‘ธีรัจชัย-ธรรมนัส’สวนกันเดือด ปมซักฟอกขาดคุณสมบัติ เหตุเคยจำคุกคดีค้ายา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.55 น.วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบพรรค อภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในสภาฯ ต่อความไม่เหมาะสมและมีคุณสมบัติต้องห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 เนื่องจากเคยถูกศาลรัฐประเทศออสเตรเลียพิพากษาให้จำคุก 6 ปี และ 4 ปี พร้อมกับเนรเทศกลับประเทศฐานความผิดฐานนำเข้าและค้ายาเสพติด
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงรายละเอียดซึ่งแตกต่างกัน ทั้งตอนแรกระบุว่าไม่ติดคุก แต่การตอบกระทู้ยอมรับว่าเคยติดคุก ดังนั้นถือเป็นสิ่งยืนยันว่า ร.อ.ธรรมนัส มีคุณสมบัติขัดต่อการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างชัดเจน ตนมีรายละเอียดและเอกสารใหม่เป็นคำพิพากษาจากศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลส์ ปี 2538 โดยมีรายละเอียด ร.อ.ธรรมนัส ยอมรับว่าได้ขนยาเสพติดเข้าประเทศออสเตรเลียจริง โดยไม่มีพรีบาร์เกน ซึ่งขัดแย้งกับ ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงต่อสภาฯ และชี้แจงกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาฯ ว่ามีกระบวนการพรีบาร์เกนและไม่เคยถูกจำคุก
“คำพิพากษายังระบุว่านายคอนซาเซน ติโน่ เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อเจรจาเพื่อซื้อยาเสพติด พร้อมกับพบการขนยาเสพติดเข้าประเทศ ทำให้ ร.อ.ธรรมนัส ไม่ถูกลดโทษ เนื่องจากเป็นผู้ธุระจัดหา มากกว่าแค่การขนยาเสพติดเข้าประเทศ ผมเชื่อว่าท่านไม่มีวีซ่าเข้าประเทศออสเตรเลียแน่นอน เพราะบุคคลที่ถูกจำคุกจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศ ซึ่งกรณีต้องคำพิพากษาศาลต่างประเทศดังกล่าวถือว่าทำให้เข้าข่ายขาดคุณสมบัติการลงสมัครรับเลือกตั้งและดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามบันทึกกฤษฎีกา ที่276/2525 ระบุว่าบุคคลที่ต้องคำพิพากษาจากศาลใดก็ตามต้องขาดคุณสมบัติสมัครรับเลือกตั้ง” นายธีรัจชัย อภิปราย
นายธีรัจชัย อภิปรายด้วยว่า ต่อกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่าผ่านการล้างมลทินและนิรโทษกรรมแล้ว ซึ่งกรณีดังกล่าวสามารถทำได้เฉพาะในความผิดที่เกิดในประเทศไทย แต่ไม่สามารถก้าวล่วงไปยังคำพิพากษาของศาลต่างประเทศได้ จึงเชื่อว่าความผิดที่เกิดขึ้นทำให้ขาดคุณสมบัติอย่างชัดเจน
นอกจากนั้นมีประเด็นน่าสงสัยต่อการคืนยศ ทั้งที่เคยถูกถอดยศมาแล้ว เพราะฝ่าฝืนคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แต่กรณีที่กลับเข้ารับราชการได้คืนยศได้อีกครั้ง ตนเชื่อว่าจะเท่ากับการฉ้อโกงเพราะไม่เปิดเผยประวัติว่าเคยถูกศาลต่างประเทศพิพากษาให้จำคุก เช่นเดียวกันกับการปกปิดข้อมูลต่อการยื่นสมัครลงรับเลือกตั้งปี 2556 ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งที่ก่อนหน้านั้นรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 กำหนดว่าหากถูกพิพากษาให้จำคุก ถือว่าขาดคุณสมบัติการลงสมัครรับเลือกตั้ง
หลังนายธีรัจชัยจบ ร.อ.ธรรมนัส ลุกชี้แจงทันทีต่อข้อกล่าวหาว่าเข้าสู่ดำรงตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ว่า เรื่องที่ยกมาอภิปรายดังกล่าวเป็นอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน ทั้งนี้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 3 รับรองไว้ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ซึ่งอธิปไตยดังกล่าวหมายถึง อำนาจทางบริหาร, ตุลาการ และนิติบัญญัติ โดยการบริหารราชการแผ่นดินมีผลเฉพาะแผ่นดินหรือรัฐนั้นๆ โดยเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มติครม.ของไทย บังคับใช้กับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงหากนำมติครม. ประเทศออสเตรเลีย มาบังคับใช้กับประเทศไทยไม่ได้ เนื่องจากขัดต่ออธิปไตยเหนือดินแดน
ขณะที่อำนาจทางนิติบัญญัติ ที่ตรากฎหมายบังคับใช้เพื่อรัฐนั้น จะมีผลเฉพาะรัฐนั้น ไม่สามารถนำกฎหมายของประเทศออสเตรเลีย บังคับหรือลงโทษคนไทยในรัฐไทยไม่ได้ ขณะที่อำนาจตุลาการจะมีผลพิพากษาเฉพาะตามอำนาจของรัฐเท่านั้น หากคู่กรณีหรือคู่สัญญาแต่ละประเทศหากยอมรับมาปฏิบัติในกฎหมายไทย ต้องบัญญัติไว้ในกฎหมาย เช่นกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง ห้ามคนต่างด้าวที่ต้องคำพิพากษา หรือโทษตามกฎหมายของประเทศไทย ยกเว้นความผิดที่ได้รับการยกเว้นโดยกฎกระทรวงห้ามเข้าราชอาณาจักร
“ก่อนฟังผู้อภิปราย ผมตื่นเต้นว่ามีอะไรเด็ด แต่พอฟังแล้วไม่ตื่นเต้น เพราะสิ่งที่พยายามอภิปรายคือคำพิพากษาของศาลแขวง ผมมีมาตั้งนานแล้ว โดยผมได้ทำหนังสือไปยังปลัดกระทรวงการต่างประเทศ คัดสำเนาคำพิพากษาศาลออสเตรเลีย คือ ศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลส์ 31 มีนาคม 2537 และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์รัฐ 10 มีนาคม 2538 เอกสารที่ท่านแสดง ผมมีนั้นมากกว่าท่าน เพราะมีสาระสำคัญที่เชื่อว่าท่านไม่มี คือ การทดลองเจรจาก่อนเข้าสู่กระบวนการของลูกขุน อย่างไรก็ตามที่ระบุมีคำแปลว่าผมรับสารภาพว่าเจตนานำเข้ายาเสพติด นั้นไม่จริง เพราะคำแปลที่มีผู้รับรองซึ่งน่าเชื่อถือได้ไม่มีตรงไหนที่ระบุว่าผมรับสารภาพนำเข้า ส่งออก จำหน่ายและผลิตเฮโรอีน ที่มีโทษจำคุกตลอดชีวิตเท่านั้น อย่างไรก็ตามในคำพิพากษาระบุว่าความผิดของผมคือฐานรู้ว่ามีผู้กระทำความผิดแต่ปกปิดแต่ไม่แจ้งเจ้าหน้าที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ให้ทราบ ทั้งนี้ในคำพิพากษาที่อภิปรายนั้นอ่านไม่ครบถ้วน” ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจง
ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงด้วยว่าต่อกรณีที่มีสื่อมวลชนที่ถูกจ้างให้ทำข่าว ถูกตนฟ้องดำเนินคดีอาญา เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 รวมถึงดำเนินคดีกับคนที่กล่าวหา โดยล่าสุดมีผู้อ้อนวอนขอให้ตนถอนฟ้อง อย่างไรก็ตามในการอภิปรายดังกล่าวตนให้วอร์รูมที่ จ.พะเยา ดูแลต่อการฟ้องร้องดำเนินคดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี