‘บิ๊กตู่’เจอสื่อถามรัฐประหาร
ว้าก‘เลอะเทอะ’
ทบ.แจงเคลื่อนพลฝึกตามปกติ
99สส.ยื่นแก้ม.272ปิดสวิตช์สว.
กลุ่ม60สว.อิสระนัดประชุมล่ม
นายกฯปลุกต้องช่วยกันบ้านเมืองมีปัญหาทั้งโควิด-เศรษฐกิจ บอกเลอะเทอะ หลังถูกสื่อถามเรื่องรัฐประหาร หลังทหารเคลื่อนพล ย้ำไม่ห้ามชุมนุม 19 กันยายน ตามสิทธิ ยัน พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ใช้คุมม็อบด้าน“ครม.”ไฟเขียวร่างกม.ประชามติ
ย้ำเลือกท้องถิ่นปีนี้แน่ กองทัพบกสยบข่าวรัฐประหาร ยันทหารเคลื่อนยุทโธปกรณ์เพื่อฝึกเท่านั้น เลื่อนจากมี.ค.-เม.ย.หลบโควิด ขณะที่60สว.อิสระนัดประชุมล่ม ตกใจกองทัพสื่อ-กลัวเจ็บตัว เปิดหน้า แห่ถอนตัวจากกลุ่มไลน์กว่าครึ่ง จ่อหารือภายใน รับสว.ยังเห็นต่าง เขย่าสภา’ก้าวไกล’ผนึกกบฏปชป.-ภท.’13พรรค เข้าชื่อ99ส.ส.ยื่นแก้รธน.มาตรา272หวังปิดสวิตซ์โหวตสว.
เมื่อเวลา13.10น.วันที่ 8กันยายน ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า มาพบกันอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้พบกันหลายวัน ในส่วนรัฐบาลไม่ได้หยุดทำงาน ได้คิดงานต่างๆนำปัญหามาเคลียร์และแก้ไขรวมทั้งเตรียมการประชุม ครม.ด้วย นายกฯก็มีงานทำเช่นนี้ ก็ต้องช่วยกันเพราะบ้านเมืองมีปัญหาทั้งในเรื่องของโควิดและปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ยังไม่ค่อยจะดี ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว
พรก.ฉุกเฉิน/ไม่เกี่ยวชุมนุม
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการต่ออายุพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน)ในพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าเป็นการต่อในพื้นที่เดิมที่ยังมีความรุนแรงอยู่และปรับลดอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานีออกไป เป็นเรื่องธรรมดา พ.ร.ก.ฉุกเฉินใช้เมื่อจำเป็น เมื่อไม่จำเป็นก็ปลดออก ถ้าไม่ดีก็ต้องประกาศใหม่ วันหน้าพ.ร.ก.ฉุกเฉินเกี่ยวกับเรื่องโควิด-19 ก็ลดลงได้ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ถือเป็นเรื่องบูรณาการกฎหมาย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ยืนยันไม่เกี่ยวกัน
ลั่นไม่ห้ามชุมนุมใหญ่19กันยา
เมื่อถามถึงข้อเท็จจริงที่มีการเปิดเผยเอกสารการเตรียมกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรับมือการชุมนุมวันที่19 ก.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องการชุมนุม ใครพูดอะไรมาก็ให้หาคนนั้นก็แล้วกัน ใครที่เปิดเผยเอกสารอะไรต่างๆ ตนไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เพียง แต่ต้องดูแลให้เขาปลอดภัยเท่านั้น ถือว่าเป็นเรื่องของการชุมนุม ถ้าหากชุมนุมไม่รุนแรงก็ว่าไปตามสิทธิของแต่ละคน ทั้งนี้การบูรณาการกฎหมายฉบับต่างๆที่ทำขึ้นนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการชุมนุมแต่อย่างใดตนขอยืนยัน
บอก’เลอะเทอะ’ถามรัฐประหาร
เมื่อถามว่า กระแสข่าวเรื่องการรัฐประหารในขณะนี้มีความเห็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสียงดัง พร้อมโบกมือไล่ผู้สื่อข่าว พร้อมกล่าวว่า“เฮ้ย!ไป กลับบ้านเลย” ก่อนที่จะเดินออกจากโพเดี้ยมการให้สัมภาษณ์ แต่ได้หยุดที่หน้าประตูและหันมาถามว่า ใครจะรัฐประหาร เมื่อผู้สื่อข่าวตอบว่า ก็เป็นทหารจากกองทัพบก พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า“เลอะเถอะ อย่าเอาทหารมาถามอย่างนี้”
ครม.ไฟเขียวร่างกม.ประชามติ
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่าประชุม ครม.พิจารณาเห็นชอบ ร่าง พรบ.ออกเสียงประชามติ ตาม ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอโดยกกต.ได้ชี้แจงว่า ตามกฎหมายฉบับใหม่ หากต้องมีการทำประชามติ จะต้องทำถึง 2ครั้ง ปกติต้องใช้งบประมาณครั้งละ3,000ล้านบาท แต่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จะต้องใช้งบประมาณ 5,000ล้านบาท เพราะต้องใช้จุดการลงคะแนนมากขึ้น ต้นทุนทุกอย่างก็ต้องมากขึ้นเช่นเดียวกัน
ย้ำเลือกตั้งท้องถิ่นในปีนี้แน่
“ผมเล่าให้ฟังเฉยๆ อย่าหาว่าผมไม่สนับสนุนก็แล้วกัน ถ้าไม่สนับสนุน ผมก็ไม่ทำกฎหมายประชามติหรอก ปกติมัน 3,000 ล้านบาท ค่าโควิดก็เจออีก 1,000 ล้านบาท ตรงนี้เป็นค่าใช้จ่ายของกกต. อีกส่วนเป็นเรื่องของสภา และส่วนที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการก็ประมาณครั้งละ 5,000 ล้านบาท”นายกฯ กล่าวและว่านอกจากนี้ ในการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น ต้องใช้งบประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาทซึ่งจะจัดให้ในปีนี้ ประเภทใดประเภทหนึ่งก่อน เพราะจะทำพร้อมกันไม่ได้ ต้องเว้นระยะ 60 วัน
เคาะจ้างนศ.จบใหม่2.6แสนคน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่าที่ประชุมครม.ยังเห็นชอบให้มีการจ้างงาน นิสิต นักศึกษา ผู้จบการศึกษาใหม่จำนวน 260,000ราย เป็นเวลา 12 เดือน ทั้งในส่วนของผู้ที่จบ ปวช. ปวส. และปริญญาตรีรวมถึงการจ้างงานอื่นๆ รวมประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งจะเป็นงบประมาณของแต่ละกระทรวง
ยังไม่แจก3พันข้อมูลไม่พร้อม
นอกจานี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงโครงการแจกเงิน3,000บาทให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19ว่า ที่มีข่าวว่าจะแจกเงิน 3,000บาทว่า ครม.ยังไม่มีการพิจารณา ข่าวออกไปโดยที่ยังไม่มีรายละเอียดอะไรเลย วันนี้รัฐบาลมุ่งเน้นว่าเงิน ถ้ามีตรงนี้ก็คงจะดูแลผู้ประกอบการรายย่อย ค้าปลีกพ่อค้า แม่ค้าระดับล่าง ที่ได้รับความเดือดร้อนก่อน กำลังพิจารณากลไกที่จะนำมาใช้ในการดูแลอยู่ ทั้งนี้ เรามีข้อมูลไม่พร้อม ระบบการจ่ายเงินโดยตรง ก็ไม่พร้อมซึ่งต้องใช้เวลา แต่ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในการที่จะให้ผู้บริโภค มีโอกาสซื้อของจากร้านค้าปลีก ระดับล่าง ไม่ใช่ผู้ประกอบการรายใหญ่
กองทัพบกสยบข่าวรัฐประหาร
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวลือว่ากองทัพบกมีการขนย้ายยุทโธปกรณ์เพื่อเตรียมทำการรัฐประหารว่า เป็นการบิดเบือนข้อมูลโดยมีการนำเรื่องเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ที่ในช่วงนี้เป็นช่วงการฝึกตามวงรอบประจำปีของหน่วยในกองทัพบกไปเชื่อมโยงกับเรื่องรัฐประหาร ที่ผ่านมาเรื่องการฝึกทางกองทัพบกได้แจ้งประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อเนื่องเป็นระยะจึงไม่อยากให้บางกลุ่มบางบุคคล ที่ได้รับข่าวสารข้อมูลไม่ครบถ้วนไปบิดเบือนจนทำให้สังคมเกิดความสับสนและเข้าใจผิด ซึ่งเป็นการฝึกตามวงรอบในระดับหน่วยจะมีตั้งแต่ช่วงเดือนมี.ค.แต่ที่ผ่านมามีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้การฝึกต้องเลื่อนออกไป ยืนยันว่าการฝึกระดับหน่วยยังคงมีความจำเป็นและมีการปรับระดับการฝึกให้เล็กลงเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19อีกทั้ง การเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ต่างๆก็ไม่ได้วิ่งเคลื่อนไปทั้งสายพาน แต่มีการเคลื่อนย้ายไปทางรถไฟเหมือนทุกครั้งตามปกติ
ทหารออกมาฝึกตามวงรอบ
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า กองทัพบกได้มีการปรับหน่วยอาร์ดีเอฟใหม่ตามนโยบายของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)ที่ให้ทุกกองทัพภาคจัดหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วขึ้นมาเองในทุกปีหน่วยที่กองทัพภาคจัดขึ้นก็จะมาฝึกทดสอบฯในพื้นที่ที่กองทัพบกกำหนด หมุนเวียนกันไปทุกปี ผบ.ทบ.มีนโยบายว่าการจัดตั้งหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วกองทัพบกขึ้นมาในทุกกองทัพภาคเพื่อความพร้อมเผชิญเหตุและสนับสนุนพื้นที่การรบ เมื่อเกิดเหตุตรงไหน หน่วยนี้สามารถส่งเข้าไปในพื้นที่ได้ทันที ไม่ต้องใช้กำลังจากหน่วย ร.31 รอ.ที่อยู่ จ.ลพบุรี จากส่วนกลางออกไป จึ ไม่ได้มีอะไรแปลกไปจากแผนงานด้านยุทธการที่วางไว้ซึ่งฝึกปีนี้ เป็นปีที่2
กองทัพบกชี้แจงฝึกอาร์ดีเอฟ
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ณฐพล ศรีสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ชี้แจง กรณี กระแสข่าวลือ รัฐประหาร ในช่วงที่ กองทัพบกมีการเคลื่อนย้ายกำลังพล และอาวุธยุทโธปกรณ์ในหลายพื้นที่ว่า จะเห็นได้ว่าหากมีการเคลื่อนกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ออกจากหน่วย ก็จะมีการแจ้งล่วงหน้าให้ทราบ อีกทั้ง ขณะนี้กองทัพบกมีการฝึกใหญ่ คือ การฝึกหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก หรือ อาร์ดีเอฟ (RDF) เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลให้เป็นหน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของกองทัพบก 2 วัน คือวันที่ 8 - 9 ก.ย.และจะเคลื่อนย้ายกลับหน่วย ถือเป็นการฝึกภายในประเทศ เป็นการฝึกพัฒนากำลังรบของเรา เรามีการแจ้งด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราพร้อมที่จะได้รับการตรวจสอบ หากสงสัยก็ถามได้ตลอดเวลา และการแจ้งข้อมูลข่าวสารเราก็จะแจ้งผ่านสื่อที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ข้อมูลถึงประชาชนมากที่สุดให้เกิดความสบายใจ
‘บิ๊กแดง’ย้ำกำลังพลแจงดับข้อครหา
เมื่อถามว่า เป็นแค่เพียงข่าวลือที่คนลือกันไปเองในเรื่องการรัฐประหารใช่หรือไม่ พล.อ.ณฐพล กล่าวว่าถือเป็นกระแสในช่วงเวลา แล้วแต่คนจะนำกระแสตรงนี้ไปสร้างประเด็น แต่ในเรื่องข้อเท็จจริง ก็ควรสอบถามกัน ในเรื่องนี้ ทาง พล.อ.อภิรักษ์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้แจ้งเตือนทุกหน่วย ให้มีความระมัดระวัง และพยายามให้การสื่อสารของเราไปถึงประชาชนให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้แก้ข่าวลือตรงนี้
เมื่อถามว่าสอดคล้องกับการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นวันที่ 19 ที่ จะทำให้ประชาชนเกิดความหวาดระแวงหรือไม่ พล.อ.ณฐพล ย้ำว่า แผนการฝึกของเราเป็นแผนระยะยาว ในปีหนึ่ง จะมีลำดับขั้นการฝึกอะไร คงไม่สามารถจัดตารางให้มาเชื่อมโยงกับเหตุการณ์อะไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
กลุ่ม60สว.หวังชักฟืนออกกองไฟ
ที่รัฐสภา นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)เปิดเผยว่าจะมีการประชุมหารือกลุ่ม60ส.ว.อิสระถึงหลักการและจุดยืนในการแก้ไขและธรรมนูญ จะคิดเห็นอย่างไรโดยเชื่อมั่นว่าทั้ง 60คนจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน เพราะมีความห่วงใยสถานการณ์บ้านเมืองจาก สว.ต้องการชักฟืนออกจากกองไฟ ประเด็นไหนสามารถที่จะทำหรือถอยได้ ก็ยินดี ที่จะทำ แต่หากเกินเลยในสิ่งที่จะทำได้ ก็จะไม่ทำ ส่วนเงื่อนไขรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้มีเสียงสมาชิกวุฒิสภาอย่างน้อย 84 เสียงสนับสนุนเห็นชอบในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ต้องหารือในกลุ่ม ซึ่งในวันนี้(8ก.ย.)จะชัดเจน
ยอมตัดโหวตนายกฯ/หนุนตั้งสสร.
นายกิตติศักดิ์ ระบุว่า การปิดสวิตซ์ ส.ว.ยอมรับว่า จะมีการนำเข้าไปหารือ คิดว่าอาจทำไม่ได้ ส่วนตัวเห็นว่าหมดความจำเป็นแล้ว ส่วนอำนาจ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกฯและยังฝืนคงไว้อำนาจนี้ บ้านเมืองจะไม่สงบสุข แต่ยังเห็นว่าควรจะมีวุฒิสภา เพื่อทำหน้าที่ถ่วงดุลตามรัฐธรรมนูญ แต่ประเด็นแรกอยู่ที่ว่า สว.จะเห็นด้วยกับการแก้ไข มาตรา 256หรือไม่ ในฐานะ กมธ.การเมืองวุฒิสภา เห็นข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญ หากแก้บางเรื่องที่เป็นปัญหา ก็ยินดีที่จะแก้ การตั้ง สสร.เป็นการดำเนินการที่ใช้จ่ายงบประมาณ และเปลืองเวลา หากแก้บางมาตราด้วยกลไกของ 2 สภาจะใช้ระยะเวลาน้อยกว่า สิ่งต้องห้าม ส.ว.คือห้ามแตะหมวด 1 และหมวด 2 พร้อมยืนยันว่า ส.ว.ไม่เคยห่วงอำนาจ และ พร้อมที่จะแก้ในบางประเด็นบางมาตรา เพราะอำนาจแก้ไขอยู่ที่ ส.ว.100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมจะมาเคลื่อนไหวกดดันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ยืนยันไม่ส่งผลต่อการพิจารณาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะหากกดดัน จะไม่จบสิ้น
‘หมอพรทิพย์’ชี้ตั้งสสร.แก้ล่าช้า
แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการหารือแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในกลุ่ม ส.ว.60คนหรือกลุ่ม ส.ว. อิสระว่าเป็นเพียงการตั้งกลุ่มเพื่อใช้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นการแก้ไข ซึ่งสมาชิกแต่ละคนก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป ตามสิทธิส่วนบุคคล ในส่วนกระบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางข้อสามารถทำได้เลย เป็นสิทธิ์ของรัฐบาล แต่ไม่สามารถบังคับ ส.ว.ว่าให้เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ส่วนแนวทางเสนอให้แก้ไขรายมาตรา หรือเสนอให้มีการจัดตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.เพื่อการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น ส่วนตัวมองว่าการจัดตั้ง ส.ส.ร.จะทำให้การแก้ไขล่าช้าและไม่อยากให้มองว่า เป็นการยื้อเวลา
หนุนปิดสวิตซ์สว.เลือกนายกฯ
ส่วนการยกเลิกอำนาจของสมาชิกวุฒิสภาในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า หากย้อนกลับไปตอนนั้นมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพื่อให้ได้รัฐบาลที่ขับเคลื่อนประเทศ แต่ ณ วันนี้ ทำให้รู้ว่า สว. ก็ไม่สามารถคัดกรองเลือกรัฐบาลที่ดีได้ หากถามอีกครั้ง การยกเลิกอำนาจ สว. ก็เป็นอีกทางออกที่ควรทำ และขึ้นอยู่กับประชาชน ว่าอยากให้ ส.ว. มีอำนาจโหวตหรือไม่
กลุ่ม60สว.อิสระนัดประชุมล่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวกลุ่ม ส.ว.อิสระ60คน ที่นัดประชุมหารือแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อถึงเวลานัด15.00น.ปรากฎว่ามีสว.ในกลุ่มเพียง 2 คนเท่านั้น ที่มายังห้องประชุมคือนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม กับ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส่วน สว.คนอื่นๆไม่ได้มาประชุม ขณะเดียวกันปรากฏว่า มี ส.ว.ประมาณ 30 คน ได้ขอถอนตัวออกจากกลุ่มไลน์ จนเหลือสมาชิกในกลุ่มเพียง 30 กว่าคนเท่านั้นในที่สุดการนัดประชุมดังกล่าว จึงต้องยกเลิกไปก่อน
จ่อหารือภายใน/รับสว.เห็นต่าง
นายดิเรกฤทธิ์ เผยถึงสาเหตุการยกเลิกประชุมว่า เนื่องจาก ส.ว.หลายคนในกลุ่ม รู้สึกตกใจที่เห็นสื่อมวลชนมาจำนวนมากจึงไม่กล้ามาประชุม จากนี้อาจต้องใช้วิธีการหารือกันภายใน หรือ หารือผ่านกลุ่มไลน์แทนหลายคนไม่กล้าที่จะเปิดเผยชื่อตัวเอง เจตนาตั้งกลุ่ม 60 ส.ว.อิสระต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารภายในกลุ่ม ไม่ได้หมายความว่าทั้งกลุ่ม จะคิดแบบเดียวกันทั้งหมด ยอมรับว่าเสียงของ ส.ว.ยังมีความเห็นต่าง เราไม่ใช่องค์กรที่ถูกจัดตั้ง ทุกคนมีวุฒิภาวะ กลุ่มของเรามีความเป็นอิสระ ใครจะเข้า หรือ ออกจากกลุ่มก็ได้
กิตติศักดิ์ปัดวงแตกกลัวเปิดหน้า
ด้าน นายกิตติศักดิ์ บอกว่าไม่อยากเรียกว่าการประชุมนัดนี้วงแตก แต่ส.ว.หลายคน ไม่ถนัดออกสื่อ กลัวเจ็บตัว ถ้ามีการเปิดเผยตัวออกไป ยังตอบไม่ได้ว่าจะนัดประชุมอีกครั้งเมื่อใด หรือ กลุ่มจะล่มสลาย คงต้องหารือภายในอีกครั้งหนึ่งว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
‘ก้าวไกล’ยื่น99สส.ปิดสวิตซ์สว.
บ่ายวันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรังพ รรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ร่วมนำรายชื่อ สส.99คน ยื่นต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้สภาผู้แทนราษฎรในฐานะประธานรัฐสภา เสนอญัตติเพื่อขอให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 272 ว่าด้วยการยกเลิกการให้ ส.ว.ร่วมลงมติในที่ประชุมรัฐสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี
โดยนายชวนกล่าวหลังรับร่างฯว่า ตามขั้นตอนจะต้องมีการตรวจสอบองค์ประกอบของญัตติเพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมาย หากไม่มีปัญหาจะสามารถบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภาได้ใน 15วัน ขณะนี้ได้บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้านไปก่อนหน้านี้ จะพิจารณาในวันที่ 23-24 ก.ย.นี้ คิดว่าหากไม่มีปัญหาใดๆจะสามารถพิจารณาได้พร้อมกัน
เผย99สส.13พรรคเข้าชื่อเสนอ
นายพิธากล่าวว่าส.ส.ที่ร่วมลงชื่อมีจำนวน 99 คนมาจาก 13 พรรคการเมืองโดยไม่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐร่วมลงชื่อ แต่มีส.ส.พรรคภูมิใจไทย ร่วมลงชื่อด้วย เชื่อว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะได้รับการพิจารณาในวันที่23-24 ก.ย.นี้ นอกจากนี้ มั่นใจว่าจะไม่มี ส.ว.คนใดขัดขวาง เนื่องจากทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า การแก้ไขมาตรานี้จะเป็นทางออกให้กับประเทศ
ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า หากมีการยกเลิกมาตรา 272 จะทำให้กระบวนการได้มา ซึ่งนายกฯเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแบบเดิม คือ ให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้เสนอชื่อและเลือกนายกฯจากบัญชีรายชื่อผู้เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯของพรรคการเมืองที่เสนอต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง หากสภาผู้แทนฯเลือกไม่ได้ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้สภาเลือกนายกฯคนนอกต่อไป
ยันแก้ม.272สกัดสืบทอดอำนาจ
ขณะที่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มาจากความเห็นพ้องร่วมกัน ที่จะให้มีการแก้ไขในเรื่องการให้ส.ว.เลือกนายกฯเพียงประเด็นเดียว ซึ่งการดำเนินการของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เป็นเอกสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แม้ว่าส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ส่วนใหญ่ได้ร่วมลงชื่อในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลไปก่อนหน้านี้ โดยการแก้ไขมาตรานี้จะเป็นการยกเลิกการสืบทอดอำนาจ
ฝ่ายค้านเคาะเวลาซักฟอก10ชม.
ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา152เพื่อซักถามและเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลว่า เนื้อหาอภิปราย จะเกี่ยวกับภาพรวมการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่ไม่ฟื้นตัว นำไปสู่ผลทางการเมือง ที่มีการเคลื่อนไหวของนักศึกษาและประชาชนซึ่งมีที่มาจากความเสื่อมทางเศรษฐกิจและปัญหาการจ่ายเงินเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19ล่าช้า โดยจะซักถามและเสนอแนะการแก้ปัญหา แม้จะชะลอจัดซื้อเรือดำน้ำ แต่ก็จะสอบถามเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณส่วนอื่นๆที่สิ้นเปลือง ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์รวมถึงการระบาดของโควิด-19รอบ2ว่ายังมีงบประมาณรองรับหรือไม่
กั๊กปัดปลุกม็อบ19กย.บานปลาย
“ผมมั่นใจว่าแม้จะไม่มีการลงมติ แต่บรรยากาศคงไม่ต่างจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งจะสามารถชี้ถูกผิดให้สังคมเห็นได้ การอภิปรายทั่วไปครั้งนี้ ไม่ได้มีจงใจ หรือ มีเจตนาเพื่อให้เป็นประเด็นต่อยอดในการชุมนุมในวันที่ 19กันยายนนี้ แต่อาจเป็นประเด็นในการชุมนุมได้เช่นกัน แต่หากฝ่ายรัฐบาลชี้แจงได้ดีก็มีความเป็นไปได้เช่นกันว่ากลุ่มผู้ชุมนุม อาจลดราวาศอกได้”นายสุทิน ย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี