สองขุนพลค่ายสะตอ "นิพิฏฐ์-สาทิตย์" จับเข่าคุย ส.ส.-อดีต ส.ส.ใต้ ปชป.รับฟังปัญหาหวังกอบกู้วิกฤตพรรค วิเคราะห์ 3 ปัจจัยสะท้อนความนิยมตกต่ำทั้ง "กระแส-บุคคล-ผู้นำ" เตรียมเสนอ กก.บห. 29 มิ.ย.นี้ จี้ให้เวลาแก้ไข 2 เดือน หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงพร้อมขับเคลื่อนต่อไปก่อนจะตายหมู่ยกพรรค
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน เวลา 16.30 น. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคใต้ นัดหารือร่วมกับคณะส.ส.และอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ ที่ชั้น 37 โรงแรมอนันตรา สาทร กรุงเทพฯ ถนนนราธิวาส เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความอึดอัดใจและปัญหาในการทำงานของ ส.ส.และอดีต ส.ส. รวมถึงยุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ โดยมี ส.ส.และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้รวมกว่า 20 คน และมีกรรมการบริหารพรรคบางส่วนเข้าร่วมรับฟังด้วย
ทั้งนี้ หลังหารือไปนานกว่า 2 ชั่วโมง นายนิพิฏฐ์ และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า การหารือครั้งนี้เน้นเรื่องของยุทธศาสตร์ภาคใต้เป็นหลัก เพื่อปรับปรุงพัฒนาให้พรรคประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้าและกลับมาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดที่ประมวลและนำเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ ทั้งนี้ เราหวังจะให้มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าการหารือในวันนี้ (25 มิ.ย.) เป็นการนัดหมายล่วงหน้า และไม่กังวลว่าจะถูกหมายหัว รวมถึงไม่มีปัญหากับหัวหน้าพรรค เพราะสิ่งที่ทำในวันนี้เป็นความพยายามที่จะทำให้พรรคดีขึ้น ควรให้รางวัลพวกตนด้วยซ้ำ
ด้านนายสาทิตย์ กล่าวว่า ภาคใต้เป็นพื้นที่กำลังหลักของพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า 20 ปี แต่ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง การจะทำให้พรรคกลับมาเป็นพรรคอันดับ 1 เราจะต้องนำความจริงมาพูดกันแล้วจึงได้มีการสรุปบทเรียนในแต่ละพื้นที่ว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้พรรคพ่ายแพ้ และเขตที่เราชนะมาได้นั้นเป็นเพราะมีปัจจัยอะไร
อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้ต้องยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ทำการเมืองในรูปแบบที่คนภาคใต้คาดหวัง โดยจะนำข้อเสนอเหล่านี้ผ่านนายนิพิฏฐ์ เข้าสู่กรรมการบริหารพรรค อย่างไรก็ตามขออย่ามองว่าเป็นความขัดแย้ง แต่ขอให้ยอมรับข้อเท็จจริงที่เป็นปัญหา เพื่อหาวิธีการแก้ไข ซึ่งจุดเริ่มต้น จะคิดถึงการทำงานในเชิงพื้นที่และชุดความคิดเรื่องภาคใต้โดยเฉพาะ เพราะต้องยอมรับว่าการเมืองวันนี้ไม่มีความแน่นอน และพรรคการเมืองอื่นๆรุกคืบไปในพื้นที่ภาคใต้ค่อนข้างมาก พรรคประชาธิปัตย์จึงต้องเตรียมความพร้อมตลอด
นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า หลังจากส่งข้อเสนอผ่านไปให้คณะกรรมการบริหารพรรคและรัฐมนตรีของพรรคแล้ว เราจะรอดูว่าเกิดผลการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร ซึ่งตนคิดว่าควรใช้เวลาพิจารณาไม่เกิน 1-2 เดือน แต่หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เราก็ต้องมีการขับเคลื่อนเรื่องนี้กันต่อไป เพราะทั้งหมดนี่คืออนาคตของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้
เมื่อถามว่า เท่าที่ได้มีการพูดคุยกัน ส่วนใหญ่เป็นห่วงในเรื่องใด นายสาทิตย์ กล่าวว่า ส.ส.และอดีตส.ส.ในภาคใต้สะท้อนตรงกันว่าความนิยมในตัวพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นมาในอดีตนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เราจึงได้วิเคราะห์กันว่ามีเรื่องใดเป็นปัจจัยบ้าง จึงพบว่ามีทั้งกระแส บุคคล และผู้นำ ดังนั้นหากการเลือกตั้งครั้งอยากชนะต้องศึกษาว่าอะไรเป็นปัจจัย ตอบสนองคนภาคใต้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นความหวัง
"ยอมรับว่า มีปัจจัยเรื่องของผู้นำเข้ามา แต่ในการหารือวันนี้ไม่ได้พูดถึงตัวผู้นำคนใดเป็นพิเศษ และเห็นตรงกันว่าผู้นำทัพมีส่วนสำคัญ หากมีชุดความคิดและผู้นำยอมรับเดินตามชุดความคิดนั้น ทำงานอย่างเป็นระบบการทำงานอย่างเป็นระบบ ก็เชื่อว่าจะทำให้พรรคดีขึ้น แต่ที่ผ่านมาปล่อยฟรีสไตส์ มีจอมยุทธกันมาก จึงต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่ เพราะทุกคนรู้หากพรรคไม่ปรับตัวเพื่อหนีตาย ก็จะตายกันหมด" นายสาทิตย์ กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า การหารือครั้งนี้มีการขยับเวลาให้เร็วขึ้น จาก 17.00 น. เป็น 16.00 น. เนื่องจากมี ส.ส. บางคนกังวล และไม่แน่ใจว่าการหารือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์อย่างไร ทำให้บางส่วนมาถึงแล้วเจอสื่อมวลชน จึงไม่กล้าเข้ามา สุดท้ายได้รับแจ้งว่า ขอเป็นการหารือกันภายใน นอกจากนี้มีรายงานว่า ส.ส. บางส่วนไม่กล้าเดินทางมา เนื่องจากมีผู้ใหญ่ในพรรคโทรศัพท์ไปเตือนและห้ามปราม แต่ในที่สุดก็มาเกือบครบจำนวนที่เชิญ ขณะที่อดีต ส.ส. ที่เป็นข้าราชการการเมืองไม่ได้เดินทางมาเนื่องจากติดภารกิจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี