ประธานสส.พปชร.มั่นใจ
253เสียงพรึบ!
เชื่อจุดยืนเพื่อส่วนรวม-ปท.
ฝ่ายค้านจี้‘นายกฯ’ห้ามหนี
ต้องนั่งฟังทั้งวัน-รอชี้แจง
ทุกฝ่ายร่วมรำลึก14ตุลา
ปธ.วิปรัฐบาล ยันพร้อมรับมืออภิปรายถกงบฯปี’63 เชื่อทุกอย่างเรียบร้อย พรรคร่วมรบ.ต้องพร้อมโหวตตลอดเวลา ปธ. สส.พปชร.มั่นใจ 253 เสียง พรรคร่วมฯพรึบ รับร่างงบฯ’63 เชื่อจุดยืน“ฝ่ายค้านอิสระ” พร้อมยกมือหนุน เรื่องดีเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและประเทศชาติ “องอาจ”เชื่อมั่นพิจารณางบฯผ่านสภาฯได้ แม้เสียงปริ่มน้ำ ส่วน“ปธ.วิปฝ่ายค้าน”จี้นายกฯ ต้องนั่งฟังถกงบฯทั้งวัน ห้ามหนีสภา ต้องอยู่ตอบคำถามด้วย “ฝ่ายค้านอิสระ”อึดอัด ขอเวลาอภิปราย เจอข้อเสนอแลกโหวต จ่อพบ“ชวน”ขอเวลาเพิ่ม ลั่นยังไม่ตัดสินใจโหวต ขณะที่ ทุกฝ่ายร่วมรำลึกงาน 46 ปี14ตุลา.คึกคัก
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการประชุมสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในวันที่ 17-19 ตุลาคมนี้ โดยยืนยันว่า ไม่มีปัญหา ทุกอย่างเรียบร้อย ได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้วและพรรคร่วมรัฐบาล ต้องพร้อมที่จะโหวตตลอดเวลา ต้องอยู่พร้อมกันหมดทุกคน ขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ จะมีการประชุม ส.ส.วันที่ 15 ต.ค.เพื่อซักซ้อมเตรียมพร้อม รวมถึงวางตัวบุคคลที่จะทำหน้าที่ในอภิปรายงบประมาณ และทำความเข้าใจรายละเอียดงบประมาณ
พปชร.มั่นใจเสียง 253 สส.พรึบ
นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ในฐานะประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563ในวันที่ 17-19 ตุลาคมนี้ว่าในสถานการณ์ที่รัฐบาลเผชิญเสียงปริ่มน้ำ จนหลายฝ่ายกังวลว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะคว่ำนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าส.ส.ในสังกัดพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งหมด 253 เสียง จะลงมติครบถ้วนจนสามารถผ่านร่างงบประมาณปี 2536ไปได้ เนื่องจากเป็นกฎหมายสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศจึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งทุกคนรู้หน้าที่อยู่แล้ว
เชื่อจุดยืน’ค้านอิสระ’พร้อมหนุน
“ดังนั้น หากในวันลงมติแล้ว มี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลคนใด ไม่เข้าร่วม หรืองดออกเสียง ย่อมเป็นที่จับตาของสังคม จึงขอให้ประชาชน เชื่อมั่นว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการทั้งในส่วนของพรรค พปชร.และการทำงานของวิปรัฐบาล จะสามารถคุมเสียงในสภาให้เกิดความเรียบร้อยได้”ประธาน สส.พรรค พปชร.ย้ำและว่า ในส่วนส.ส.พรรคเล็กหรือฝ่ายค้านอิสระนั้นก็เชื่อว่าต่างมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าอะไรที่ดีเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและประเทศ ก็จะสนับสนุน อะไรไม่ดีก็ไม่สนับสนุน ไม่ได้มีพฤติกรรมตั้งท่าค้านไปทุกเรื่อง
ปชป.นัดติวเข้มก่อนถกงบ63
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคมนี้ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ ส.ส.ของพรรคเตรียมความพร้อมรวบรวมข้อมูล เนื้อหาสาระที่จะอภิปราย และพิจารณางบประมาณไว้ระดับหนึ่งแล้ว โดยในวันที่ 15 ต.ค.นี้ เวลา13.30น.ได้นัด ส.ส.มาประชุมเพื่อสรุปเนื้อหาสาระและจำนวนบุคคลที่จะอภิปราย โดยได้วางแนวทางการอภิปรายว่าต้องเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เสนอแนะตรวจสอบเพื่อให้งบฯ เกิดประโยชน์กับประชาชนทุกระดับอย่างแท้จริง รวมถึงดูว่ามีการเตรียมงบประมาณให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศหรือไม่
เชื่อมั่นเสียงปริ่มน้ำจะผ่านงบ63
นายองอาจ ยังเชื่อมั่นว่าการอภิปรายงบฯของพรรคประชาธิปัตย์ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเดินหน้าประเทศโดยรวม และส่งเสริมให้ประชาชนฐานรากมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป พร้อมเชื่อว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯปี63 จะผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรโดยไม่มีปัญหาอะไร ถึงแม้เสียงส.ส.รัฐบาลจะปริ่มน้ำก็ตาม เพราะทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านต่างตระหนักดี ว่างบประมาณเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคน ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่อย่างใด
พท.ขอนายกฯฟังทั้งวันห้ามหนีสภา
ในส่วนนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)กล่าวว่า ในวันที่ 15 ต.ค.พรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือกันถึงกรอบเวลาและประเด็นในการอภิปราย ทั้งนี้ ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้ความสำคัญต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรด้วย ไม่ใช่แค่การมากล่าวเสนอหลักการและเหตุผล จากนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแต่เพียงอย่างเดียว ในภาพรวมแน่นอนว่า รัฐมนตรีย่อมมีสิทธิในการชี้แจงต่อสภาฯ แต่โดยมารยาทแล้วนายกฯไม่ควรทำเช่นนั้น เพราะกฎหมายเป็นงบประมาณสำคัญ ดังนั้น พรรคฝ่ายค้านจะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ ในสองสถานะด้วยกันได้แก่ ในฐานะนายกฯที่กำกับภาพรวมการบริหารประเทศและในฐานะรมว.กลาโหม ถ้าโอกาสอย่างนี้ นายกฯไม่ให้ความสำคัญกับสภาฯแล้วก็ไม่รู้จะมาให้ความสำคัญตอนไหน อย่างที่บอกเรื่องนี้ เป็นเรื่องสำคัญนายกฯต้องนั่งอยู่สภาตลอดทั้งวันเลยทีเดียว
ยังไม่ถกเชือดงูเห่าโหวตหนุนรบ.
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะลงมติไม่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ หรือแค่ใช้สิทธิ์งดออกเสียง นายสุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ มีการหารืออย่างเป็นทางการ แต่จะขอหารือกับฝ่ายค้านทุกพรรคในสัปดาห์นี้อีกครั้ง แต่เบื้องต้น การตัดสินใจลงมติโหวตของฝ่ายค้าน จะขึ้นอยู่กับการชี้แจงของรัฐบาลว่ามีความชัดเจน หรือไม่เพียงใด
ค้านอิสระอึดอัด2ฝ่ายยื่นข้อเสนอ
ขณะที่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์กล่าวถึงการเตรียมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563ว่าในฐานะฝ่ายค้านอิสระ พรรคไทยศรีวิไลย์และพรรคประชาธรรมไทย ได้ไปขอเวลาอภิปรายจากฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ปรากฏ ทั้งสองฝ่าย ต่างยื่นเงื่อนไข โดยถ้าฝ่ายรัฐบาลให้เวลาอภิปราย ก็ต้องโหวตรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 เช่นเดียวกัน ถ้าฝ่ายค้านให้เวลาอภิปราย ก็ต้องโหวต ไม่รับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563
“ดูแล้วไม่มีอิสระ เสรีภาพ ในการเป็นผู้แทนราษฎรในการวินิจฉัยเนื้อหาสาระในร่าง พ.ร.บ.อีกทั้ง ใครหรือวิป จะมาชี้นำให้เรารับ ไม่รับ มิได้ มองดูแล้ว ผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญที่ห้ามชักจูงใจการโหวต ทำให้รู้สึกอึดอัดมาก” หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ย้ำ
จ่อพบ’ชวน’ขอเวลาค้านอิสระเพิ่ม
นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า ดังนั้นเรื่องนี้จึงได้หารือกับนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ว่า ในวันที่ 16 ตุลาคม จะไปหารือกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอเวลาให้ฝ่ายค้านอิสระอภิปรายร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว คนละ 5-10 นาที แยกออกจากเวลาของฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน จะได้ไม่ต้องมีบุญคุณต่อกันระหว่างฝ่ายรัฐบาล กับฝ่ายค้าน ส่วนฝ่ายค้านอิสระ จะโหวตให้ฝ่ายใดนั้น ขอดูเนื้อหาฟังการอภิปรายของทั้งสองฝ่ายก่อน” นายมงคลกิตติ์ กล่าว
ตั้งป้อมขออภิปราย 2 ประเด็นหลัก
ทั้งนี้ นายมงคลกิตติ์ ยังระบุว่า ในการอภิปรายงบประมาณปี 2563นั้น ตนจะอภิปราย 2 เรื่องหลัก คือ 1.การปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม จะเน้นการปรับลดงบประมาณการจัดซื้ออาวุธของกองทัพ ไม่ให้ซื้ออาวุธผ่านนายหน้า แต่ให้ซื้อจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรง โดยเจรจากับบริษัทผู้ผลิตอาวุธพร้อมกันหลายๆเจ้า เพื่อหาบริษัทที่ให้ราคาต่ำสุด และมีคุณภาพที่สุด จะช่วยประหยัดค่านายหน้าลงได้ 30-40% เท่ากับกองทัพจะได้ซื้ออาวุธในราคาถูกลงโดยที่อาวุธไม่ลดลง เป็นการรัดเข็มขัดกองทัพ แล้วนำงบประมาณประหยัดลงไปช่วยเพิ่มสวัสดิการให้ทหารชั้นผู้น้อย และไปจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ของกรมฝนหลวงลอตใหม่ รวมถึงนำไปเพิ่มค่าหัวการซื้ออุปกรณ์การเรียนของเด็กอนุบาล 2.จะอภิปรายขอเพิ่มงบประมาณให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)นำไปใช้ในการปฏิรูปตำรวจ เพื่อให้นำไปชดเชยกับการยกเลิกเงินส่วนแบ่งนำจับการทำผิดกฎหมายจราจร ตำรวจจะได้เลิกตั้งด่าน
ร่วมรำลึก 46 ปี 15 คุลา.คึกคัก
ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว มีการจัดงานรำลึกและปาฐกถา 14 ตุลา ประจำปี 2562 โดยตั้งแต่ช่วงเช้า มีการตักบาตรพระสงฆ์ 14 รูป พร้อมทั้งประกอบพิธีกรรม 3 ศาสนา พุทธ คริสต์ และอิสลาม รวมถึงพิธีวางพวงมาลาและกล่าวรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ด้วย โดยมีตัวแทนจากภาครัฐ เอกชน ญาติผู้เสียชีวิต พรรคการเมือง รวมถึงบุคคลสำคัญทางการเมือง มาร่วมงานกันอย่างคึกคัก ประกอบด้วย นายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ผู้แทนนายกรัฐมนตรี นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ผู้แทนประธานสภาผู้แทนราษฎร นายดล เหตระกูล เลขาธิการพรรคชาติพัฒนา ผู้แทนพรรคชาติพัฒนา นางลัดดาวัลย์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้แทนของผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และน ายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ และรองอธิการบดี ฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ก่อเกิดการมีส่วนร่วมภาคปชช.
โดย นายณัฎฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ผู้แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เป็นวันครบรอบ 46 ปี 14 ตุลาคม 2516 เกิดเหตุการณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของประเทศไทย เป็นวันสะท้อนเจตนารมณ์ และแสดงพลังของนิสิตนักศึกษาและประชาชน ที่เห็นคุณค่าของประชาธิปไตยว่า เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองทัดเทียมนานาอารยประเทศ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดการพัฒนาการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
บทเรียนที่ดีงามให้ผู้ปกครองปท.
ด้าน นายองอาจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้แทนประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า วีรชนในเหตุการณ์ดังกล่าวมีจิตใจที่กล้าหาญ กล้าเสียสละชีวิตของตนเอง หลายคนอาจมีชีวิตที่ยากลำบาก แต่สิ่งที่เหล่าวีรชนได้ทำลงไปยังอยู่ในความทรงจำของประชาชนตลอดไป ทั้งนี้ ในนามของประธานสภาฯ และประธานรัฐสภา ขอสดุดีวีรกรรมอันกล้าหาญของวีชน 14 ตุลา ขอให้วีรชน 14 ตุลา อยู่ในความทรงจำและเป็นแบบอย่างบทเรียนที่ดีงามให้กับผู้ปกครองประเทศ และประชาชนที่รักหวงแหนในความชอบธรรมและประชาธิปไตย และความถูกต้องดีงาม ช่วยกันเอาบทเรียน 14 ตุลา มาเป็นแบบอย่างของการรักษาคุณธรรมความดีงาม ความถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศไทยตลอดไป
พท.ปลุกแก้รธน.หยุดสืบทอดอำนาจ
ขณะที่นางลัดดาวัลย์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวว่า ตลอด 46 ปีที่ทุกฝ่ายร่วมรำลึกถึงคุณงามความดีของผู้ที่เสียสละในการปกป้องประชาธิปไตยและเสรีภาพของประชาชน ถือเป็นต้นแบบที่ดีงาม สืบทอด ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ยั่งยืนและยาวนาน การสร้างความยอมรับในการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีกติกาเป็นสากล จะสร้างความเชื่อมั่นของประเทศไทยได้ สิ่งที่7พรรคร่วมฝ่ายค้าน มองเห็นการที่ประเทศจะก้าวไปสู่ความเชื่อมั่นโดยเร็วนั้น จำเป็น จะต้องมีการบริหารที่เป็นสากล และประชาธิปไตยรวมถึงมีความเป็นธรรม ไม่เอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจึงรณรงค์ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ต้องปรับปรุงแก้ไขให้มีความเป็นธรรมและเพื่อประโยชน์ต่อคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียมกันจึงจำเป็นที่จะต้องหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ จะเคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชน ยึดมั่นในระบบรัฐสภา ทำหน้าที่ให้ประชาชนภาคภูมิใจว่า จะปกป้องผลประโยชน์ประชาชน ปกป้องงบประมาณแผ่นดิน เพื่อประชาชน
ยกหลักนิติธรรมผลงานคน14ตุลา
ต่อมาเวลา10.30น.รศ.ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้กล่าวปาฐกถาหัวข้อ”นิติรัฐและนิติธรรมกับระบอบประชาธิปไตยไทย”ช่วงหนึ่งว่า วีรชน 14 ตุลา ตั้งปณิธานว่าพร้อมถมตัวเป็นเม็ดทรายเพื่อก่อเป็นถนนให้กับประเทศไทย ขณะที่รัฐธรรมนูญ2560ได้วางหลักการพื้นฐานสำคัญของรัฐธรรมนูญที่ถือเป็นหลักการที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้คือมาตรา1ว่าด้วยประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้และหลักการนี้เรา ก็ได้รักษาเอาไว้ ส่วนมาตรา2ว่าด้วยประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หลักการนี้มีพัฒนาการมาเป็นเวลานานคือพระมหากษัตริย์กับประชาชนเป็นอันหนึ่งเดียวกัน โดยเป็นประมุขที่มาจากการความนับถือของประชาชนที่เชื่อว่าจะเป็นศูนย์รวมจิตใจตามหลักราชประชาสมาศัยที่ประชาชนและพระมหากษัตริย์มีส่วนร่วมกันในการเปลี่ยนแปลงและปกครองบ้านเมือง ขณะที่มาตรา3อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระและหน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายและหลักนิติธรรม ซึ่งในประเด็นของมาตรา3ที่เกี่ยวกับหลักนิติธรรมนั้น เป็นผลงานที่คน 14 ตุลา ผลักดันขึ้น
ซัดใช้อำนาจตามอำเภอใจทาง ศก.
รศ.ดร.กิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า การเกิดขึ้นของ หลักนิติรัฐ และนิติธรรม เป็นหลักการพื้นฐานที่ยืนยันว่า อำนาจการปกครองย่อมมีได้จำกัดตามกฎหมาย หลักการนี้มีขึ้นเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคล หลักนิติธรรมเป็นหลักที่ตกทอดกันมาแต่โบราณที่ถือว่าการปกครองที่ดีที่สุดคือ การปกครองโดยกฎหมาย เพราะกฎหมายเป็นสิ่งสูงสุด ซึ่งหลักการใช้อำนาจของผู้ปกครองย่อมมีได้เท่าที่กฎหมายได้รับรองไว้ ทั้งกฎหมายที่เป็นและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ เหตุการณ์ 14 ตุลา 16 เป็นการแสดงให้เห็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ที่มีขึ้นได้ในยามวิกฤติตามจารีตประเพณี ปัจจุบันยังมีการใช้อำนาจตามอำเภอใจทางเศรษฐกิจ ทำให้ต้องมีการแบ่งแยกอำนาจออกมา โดยไม่ให้ทุนใหญ่ ใช้อำนาจตามอำเภอใจ แต่ต้องให้ประชาชนเข้ามาถ่วงดุล พัฒนาองค์กรการรวมกลุ่มของประชาชนให้สามารถต่อรองและควบคุมการใช้อำนาจผูกขาดทางเศรษฐกิจ เพื่อให้สอดคล้องให้ถูกต้องตามทํานองคลองธรรมด้วย
‘อภิสิทธิ์’ลงช่วยหาเสียงนครปฐม
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาร่วมพิธีงานทอดกฐินประจำปี2562ที่วัดทรงคนอง อ.สามพราน จ.นครปฐม มีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคฯ ดูแลภาคใต้,คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ รองหัวหน้าพรรค, นายกนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรค,นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก,น.ส.รัชดา ธนาดิเรก,น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล กรรมการบริหารพรรคและคณะร่วมเดินทางมาทำบุญตักบาตร หลังวันออกพรรษา
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะเดินรณรงค์หาเสียงช่วย นายสุรชัย อนุตธโต ผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ส.ส.นครปฐม เขต 5พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะมีการลงคะแนนเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างในวันที่ 23ตุลาคมนี้ นับเป็นการลงพื้นที่ทำกิจกรรมทางการเมืองครั้งแรก หลังนายอภิสิทธิ์ประกาศลาออกจากการเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อได้เดินขอคะแนนเสียงและเชิญชวนให้ประชาชนไปลงคะแนนรับเลือกตั้งซ่อม ท่ามกลางความสนใจของประชาชนที่มาทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะและมาขอร่วมถ่ายรูปกับนายอภิสิทธิ์เป็นจำนวนมาก
หนุนทุกฝ่ายช่วยกันแก้ไขรธน.60
นายอภิสิทธิ์ ได้ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวว่าได้หันหลังให้การเมืองไปแล้ว เหตุใดจึงกลับมาช่วยผู้สมัครของพรรคในครั้งนี้ ว่า มาในฐานะที่เป็นเป็นสมาชิกพรรคและเมื่อมีการเลือกตั้งซ่อม ทางผู้บริหารพรรค ปชป.ผู้อำนวยการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ก็พร้อมช่วยงานของพรรค เมื่อถามว่ากรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญล่าสุดที่จะมีการผลักดันให้มาตรการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา1นั้นนายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ก็เห็นตามที่เป็นข่าว แต่ส่วนตัวอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันและช่วยกัน ก็ต้องมาดูว่าเรื่องอะไรบ้างที่ไม่เป็นมูลเหตุของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การหยิบเรื่องนี้มาพูดต้องดูว่าเป็นอย่างไรในเหตุการณ์เช่นนี้
อุบพูดถึงบิ๊กแดง-ปัดลงชิงผู้ว่า กทม.
ส่วนประเด็นที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ บอกว่า ไม่อยู่ในฐานะที่จะพูดได้ เมื่อถามต่อไปว่า จะลงสมัครแข่งขันเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.)หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี พร้อมพูดติดตลกว่า”ผู้ว่าฯนครปฐมหรือเปล่า”
จี้กกต.จับตาเข้มหวั่นซื้อเสียงหนัก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ มีชาวบ้านให้ข้อมูลกันอย่างหนาหูมาก ว่ามีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันเป็นจำนวนมาก สิ่งที่พรรคหวังไว้ คืออยากให้พี่น้องประชาชนออกไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงกันให้มากๆ และให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กตต.)ช่วยเข้มงวดในการใช้สิทธิ์ในครั้งนี้และขอให้เป็นไปอย่างเที่ยงธรรมเพราะว่ามีรายงานข่าวในเรื่องการซื้อเสียงอะไรต่างๆ จึงอยากให้ช่วยเข้มงวดและจัดการ เนื่องจากว่ามีข้อมูลที่ประชาชนส่งมาให้ทางผู้สมัคร ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นรวบรวมข้อมูล ซึ่งก็มีหลักฐานอยู่บ้างแล้ว แต่ขอเก็บเอาไว้ก่อน ทางพรรคเชื่อมั่นว่า พี่น้องประชาชนมีความผูกพันอยู่กับนายสุรชัย และเชื่อว่าถ้าพี่น้องประชาชนมีความตื่นตัวออกไปใช้สิทธิ์กันเป็นจำนวนมากๆ ก็มีโอกาสที่จะชนะในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี