“หมอระวี”หนุนอัยการรื้อคดีค่าโง่โฮปเวลล์ หวังศาลปกครองพลิกคำพิพากษา รัฐไม่ต้องจ่าย 1.2 หมื่นล้าน เหมือนค่าโง่คลองด่าน แนะ ถอดบทเรียนสารพัดค่าโง่ แก้กฎหมายอนุญาโตตุลาการป้องกันเสียค่าโง่ในอนาคต หยุดโกงแบบ 3 ประสาน อย่าใช้ข้อตกลงคุณธรรมเป็นแค่พิธีกรรมสร้างภาพ
7 สิงหาคม 2562 นายแพทย์ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีที่อัยการสูงสุดยื่นศาลปกครองเพื่อรื้อคดีค่าโง่โฮปเวลล์ 1.2 หมื่นล้านให้มีการพิจารณาใหม่ ว่า เป็นบทเรียนของภาครัฐซ้ำรอยกรณีค่าโง่คลองด่าน ซึ่งผลของเรื่องคลองด่านศาลปกครองกลางได้กลับคำพิพากษาเดิมของศาลปกครองสูงสุด ที่ให้กรมควบคุมมลพิษปฏิบัติตามมติของอนุญาโตตุลาการ เนื่องจากมีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้รัฐบาลยังไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนกว่า 9 พันล้านให้เอกชน แต่คดียังไม่ยุติ ต้องรอศาลปกครองสูงสุดตัดสินก่อน
นอกจากนี้ยังไม่ชัดเจนว่าตกลงรัฐบาลได้เรียกเงินที่จ่ายชดเชยไป 2 งวดก่อนที่จะมีการรื้อคดีกลับมาหรือไม่ ซึ่งความจริงรัฐบาลควรทำความกระจ่างในเรื่องนี้ต่อสังคมด้วย เพื่อยืนยันถึงการรักษาผลประโยชน์ให้ประเทศชาติและประชาชน
นายแพทย์ระวี กล่าวด้วยว่า ทุกค่าโง่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ค่าโง่คลองด่าน ค่าโง่ทางด่วน รวมถึงค่าโง่โฮปเวลล์ เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องถอดบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหากับโครงการขนาดใหญ่ของรัฐอีก โดยในส่วนของโฮปเวลล์ ถือเป็นเรื่องดีที่อัยการยื่นเรื่องให้มีการรื้อคดีใหม่ เพราะมีหลักฐานใหม่ที่จะส่งให้ศาลปกครองพิจารณาเพื่อทบทวนคำพิพากษา แต่ก็ยังต้องลุ้นกันต่อว่าศาลปกครองกลางจะรับไว้พิจารณาหรือไม่
หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวด้วยว่า บทเรียนค่าโง่ของรัฐ ที่เกิดขึ้นซ้ำซากต้นทางก็มาจากการทุจริตแบบสามประสาน ที่สมรู้ร่วมคิดกันระหว่างรัฐเอกชน แล้วก็ข้าราชการ แต่สุดท้ายเมื่อโครงการไปไม่รอดคนที่เสียประโยชน์ที่สุดคือประชาชนที่ไม่ได้ใช้โครงการและยังต้องเสียค่าโง่จากการที่รัฐบาลทุจริต ทำสัญญาที่รัฐเสียเปรียบ ดังนั้นนอกจากจะตามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไปแล้วควรจะพิจารณาในเชิงหลักการว่าจะมีการตรวจสอบดูแลอย่างไรให้การจัดทำสัญญาระหว่างรัฐกับเอกชนไม่ให้รัฐเสียเปรียบ
นอกจากนี้ควรพิจารณาข้อเสนอของสมาคมนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ขอให้รัฐบาลพิจารณาแก้กฎหมายเพื่อกำหนดว่า กรณีที่ศาลเห็นว่าคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยขัดหรือไม่ขัดต่อกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีนั้น เมื่อคู่กรณีแสดงหลักฐานที่น่าเชื่อถือ ศาลจะต้องตรวจสอบถึงข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมายว่าถูกต้องหรือไม่ มิใช่ดูแต่เพียงผลของคำวินิจฉัยว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือไม่ แล้วตัดสินให้บังคับตามคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการโดยไม่ตรวจสอบลงไปในรายละเอียด
นายแพทย์ระวี กล่าวด้วยว่า ข้อพิพาทระหว่างรัฐกับเอกชนที่ให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาด ส่วนใหญ่จะจบลงที่รัฐเป็นฝ่ายแพ้ และหลายโครงการมีการกระทำไม่สุจริตมาตั้งแต่ต้น จึงมีการเสนอว่าควรแก้ไข พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการฯ ให้ครอบคลุมเฉพาะข้อพิพาทระหว่างเอกชนกับเอกชน ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรศึกษาผลดี ผลเสีย เพื่อหาบทสรุปที่ดีที่สุดโดยไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทั้งนี้ควรมีการถอดบทเรียนและสร้างกลไกขึ้นมาตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา โดยมีเรื่องที่รัฐบาลเริ่มต้นได้ทันทีจากการทำโครงการอย่างเปิดเผย โปร่งใส ภายใต้กฎระเบียบ มีความรัดกุมในการจัดทำสัญญา เปิดให้สาธารณชนตรวจสอบได้
ทั้งนี้ การมีข้อตกลงคุณธรรมร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เปิดทางให้คนกลางที่ไม่มีส่วนได้เสียเข้าไปสังเกตการณ์ เสนอแนะ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติและประชาชน แต่ต้องทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่ใช้ข้อตกลงคุณธรรมเป็นพิธีกรรมสร้างภาพให้กับรัฐบาลเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี