รองปธ.พีเน็ตผิดหวังกกต. ยุใครได้รับผลกระทบปมสูตรคำนวณส.ส.ให้ฟ้องศาลรธน.วินิจฉัย

9 พ.ค. 2562 น.ส.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ รองประธานและเลขาธิการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต - PNET) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว แสดงความผิดหวังกับการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และเรียกร้องให้ผู้ได้รับผลกระทบจากการประกาศผลสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ดังนี้

“ผลการเลือกตั้งจากเสียงของประชาชน หรือของใคร..เมื่อวันที่ 7 และ 8 พฤษภาคม 2562 คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ 498 คน ที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ประมาณกว่า 38 ล้านคน หรือเกือบ 75% ได้ออกมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่รอคอยมานาน”

“มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) ได้ทำหน้าที่พลเมืองจิตอาสาตรวจสอบการเลือกตั้ง และออกใบแถลงกว่า 20 ฉบับ ชี้ประเด็นปัญหาและเรียกร้องการปรับปรุงแก้ไขการดำเนินการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาอย่างต่อเนื่อง และขอแสดงความผิดหวังอย่างมากต่อผลการดำเนินงานของ กกต. ที่ขาดมาตรฐานและอาจขัดต่อกฎหมายและรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะต่อการประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังนี้”

“1.ต่อการประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต โดยที่ กกต. พิจารณาให้มีการเลือกตั้งใหม่ใน 1 เขตโดยให้ใบส้ม 1 ใบแก่ผู้สมัคร ทั้งๆ ที่มีเรื่องร้องเรียนและคัดค้านการเลือกตั้งรวมนับเป็นร้อยกว่าเรื่อง รวมทั้งเรื่องแจ้งเหตุทุจริตจากพีเน็ตหลายสิบเรื่อง ในกรณีเช่นนี้ หาก กกต. ตั้งใจดำเนินการแจกใบเหลือง ใบแดง ส.ส. ในภายหลัง และหากเป็นจำนวน ส.ส. หลายคน ย่อมเป็นเครื่องชี้ว่าการประกาศผลครั้งนี้ เป็นการประกาศผลเลือกตั้งที่ไม่สุจริต เที่ยงธรรม?”

“2.ต่อการประกาศผลการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย โดยที่ปรึกษามูลนิธิ องค์กรกลางฯ นายโคทม อารียา อดีต กกต., นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต., นักคณิตศาสตร์, นักวิชาการต่างๆ ได้ศึกษาสูตรคำนวณ ส.ส. ที่ กกต.ใช้ในการประกาศผลเลือกตั้ง พบว่า การใช้สูตรดังกล่าวอาจขัดกับกฎหมาย  เช่น อาจมีการกระโดดข้ามขั้นตอนกฎมายเลือกตั้ง มาตรา 128 (4), (5) และ (6) ไป ยังมาตรา 128 (7) ซึ่งขัดกับมาตรา 128 (6) และ (7) ซึ่งกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรว่า เมื่อคำนวณตามมาตรา 128 (5) แล้ว จึงเลือกว่าจะไปที่มาตรา 128 (6) หรือ (7)” 

“อีกทั้งยังมีคำถามว่ากรณีการเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องปรับ ส.ส. บัญชีรายชื่อเบื้องต้นให้ลดลง 2 คน ทำไมต้องรื้อผลการจัดสรร ส.ส. มากมาย โดยกระทบถึง 20 กว่าพรรค ที่สำคัญคือ สูตรดังกล่าวอาจขัดกับมาตรา 128 (5) ที่บัญญัติว่า จะจัดสรร ส.ส. ให้แก่ พรรคที่ได้รับคะแนนต่ำกว่า 71,000 คะแนนโดยประมาณไม่ได้โดยเฉพาะในกรณี ส.ส. เกิน มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) เห็นว่า สูตรคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อดังกล่าวเป็นที่ถกแถลง จากหลายฝ่าย น่าที่จะทำให้เกิดความชัดเจนและให้ผลการเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับก่อนการเปิดประชุมรัฐสภา” 

“โดยที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 213 บัญญัติว่า ‘บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อมีคำวินิจฉัยว่า การกระทำนั้นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ....’ โดยอาจขอให้มีการพิจารณาในประเด็นว่าการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ของ กกต. เข้าข่ายขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือไม่ (กรณี ที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ไปเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 เป็นการวินิจฉัยว่าตัวบทกฎหมายมิได้ขัดรัฐธรรมนูญ แต่การบังคับใช้กฎหมาย (สูตรการคำนวณ ส.ส.) เป็นประเด็นที่อาจต้องพิจารณาต่างหาก)”

“มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) จึงขอเรียกร้องเพื่อให้ผลการเลือกตั้งตอบสนองเจตนารมณ์ของประชาชน ให้การเมืองมีเสถียรภาพพร้อมแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศชาติให้เกิดสันติภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ดังนี้ 1. กกต. พึงรีบดำเนินการจัดส่งสำนวนคดีเลือกตั้งตามที่มีผู้ร้องเรียนและคัดค้านการเลือกตั้งที่อาจไม่สุจริต เที่ยงธรรม ต่อศาลฎีกาโดยเร็ว ทั้งนี้ ควรก่อนการเปิดประชุมรัฐสภา ซึ่งจะมีขึ้นภายใน 15 วันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.”

“2. ผู้ได้รับผลกระทบจากการประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ควรยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีคำวินิจฉัยว่า การกระทำของ กกต. ขัดรัฐธรรมนูญ หรือไม่ โดยเร็ว (ทั้งนี้ อาจยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน อีกทางหนึ่งด้วยก็ได้)”

ขอบคุณเรื่องจาก https://www.facebook.com/laddawan.tantivitayapitak