้ตรวจสุขภาพประกอบการพิจารณาเป็นรายปีไป “ผู้สูงอายุกลุ่มที่ทำงานไหวจะได้มีรายได้”พึ่งพาตนเองได้
“พรรคเพื่อไทย” นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรค “ชวนคนไทยปลูกไม้มีค่า” ต้นกล้าต้นละ 10 บาท หากสามารถอยู่รอดยืนต้นได้ 40 ปีผ่านไปจะมีมูลค่า (ไม่รวมเงินเฟ้อ) ถึง 35,000 บาท “ถ้าปลูกได้ 2 พันล้านต้น อีก 40 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีเงินออมรวมกันถึง 70 ล้านล้านบาท (ไม่นับกรณีเงินเฟ้อ)” มุมหนึ่งรัฐต้องเป็นเจ้าภาพลงทุน อีกมุมตลาดทุนต้องเข้ามาช่วย “บางคนอาจไม่อยากรอ 40 ปี ก็ขายสิทธิ์ให้ผู้ที่พร้อมจะรอได้” หากทำได้ในอนาคตประเทศไทยจะมีงบประมาณไปดูแลผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั่งดูแลเยาวชนได้อีกมาก
อีกคนหนึ่งที่ดูจะ “เรียกเสียงฮือฮา” ในงานดังกล่าวได้มาก นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ตัวแทนทีมเศรษฐกิจ “พรรคไทยรักษาชาติ” เพราะเสนอไอเดียหารายได้เข้ารัฐเพิ่มดูแลประชาชนด้วยการ “เจรจาแบ่งผลประโยชน์ด้านก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนไทย -กัมพูชา” ด้วยเหตุผลว่า “ไทยมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องรองรับอยู่แล้วอย่างไรก็คุ้ม”และย้ำว่า “ไม่เสียดินแดนแน่นอน” พร้อมยกตัวอย่างกรณีศาลโลกตัดสินว่าดินแดนที่มีข้อพิพาทระหว่างฟิลิปปินส์กับจีน แม้ฟิลิปปินส์จะชนะคดีแต่ก็เลือกแบ่งผลประโยชน์กับจีนแทนที่จะซื้ออาวุธมาเตรียมสู้รบ
“พรรคภูมิใจไทย” หัวหน้าพรรค นายอนุทิน ชาญวีรกูล บอกว่า “รู้สึกเสียดายที่เห็นคนวัยทำงาน อายุ 30-40 ปีลากลับบ้านบ่อยๆ ทราบว่าต้องไปดูแลพ่อแม่แก่เฒ่าที่บ้านอันเป็นการสูญเสียกำลังการผลิต” จึงแบ่งนโยบายเพื่อผู้สูงวัยไว้ 2 ส่วน 1.ยกระดับ “อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน” (อสม.) สู่การเป็น “หมอชาวบ้าน” นำเทคโนโลยีมาช่วยให้ อสม. สามารถให้คำแนะนำด้านสุขภาพแก่ผู้สูงอายุได้ ลดภาระคนเป็นลูกหลาน 2.ปลดล็อกอาชีพให้เป็นทางเลือก เช่น นำรถยนต์มารับ-ส่งผู้โดยสาร หรือทำโฮมสเตย์ผ่านแอพพลิเคชั่นให้ทำได้ถูกกฎหมาย ผู้สูงอายุก็มีรายได้
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษา “พรรคชาติพัฒนา” กล่าวว่าวันนี้ “โลกเปลี่ยนไปแล้ว” ในอดีตภาครัฐกำหนดอายุเกษียณไว้ที่ 60 ปีแล้ว ภาคเอกชนก็ทำตาม แต่ “ณ ปัจจุบัน หลายคนอายุเลย 60 ปีไปแล้วร่างกายยังฟิต สมองยังแจ่ม” ซึ่งต้องบอกว่า “แม้โลกยุคใหม่มีเทคโนโลยี แต่บางสถานการณ์ประสบการณ์ก็จำเป็น” จึงเห็นว่าแทนที่อะไรๆ จะฝากไว้แต่กับคนรุ่นใหม่ “มาช่วยกันหาวิธีให้คนทุกวัยทำงานร่วมกันได้จะดีกว่า” เป็นทีมงานที่ดี ร่วมพัฒนาประเทศไปด้วยกัน
ปิดท้ายด้วย “พรรคพลังประชารัฐ” ที่หัวหน้าพรรค นายอุตตม สาวนายนติดภารกิจจึงส่งไม้ให้ ศ.ดร.นฤมล สอาดโฉม กรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นสุภาพสตรีคนเดียวบนเวทีรับช่วงนำเสนอต่อ โดย ศ.ดร.นฤมล ก็กล่าวเช่นกันว่าต้องแบ่งผู้สูงอายุเป็น “กลุ่มติดเตียง” ไม่สามารถดูแลตนเองได้ “กลุ่มติดบ้าน” ยังพอดูแลตนเองได้แต่ไม่ออกจากบ้านทำให้เสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า และ “กลุ่มติดสังคม” อันเป็นผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ รวมถึง “เร่งกระจายความเจริญ” สร้างเมืองใหญ่ใกล้บ้าน มีแหล่งงานที่คนหนุ่มสาวไม่ต้องทิ้งลูกและพ่อแม่ไปทำงานไกลๆ อย่างที่ผ่านมา!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี