มติพรรคร่วมรัฐบาล
หนุนแก้รธน.
ไม่แตะหมวดสถาบัน
ตั้ง‘สสร.’ยกร่างใหม่
ครูหยุยลั่นสว.ชิ่งแน่
หากจ้องรื้อหมวด1-2
บิ๊กป้อมไม่ขวางชู3นิ้ว
ประธานวิปรัฐบาลแถลงมติสส.ฝ่ายรัฐบาลเสนอแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ไม่แตะหมวด 1-2 เปิดทางตั้งส.ส.ร. ด้าน “ปชป.-ภท.” หนุนแก้รธน.ขณะ“ครูหยุย” ลั่น แตะหมวด 1และ2 สว.ไม่ร่วมลงชื่อแน่นอน‘บิ๊กตู่’ย้อนถามสื่อนอก ประเทศตัวเองก็มีปัญหา เมินถูกมองเผด็จการ ยันเข้ามาด้วยกระบวนการประชาธิปไตย ถามล้มทั้งหมด-ประเทศล่มสลาย นี่หรือคืออนาคตขออย่าแตะเรื่องสถาบันฯเพราะเป็นจุดรวมจิตใจคนไทยทั้งชาติ‘บิ๊กป้อม’ไม่ขวางชู3นิ้วชี้เป็นสิทธิตามรธน.ด้านรองผบ.ทบ.แนะพ่อแม่ครูควรทำความเข้าใจ ด้านผบก.ภ.จ.ปทุมธานีแถลงยัน หมายจับ6แกนนำม็อบ นศ.ยึดหลักกฎหมาย ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร
เมื่อวันที่ 19สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาในหลายสถานบัน ยังคงทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ชูสามนิ้วและผูกโบสีขาวว่าถ้าเขาทำไปตามกฎหมายก็สามารถทำได้ เป็นสิทธิของแต่ละคน เมื่อถามว่า อยากจะบอกอะไรกับเด็กนักเรียนที่ออกมาทำกิจกรรมเหล่านี้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น แต่อย่าทำผิดกฎหมายแล้วกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถให้ทำกิจกรรมได้แต่ภายในโรงเรียนใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า“ไม่รู้ แล้วแต่เขา สื่อก็อย่าไปถามนำและไปเขียนเยอะ”หมายจับ6แกนนำนศ.ทำตามกม.ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี อ.เมือง จ.ปทุมธานี พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี แถลงข่าวว่า การออกมายจับ 6แกนนำกิจกรรมธรรมศาสตร์จะไม่ทน ประกอบด้วย 1.น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง 2.นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ 3.นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน 4.นายณัฐชนน ไพโรจน์ 5.นายธนวัฒน์ จันผลึกและ6.นายสิทธิ์นนท์ ทรงศิริ หรือไฟช้อน(พิธีกร) จากกรณีวันที่ 14สิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับ โดยศาลธัญบุรีพิจารณาแล้วจึงออกหมายจับผู้ต้องหา 6คน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา116 ,พรบ.ควบคุมโรคติดต่อ,พรบ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงและพรบ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งความผิดเหล่านี้ปรากฏในกิจกรรมบนเวทีของกลุ่มผู้จัด
พล.ต.ต.ชยุต กล่าว่า เบื้องต้นได้สืบสวนตั้งแต่ก่อนจะจัดเวที กระทั่งมีการตั้งเวทีและเริ่มกิจกรรม มีฝ่ายสืบสวน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายหน่วยหลายฝ่ายเข้าไปรวบรวมพยานหลักฐาน ต่อมา มีผู้กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ว่า การจัดชุมนุมและปราศรัยบนเวที การดำเนินกิจกรรมต่างๆ เป็นความผิดตามกฎหมาย จึงกล่าวโทษเพื่อให้สอบสวนดำเนินคดี จนกระทั่งมีการขอออกหมายจับ ยืนยันว่าการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหลายทั้งปวง เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมาย ทำไปโดยสุจริต โปร่งใสเป็นธรรม ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง ให้คนอื่นหรือบุคคลใดได้รับความเสียหาย
‘บิ๊กตู่’ไม่ตอบนายกฯเผด็จการ
ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ.นัดแรก ระหว่างที่เดินกลับเข้าตึกไทยคู่ฟ้า ได้มีกลุ่มผู้สื่อข่าวดักรอเพื่อสัมภาษณ์นายกฯและสอบถามถึงผลการประชุม ซึ่งนายกฯได้หันมาโบกมือพร้อมชูสองนิ้วให้กลุ่มผู้สื่อข่าว ระหว่างนั้นสื่อมวลชนอังกฤษตะโกนถามว่า “มีเด็กๆเรียกว่าเป็นนายกฯเผด็จการรู้สึกอย่างไร”ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ตอบคำถาม พร้อมเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที
ตอกกลับปท.ตัวเองก็มีปัญหา
ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ โดยก่อนแถลงนายกฯหันไปมองสื่อต่างประเทศคนที่ถามคำถามว่ารู้สึกอย่างไรที่เด็กมองว่าตนเองเป็นเผด็จการเมื่อช่วงเช้า โดยนายกฯ กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ว่า วันนี้มีปัญหาทุกประเทศและประเทศของยูในอังกฤษก็มีปัญหาเหมือนกัน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็มีปัญหาเรื่องการเมืองด้วย แต่ยืนยันว่ารัฐบาลจะมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ของเราทั้งสองมิติอย่างดีที่สุด สำหรับเรื่องที่ทุกคนอยากจะทราบคือการดำเนินการเกี่ยวกับผู้ชุมนุม ซึ่งตนคิดว่าเป็นหลักการประชาธิปไตยของทุกประเทศ หลายคนมองว่าตนเข้ามาอย่างไรหรือเป็นเผด็จการ แต่อย่าลืมว่าเราเข้ามาด้วยกระบวนการประชาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญ ซึ่งในส่วนที่จะแก้ก็ว่ากันต่อไปในอนาคต แต่ขออย่าก้าวล่วงในส่วนที่เป็นสถาบันฯเพราะคิดว่าทุกประเทศก็เผชิญสถานการณ์เช่นนี้มาด้วยกัน
สถาบันกษัตริย์คือศูนย์รวมจิตใจ
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายนายกฯถามว่า หากเด็กนักเรียนนักศึกษาเผลอไปหรือคิดไม่ได้ด้วยจิตใจบริสุทธิ์จะเป็นอันตรายต่อเด็กหรือไม่และประเทศจะมีอนาคตแบบนี้ใช่หรือไม่ ถ้าเรียกร้องในสิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นไปได้ ก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม แต่ที่ตนจะต้องรับฟังว่าเกิดอะไรในบ้านเมือง ขณะนี้กำลังเผชิญวิกฤติอะไรโดยเฉพาะปัญหาด้านเศรษฐกิจ หากทุกอย่างมารุมเร้ากันหมด ตนไม่สามารถทำอะไรได้เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่บางคนคาดหวังอยากให้เกิดขึ้น แต่ถามว่าคนเหล่านั้นพร้อมหรือไม่ที่จะเข้ามาแก้ปัญหา จะควบคุมกันไหวหรือไม่ในวันหน้า ตราบใดที่ยังมีเหตุการณ์แบบนี้ วันหน้าก็จะมีอีกฝ่าย จึงถามว่าประเทศไทยจะอยู่กันอย่างไรดังนั้นจึงขอให้เคารพอัตลักษณ์ความเป็นไทยที่มีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่คู่คนไทยหลายร้อยปี ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์มีคุณูปการต่อประเทศมาตลอด จึงย้ำว่าอย่าลืมสิ่งที่เป็นพื้นฐานของประเทศ ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งประเทศ ดังนั้นถามว่าสิ่งเหล่านี้ควรถูกทำลายหรือไม่ ซึ่งหลายเรื่องเป็นไปไม่ได้ เช่น อังกฤษหากนักศึกษาเรียนจบและขอให้จ้างงานเดือนละ5หมื่นเหรียญ จะทำได้หรือไม่
นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้มีการยกตัวอย่างพ่อลูกที่มีความเห็นไม่ตรงกัน ลูกก็ออกมาประกาศตัดพ่อ จึงถามว่าประเทศจะอยู่อย่างนี้หรือ หากเป็นเช่นนั้นหมายความว่าประเทศล่มสลาย หลังจากเกิดการจลาจลทางการเมืองต่อไป ซึ่งตนเองไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้นและสื่อต้องช่วยตนเองด้วย
ให้พ่อแม่ครูทำความเข้าใจชูนิ้ว
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก (รอง ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายเกรงจะเกิดความขัดแย้งในสังคมหลังมีการแสดงสัญลักษณ์ชูสามนิ้วของนิสิต นักศึกษาในการชุมนุมที่ขยายวงกว้างออกไป ว่า ในฐานะตนอยู่ฝ่ายความมั่นคง ในเรื่องความขัดแย้งนั้น ก็เป็นห่วง เพราะคงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้กลับมาเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เข้าใจว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ น่าจะเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและได้รับข้อมูลที่ไม่เพียงพอ รัฐบาลหรือฝ่ายความมั่นคง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ
‘โดยเฉพาะกับน้องๆเยาวชน เพราะพวกเราทุกคนในที่นี้เคยเป็นเด็กมาก่อน เราคงจำได้ว่ามีความเชื่ออะไรเราก็จะเชื่ออย่างนั้น เราก็คงต้องอาศัยความเข้าใจและอาศัยเวลา รวมถึงอาศัยคนที่อยู่ใกล้ชิด เช่นคุณครู คุณพ่อคุณแม่ที่จะช่วยพูดคุยกับเด็กและทำความเข้าใจ คงไม่ใช่รัฐบาลต้องเข้าไปแก้ไขเรื่องนี้ สมมุติว่ากองทัพ จะไปทำความเข้าใจ ทหารหรือตำรวจจะไปทำความเข้าใจ ฝ่ายความมั่นคงหรือแม้กระทั่งนักการเมืองจะเข้าไปทำความเข้าใจ คงจะได้ผลในระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่สามารถคลี่คลายในเวลาที่เราต้องการ สิ่งที่น่าจะแก้ไขได้ก็คือ พ่อแม่คุณครูที่จะช่วยกัน’พล.อ.ณัฐพล กล่าว
‘วิรัช’เผยแก้รธน.ไม่แตะสถาบัน
ที่รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงหลังประชุมวิปรัฐบาล ว่า ที่ประชุมมีมติจะแก้รัฐธรรมนูญปี60 โดยไม่แตะหมวด1และหมวด2และให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ส่วนมาตราอื่นๆจะแก้ไขหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการหารือ นอกจากนี้ วิปรัฐบาลจะออกแบบโครงสร้างส.ส.ร.ด้วยว่าจะเป็นอย่างไร โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งอาจประกอบไปด้วยตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ และอาจเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเป็นพี่เลี้ยงให้ เช่น สถาบันพระปกเกล้า หรือทางสำนักงานกฤษฏีกา เป็นต้น คาดว่าเรื่องนี้จะได้ข้อสรุปเร็วที่สุด ก่อนที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จะเสนอรายงาน ทั้งนี้ เราจะยื่นแบบเอกภาพเป็นหนึ่งเดียว
ปชป.หนุนแก้รธน.ไม่แตะสถาบัน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงการยื่นญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ที่ประชุม สส.พรรคปชป.มอบหมายให้ผู้แทนวิปของพรรคฯ ไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล เพราะพรรคปชป.ไม่สามารถยื่นญัตติลำพังพรรคเดียวได้ เพราะเสียง สส.ไม่พอ เนื่องจากมีเพียง 50เสียง แต่การยื่นญัตติต้องใช้เสียงถึง 98เสียง จึงต้องหารือพรรคร่วม เพื่อจัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยพรรคฯมีจุดยืนชัดเจนตั้งแต่ต้น ในการแก้ไขอย่างน้อยในมามาตรา256 ส่วนประเด็นเพิ่มเติม ได้แก่ เรื่องตั้ง ส.ส.ร.การปรับรูปแบบเลือกตั้งใช้บัตร 2ใบ การเพิ่มสิทธิเสรีภาพประชาชน การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นและการแก้ไขในบทเฉพาะกาล
ส่วนข้อกังวลที่บางพรรคการเมืองจะแก้ไขในหมวด1และหมวด2 นายจุรินทร์ ยืนยันว่า พรรคปชป. มีจุดยืนชัดเจนจะไม่ก้าวล่วงสถาบัน ฉะนั้นพรรคปชป.จึงไม่สนับสนุน ส่วนข้อเรียกร้องให้ยกเลิก สว.และใช้รูปแบบสภาแบบสภาเดียวว่า พรรคปชป.เห็นว่า สว.ยังมีความจำเป็น เพื่อช่วยกลั่นกรองกฎหมาย และควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน แต่จะต้องจำกัดของเขตบทบาทภารกิจ
พท.ชี้ก้าวไกลถอนตัวไม่กระทบ
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล ถอนชื่อออกจากญัตติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่า ไม่มีปัญหา เราเคารพเหตุผลซึ่งกันและกัน โดยมีบางอย่างอาจจะทบทวนวิธีการทำงานอย่างเป็นองค์คณะ ต้องมีการทำงานอย่างเป็นระบบ แลกเปลี่ยนกันแล้วต้องมีมติและต้องปฏิบัติอย่างไร ซึ่งต้องมีการปรับจูนกันก็สามารถทำงานกันต่อไปได้ ซึ่งตนมั่นใจว่าฝ่ายค้านยังเดินหน้าต่อไปได้ ไม่มีปัญหาอะไร
นายสุทิน ยังกล่าวถึงมติการประชุม สส.พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 18สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า เรามีมติเอกฉันท์ว่า สมัยประชุมนี้จะเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา152 เชื่อว่ากรอบเวลาในการยื่นจะทัน ซึ่งมีปัญหาที่จะต้องรีบถามรัฐบาลและให้คำเสนอแนะคือ การแก้ไขเศรษฐกิจ ซึ่งโยงไปสู่ปัญหาทางสังคมและการเมือง ซึ่งเราต้องถามรัฐบาลถึงแนวทาง เพราะหากปล่อยไว้จะมีปัญหากับประเทศ จนไม่สามารถแก้ได้ ดังนั้น ในวันที่ 20สิงหาคม จะเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า จะมีความเห็นอย่างไร ซึ่งคิดว่าไม่ต่างกัน และคิดว่าจะยื่นได้ภายในสัปดาห์นี้ เชื่อว่าจะไม่ทับซ้อนกับการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะสลับเวลากันได้
ภท.ไม่แตะหมวด1-2หนุนตั้งสสร.
ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมสส.ของพรรคทั้ง 61คน แถลงข้อเสนอของพรรคต่อกรณีข้อเรียกร้องของภาคประชาชน ว่า 1.พรรคภท.สนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา256 ให้มี ส.ส.ร.ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญและเสนอให้รัฐสภาพิจารณารับรองตามกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2.พรรคเห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องไม่กระทบหมวด1และหมวด2 อันเป็นลักษณะสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 3.พรรคเสนอให้ส.ส.ร.ที่มาจากประชาชน 4.พรรคพร้อมสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญของส.ส.ร.เมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนแล้ว พรรคเห็นด้วยที่จะให้ยุบสภา เพื่อจัดเลือกตั้งใหม่ 5.พรรคไม่สนับสนุนการคุกคามผู้เห็นต่างทุกกรณีและ6.การสนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลเร่งด่วนของรัฐบาลในข้อ12 ซึ่งนายกฯได้แถลงต่อรัฐสภาว่า สนับสนุนให้มีการศึกษา การรับฟังความเห็นของประชาชนและดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในส่วนที่ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
ครูหยุยลั่นแตะสถาบันสว.ชิ่งแน่
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สว.ในฐานะกรรมาธิการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด1และหมวด2 ว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันในกรรมาธิการฯ แต่ยืนยันว่า เรื่องรแก้ไขรัฐธรรมนูญสว.ไม่มีใครติดใจ สามารถแก้ไขได้ แต่ห้ามแตะต้องและแก้ไขหมวดสถาบันเด็ดขาด หากร่างแก้ไขพรรคก้าวไกลจะแก้หมวด1และหมวด2 สว.จะไม่ร่วมลงชื่อแน่นอนและเชื่อว่าไม่ใช่เฉพาะ สว.แต่รวมถึงสส.ฝ่ายรัฐบาลและสส.ฝ่ายค้านที่เหลือคงไม่มีใครเอาด้วย เพราะเป็นประเด็นที่ดูแล้วไปไกลมาก การเมืองต้องอยู่ใต้บริบทสังคมไทย ทั้งเรื่องจารีตประเพณี วัฒนธรรม ส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคฝ่ายค้านที่ให้แก้ไขมาตรา256 เพื่อตั้งส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญนั้น ถ้ายืนยันชัดเจนว่าไม่แตะต้องหมวด1และ2 สามารถมาพูดคุยทำความเข้าใจกันได้ว่า จะแก้ไขประเด็นใดบ้าง แม้แต่มาตรา269-272 เรื่องการตัดอำนาจ สว.และบทเฉพาะกาล ก็สามารถมาคุยกันได้ เพื่อพิจารณาหาทางออกร่วมกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี