เริ่มแล้ว ! สภาผู้แทนฯ พิจารณางบปี 2563 “ปธ.ชวน” ย้ำอย่าเซลฟี่ในห้องประชุม – “อุตตม” แถลงหลักการงบปี 63 ปรับลด 16,231 ล้านบาท อ้างอิงความจำเป็นเร่งด่วนที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรง
เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2563 ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม มีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ในวาระสองและวาระสาม โดยคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญฯ พิจารณาเรียบร้อยแล้ว
โดยก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนฯ ให้สมาชิกฯ ยืนขึ้น เพื่อฟังพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็น ประธานองคมนตรี จากนั้นให้นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น ซึ่งเพิ่งได้รับการเลือกตั้ง ปฏิญาณตนต่อที่ประชุมก่อนทำหน้าที่
ต่อมา นายชวน ได้ย้ำเรื่องข้อปฏิบัติเรื่องขอความร่วมมือ ส.ส.การเดินตัดหน้าและเดินผ่านข้างหลังผู้ที่กำลังอภิปราย เนื่องจากดูไม่มีระเบียบวินัย รวมทั้งไม่ให้ถ่ายภาพเซลฟี่ตัวเองในระหว่างมีการอภิปราย และไม่นำเครื่องดื่มและนำอาหารเข้ามาในห้องประชุมสภา
ขณะที่นายวีรกร คำประกอบ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ตั้งคำถามเรื่องห้าม ส.ส.เดินตัดหน้ากล้องที่อาจไม่ได้มีเจตนา ส่วนนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เห็นด้วยหากจะห้าม ส.ส.ทั้งหมดนำอาหารเครื่องดื่มเข้ามาในห้องประชุมสภา แต่อยากให้มีแนวทางที่ชัดเจนด้วย
จากนั้น นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 แถลงชี้แจงสาระสำคัญ ในการพิจารณารายมาตราวาระที่ 2 ว่า ได้มอบหมายให้แต่ละกระทรวงไปพิจารณาความจำเป็นในการใช้งบประมาณทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ และส่งข้อมูลมาให้คณะอนุกรรมาธิการพิจารณา ซึ่งคณะกรรมการมีมติปรับลดงบประมาณจำนวน 16,231 ล้านบาท โดยพิจารณาถึงความสอดคล้องตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 แผนพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ตลอดจนนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
โดยพิจารณาจากแผนการใช้จ่ายงบประมาณปี 2562 ทั้งรายการที่มีเป้าหมายการดำเนินงานที่ไม่ชัดเจน การปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานให้เกิดการประหยัด เช่น การประชุมสัมมนาการจ้างเหมาบริการ การประชาสัมพันธ์ การเดินทางไปราชการต่างประเทศ และโครงการที่ดำเนินการล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ และไม่สามารถใช้จ่ายได้ทัน ในปี 2563 หรือรายการผูกพันงบประมาณเดิมที่รายการจัดซื้อจัดจ้าง ต่ำกว่างบประมาณที่เสนอไว้ และรายการงบประมาณต่างๆ ที่สามารถปรับลดได้เช่น ค่าก่อสร้างตามค่าวัสดุก่อสร้าง ที่มีแนวโน้มลดลง โครงการรายการที่สามารถใช้งบจากแหล่งอื่น ทั้งเงินนอกงบประมาณ หรืองบประมาณที่สามารถจัดเก็บเองได้ รวมถึงเงินทุนหมุนเวียน
นายอุตตม กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ได้เพิ่มงบประมาณให้สำนักเลขาธิการวุฒิสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานศาลปกครอง สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานประกันสังคม และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา โดยให้หน่วยงานรับงบประมาณเหล่านี้ มีงบประมาณเพียงพอสำหรับการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติต่อไป และมีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการจำนวน 27 ล้านบาท ไปเป็นงบประมาณของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
พร้อมย้ำว่าการปรับลดรายการเพิ่มงบประมาณได้ให้ความสำคัญกับความพร้อมและศักยภาพของหน่วยงานความซ้ำซ้อนของเป้าหมายการดำเนินงานผลการบริหารงานที่ผ่านมารายการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรงเป็นสำคัญเพื่อให้สามารถดำเนินการตามกรอบงบประมาณรายจ่าย 3.2 ล้านล้านบาท
ต่อมา ที่ประชุมเข้าสู่การพิจารณาเป็นรายมาตรา ตั้งแต่มาตรา 1 ชื่อร่าง พ.ร.บ. โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะกมธ.สงวนความเห็นให้เป็น พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 (ฉบับออกไม่ทันปีงบประมาณ) ซึ่ง กมธ.ยืนยันใช้ตามเดิม ทำให้นายเรืองไกรขอให้ที่ประชุมลงมติ ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ให้คงไว้ตามเดิม ด้วยเสียง 222ต่อ 3 งดออกเสียง175 ไม่ออกเสียง 2 เสียง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี