ฎีกาคุก2ปีไม่รอลงอาญา
เบญจา หลุยเจริญ
ช่วยลูกแม้วเลี่ยงภาษีหมื่นล.
ซื้อขายหุ้นชินคอร์ปฯเมื่อปี2549
3ผอ.ฝ่ายกม.สรรพากรโดนด้วย
เบ็ดเสร็จ5คนคอตกเข้าเรือนจำ
ศาลฎีกาแก้ลดโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา “เบญจา หลุยเจริญ”อดีตรองอธิบดีกรมสรรพากรกับพวกระดับ ผอ.สำนักกฎหมาย ช่วย “โอ๊ค-เอม”เลี่ยงภาษีโอนหุ้นชินคอร์ปฯเมื่อปี 2549 ส่วนคนสนิทเลขาฯ“หญิงอ้อ” โดน 2 ปี เท่าเดิมศาลชี้พฤติการณ์ร้ายแรง ทำรัฐสูญรายได้ภาษีนับหมื่นล้าน ญาติร้องระงมตามไปเยี่ยมในคุก
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 ธันวาคม ที่ห้องพิจารณา 703 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางถ.นครไชยศรีศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีเลี่ยงภาษีหุ้น หมายเลขดำ อท.43/2558 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ฟ้อง นางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร , น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย , น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย , นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1-5 ฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 กรณีพวกจำเลยได้ช่วยเหลือนายพานทองแท้ หรือโอ๊ค และ น.ส.พินทองทา หรือเอม ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวของนายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี เลี่ยงเสียภาษีอากร หรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย ในการซื้อหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น เมื่อปี 2549 คนละ 164,600,000 หุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดหุ้นละ 49.25 บาท ซึ่งถือเป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีของส่วนต่างราคาหุ้น คนละ 7,941,950,000 บาทรวม 15,883,900,000 บาทรวมโดย
จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนให้จำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 3 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่กรมสรรพากร ตาม ป.อ.มาตรา 157 ส่วนจำเลยที่ 5 จำคุก 2 ปี ฐานเป็นผู้สนับสนุนฯ
ต่อมา จำเลยทั้งหมดยื่นฎีกาสู้คดี พร้อมขอให้ศาลพิจารณาลงโทษสถานเบาหรือรอลงอาญา โดยระหว่างฎีกา จำเลยทั้งหมดได้ประกันตัวคนละ 5แสนบาท วันนี้ทั้งหมดเดินทางมาพร้อมฟังคำพิพากษาศาลฎีกา โดยมีครอบครัว ญาติสนิท และเพื่อนๆ มาร่วมให้กำลังใจกว่า 30 คนจนเต็มห้องพิจารณา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันโดยละเอียดเรียบร้อยแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 1-4 ในการ ตอบข้อหารือการประเมินภาษี การซื้อขายหุ้นชินคอร์ปฯ ระหว่างบริษัทแอมเพิลริช กับนายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา ให้กับจำเลยที่ 5 รับทราบนั้น เป็นการแนะนำแอบแฝงเจตนาโดยไม่สุจริต เป็นข้อพิรุธ อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ช่วยให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ไม่ต้องแจ้งรายได้ที่เป็นส่วนต่างการซื้อขายหุ้นที่ราคาพาร์ต่ำกว่าทุน ซึ่งมีมูลค่า 15,883,900,000 บาท ซึ่งแนวการตอบข้อหารือนั้น ก็ไม่ตรงกับข้อหารือที่กรมสรรพากรเคยวินิจฉัยเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นบางประการไว้ ทั้งๆที่จำเลยที่ 1 -4 สามารถชะลอ หรือไม่ตอบข้อหารือของจำเลยที่5 ก็ย่อมกระทำได้
ทั้งนี้ยังฟังได้ว่า การที่จำเลยที่ 5 มีหนังสือแจ้งถามข้อหารือมายังกรมสรรพากร ก็เป็นการตระเตรียมวางแผนไว้ในการขายหุ้นกลุ่มชินคอร์ปฯ ให้กับกลุ่มเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ ที่ศาลฏีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเคยวินิจฉัยว่า เจ้าของหุ้นที่แท้จริงคือ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งจำเลยที่ 1-4 เป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรระดับสูง เคยวินิจฉัยข้อกฎหมายต่าง ๆ มา และถือเป็นมันสมองของกรมสรรพากร ขณะที่จำเลยที่ 5 ก็เคยทำงานเกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชีและตรวจสอบการประเมินภาษี จึงย่อมรู้ดีว่าการมีหนังสือถามข้อหารือดังกล่าว นายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการยื่นแบบรายการประเมินภาษีได้ และหากมีคดีความเกิดขึ้นทั้งอาญาหรือแพ่ง ก็สามารถนำหนังสือตอบข้อหารือนี้ไปใช้อ้างเพื่อเป็นประโยชน์ได้ ขณะที่ข้อสงสัยในการประเมินภาษีลักษณะดังกล่าวยังไม่เคยมีแนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกา ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษว่าจำเลยที่1-4 กระทำความผิดนั้น ศาลฏีกาเห็นพ้องด้วยใน
ส่วนที่จำเลยทั้ง5ขอให้ศาลลงโทษสถานเบาหรือรอลงอาญานั้น ศาลฏีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 5 คน ตามที่วินิจฉัยมาถือว่ามีพฤติการณ์ร้ายแรง จึงไม่สมควรให้รอการลงโทษ แต่เมื่อพิเคราะห์จากคำให้การของจำเลยที่ 1-4 แล้ว เห็นว่า ยังมีประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง เห็นควรลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 5 คงจำคุกไว้ 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศหลังศาลฎีกา พิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งห้า โดยไม่รอลงอาญา จำเลยทั้งหมดมีสีหน้าเคร่งเครียด เสียใจ โดยญาติได้รีบเข้าไปโอบกอดร่ำไหั และให้กำลังใจ ขณะที่จำเลยบางคนพยายามกลั้นน้ำตาและกล่าวขอบคุณเสียงสั่นเครือ
ส่วนจำเลยที่ 5 ที่มีอายุมากและมีอาการป่วย ญาติก็แสดงความกังวลใจเกี่ยวกับสุขภาพ ได้มีการนำยารักษาโรคประจำตัวมาให้ด้วย ก่อนเตรียมส่งตัวเข้าเรือนจำ ซึ่งในส่วนของจำเลยผู้ชาย จะถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วนจำเลยผู้หญิง จะเข้าทัณฑสถานหญิงกลาง โดยกลุ่มญาติ และเพื่อนๆก็ได้มีการพูดคุยกับจำเลย ได้แสดงห่วงใยและจะติดตามไปเยี่ยมถึงเรือนจำด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี