"ศิริกัญญา"ชำแหละศก.ไทย ซัดรบ.ห่วงแต่เพิ่มจีดีพี ทำปชช.เสียสุขภาพจิต-ฆ่าตัวตาย 5ปีรายได้ไม่เพิ่ม มาตราการ3แสนล้านไปผิดทาง
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2562 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ ว่า ถ้าเราดูข้อมูลทางเศรษฐกิจอย่างเดียวก็อาจจะไม่สามารถทำนายได้ว่า พิษเศรษฐกิจจะทำให้คนฆ่าตัวตายได้หรือไม่ แต่พอจะอนุมานได้ว่า เศรษฐกิจของคนที่ได้รับผลกระทบจริงๆ ก็คงจะอยู่ในระดับที่เป็นปัญหาจริงๆ และถ้าดูข้อมูลที่รัฐบาลเปิดเผยออกมา จีดีพี ของปี 2562 อาจจะขยายตัว 2.3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ความจริงแล้วถ้าดูแค่จีดีพี ก็ไม่ได้อยู่ในระดับวิกฤต เพราะตามนิยามของคำว่าเศรษฐกิจถดถอยนั้น การขยายตัวของเศรษฐกิจต้องติดลบ 2 ไตรมาส ติดต่อกัน แต่หากเรามาดูข้อมูลว่า ประชาชนมีเงินในกระเป๋าจริงๆ เท่าไหร่ จากข้อมูลรายได้ของเกษตรกรที่ปลูกข้าวนั้นพบว่า ลดลง 28.7 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว ซึ่งเหตุผลก็มาจากหลายปัจจัย
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ในส่วนของหนี้เสียภาคธุรกิจเอสเอ็มอี ตอนนี้คือพุ่งสูงที่สุดเกือบ 5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับธุรกิจขนาดใหญ่กับหนี้ส่วนบุคคล ไม่ใช่ปัญหาของเจ้าใดเจ้าหนึ่งที่ทำให้เขาฆ่าตัวตาย แต่ว่าเป็นทั้งระบบ ที่ทำให้สัดส่วนของหนี้เสียสูงขึ้น โดยภาคธุรกิจที่เกี่ยวกับการก่อสร้างเป็นภาคที่ก่อหนี้เสียมากที่สุด ซึ่งจีดีพีส่วนที่ขยายตัวจริงๆ ก็อาจจะพูดได้ว่า ไปกระจุกตัวอยู่ที่ภาคธุรกิจส่วนบน ขณะเดียวกันภาคธุรกิจส่งออกรายใหญ่ก็จะต้องเผชิญกับพิษเศรษฐกิจอีก เพราะเกี่ยวข้องกับสงครามทางการค้าจีนกับสหรัฐอเมริกา เช่น ธุรกิจประเภทอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมไปถึงอุตสาหกรรมรายย่อยอย่าง อุตสาหกรรมยางพารา ซึ่งคนที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ ก็คือ เกษตรกรชาวสวนยาง ด้วยอำนาจการต่อรองที่ต่ำก็ทำให้ถูกกดราคาได้ อีกอย่างหนึ่งคือ อุตสาหกรรมส่งออกไม้ และเฟอร์นิเจอร์ เกษตรกรที่ปลูกสวนป่าก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน
"ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่พิษเศรษฐกิจ ทำให้คนต้องมีปัญหาทางสุขภาพจิต และฆ่าตัวตาย ดิฉันจึงอยากให้ถอดบทเรียนเรื่องนี้ออกมาว่า มาตรการที่จะใช้พยุงเศรษฐกิจต่างๆ สามารถตอบโจทย์ และแก้ปัญหาเหล่านี้ได้หรือไม่ ทางพรรคอนาคตใหม่ก็ไม่เห็นด้วยกับนโยบายที่รัฐบาลออกมา เพราะ วิกฤตเกิดจากปัญหาเศรษฐกิจรากฐาน การกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะเวลา 2 เดือนนั้นจะช่วยแก้ปัญหาได้ชั่วคราว คือจีดีพีโต แต่ไม่ยกระดับคุณภาพชีวิตหรือแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้อย่างยั่งยืน" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า การอัดฉีดเงิน 3 แสนล้านบาท ของรัฐบาล ตนเห็นว่า โจทย์ที่เรามองไม่เหมือนกันคือ ทางรัฐบาลอาจจะคิดว่าวิกฤตเศรษฐกิจอาจจะเพิ่งเกิดขึ้น แต่ความจริงมันเกิดขึ้นมาประมาณ 5 ปีแล้ว ที่รายได้ประชาชนไม่เพิ่มขึ้น จนเศรษฐกิจฐานรากซึมยาว ทางรัฐบาลก็พยายามที่จะพยุงแค่ตัวเลขจีดีพีให้กลับไปที่ 3 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องบอกรัฐบาลว่า ให้กลับมาดูปากท้องและเงินในกระเป๋าประชาชนได้แล้ว ควรจะวางมาตรการระยะยาวกว่าอัดฉีดเงินแค่ 2 เดือน เราก็ยังรอดูว่ารัฐบาลจะมีมาตรการระยะกลาง และระยะยาวอย่างไร เพื่อแก้ปัญหาชีวิตประชาชนอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม พรรคอนาคตใหม่ก็จะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาเป็นการยิงกราด มีกระสุนหรือเม็ดเงินจำกัด แนะว่าควรจะนำเงินไปใช้ถูกจุดมากกว่านี้ และเงินที่นำออกมาใช้ก็เป็นเพียงภาพลวงตา ใช้กระตุ้นจริงไม่ถึง 3 แสนล้านบาท แจกเงินจริงๆ แค่แสนกว่าล้าน ซึ่งก็ไม่ได้ทำภายในเวลา 2 เดือน อีกส่วนหนึ่งเป็นวงเงินสินเชื่อ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับธนาคารต่างๆ จะปล่อยให้กู้หรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี