งานเข้า“สุรพล”ให้เวลากกต.15 วัน ทบทวนคืนตำแหน่งส.ส.เขต 8 เชียงใหม่ เชื่อเมื่อคดีถึงที่สุดจะสามารถทบทวนมติได้ แต่หากไม่ดำเนินการจะแจ้งความดำเนินคดี ขอ7กกต.ชัดเจน ไม่อยากเห็น “เลขา-รองเลขา” ช่วยแก้ต่าง
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัครส.ส.เขต 8 เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และนายปกป้อง กลับวิเศษ ทนายความ ได้เดินทางมาเข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ทบทวนการให้ใบส้มและคืนสิทธิการเป็นส.ส.ให้กับตนเอง หลังจากศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่กกต.ขอให้ศาลพิจารณาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครและให้นายสุรพล ชดใช้ค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่
โดยนายสุรพล กล่าวว่า การที่ศาลมีคำพิพากษาดังกล่าวนั้น แสดงว่าสิ่งที่ กกต. ปฏิบัติกับตนถือว่าขาดความเที่ยงธรรมและยุติธรรม ที่กกต.อ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 225 ว่าการวินิจฉัยของกกต.ถือเป็นที่สุด แต่อย่าลืมว่า ในบทบัญญัติดังกล่าว กำหนดว่าการวินิจฉัยของ กกต. ต้องสุจริตและเที่ยงธรรม คำว่า"สุจริต"ตนเห็นว่ามีความหมายว่ากกต.ต้องมีความรอบคอบในการพิจารณาวินิจฉัยและไม่ทำให้เกิดความเสียหายในการเลือกตั้ง คำว่ายุติธรรม หมายความว่า กกต.จะต้องมีการสืบสวน สอบสวน ตามที่กฎหมายกำหนด แต่สิ่งที่กกต.ทำในคดีนี้ กลับมีการเร่งรีบวินิจฉัยโดยที่สำนวนถูกส่งมาจาก กกต. เชียงใหม่ ถึงสำนักงานกกต.ในเวลา 10.02น.ของวันที่ 23 เม.ย. 2562 กกต.ก็พิจารณาในเวลา 15.00น.ของวันเดียวกัน ทั้งที่ในสำนวนมีหลายเรื่อง จึงจำเป็นต้องมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ขอให้กกต.ทบทวน โดยให้เวลากับกกต. 15 วัน ถ้ายังไม่มีการดำเนินการใดๆ ก็จะให้ทีมทนายพิจารณาในเรื่องการดำเนินการฟ้อง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157
“กกต.อ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 225 ว่าคำวินิจฉัยของกกต.เป็นที่สิ้นสุด คำว่าสิ้นสุดต้องสิ้นสุดด้วยความถูกต้อง แต่นี้ศาลฎีกายกคำร้อง ก็หมายความว่าผมบริสุทธิ์ ซึ่งที่ผ่านมาเท่ากับว่ากกต.ไม่สุจริต และเที่ยงธรรม วินิจฉัยผิดพลาด ดังนั้นใบส้มที่ให้ไว้ ถือว่าเป็นโมฆะ ทั้งกกต.กลาง และกกต.เชียงใหม่ ไม่มีความรอบคอบ พิจารณาด้วยความเร่งรีบ เมื่อผมไม่ผิด กกต.ก็ต้องคืนสิทธิประโยชน์ให้กับผม และคืนความเป็นส.ส.ของผมให้กับพี่น้องเขต8 เชียงใหม่” นายสุรพล กล่าว
ด้านนายปกป้อง กล่าวว่า การที่กกต.อ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 225 ว่าคำวินิจฉัยของ กกต.เป็นที่สุด และคงจะทำอะไรไม่ได้นั้นจริงๆไม่ใช่ เพราะการจะอ้างเช่นนั้นได้ การพิจารณาของกกต.
ต้องเป็นไปตามหลักของกฎหมาย แต่ในกรณีนี้ศาลได้มีคำวินิจฉัยในประเด็นข้อกฎหมาย ว่าการดำเนินการสืบสวน ไต่สวน ก่อนให้ใบส้ม ก็ไม่ได้เป็นไปตามระเบียบ ว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวนของกกต.เอง และกกต.ชุดนี้ก็เก่งมากจะวินิจฉัยใบส้มก็ไม่อ่าน ทั้งที่ตามระเบียบกำหนดว่าก่อนที่จะวินิจฉัยจะต้องมีการศึกษาสำนวน 3-7 วัน แต่กกต.เมื่อได้รับสำนวนในเวลา 10.02 น. วันที่ 23 เม.ย.2562 ก็ประชุมเรื่องนี้ในเวลา 15.00 น. จากรายงานประชุมบ่งชี้ว่ากกต.ไม่อ่านสำนวนเลย แต่เชื่อคำบอกเล่าของกกต. เชียงใหม่ที่ขึ้นเครื่องมาชี้แจง เมื่อพิจารณาเสร็จก็รีบลงมติ ถึงขนาดที่กกต.บางท่านไม่ได้เขียนชื่อของนายสุรพล ลงในใบลงมติด้วยซ้ำ
“ความจริงการที่จะประหารชีวิตนักการเมืองสักคน ก็ควรที่จะอ่านสำนวนสักหน่อยหรือไม่ ระเบียบก็เขียนไว้ชัดว่า ต้องมีการศึกษาสำนวน 3-7 วัน และนี้เป็นการให้ใบส้ม แต่ใช้เวลาในการพิจารณาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทั้งที่เป็นการพิจารณาให้ใบส้มคนแรกของประเทศทำกันอย่างนี้หรือ จากข้อมูลจึงทำให้เรามั่นใจว่า กรณีนี้ไม่เป็นที่สุด เพราะไม่ได้ทำตามที่กฎหมายกำหนด”ทนายความ กล่าว
นอกจากนี้ ตอนที่ยื่นต่อศาลฎีกา กกต. ยังเอาข้อเท็จจริงนอกสำนวน มาเขียนอ้างว่า นายสุบิน ทองก้อนสิงห์ ผู้ใหญ่บ้านให้การว่า หลังพระได้รับซองเงินจากนายสุรพลแล้ว นายสุบิน เขียนชื่อนายสุรพล ลงบนซองเงิน นายสุรพล อยู่ในเหตุการณ์และไม่ได้คัดค้าน แต่ข้อเท็จจริงในการไต่สวนมีเพียงว่า เมื่อพระได้รับซองแล้ว นายสุรพล ก็ได้เดินทางกลับ และไม่มีพยานคนใดเห็นว่านายสุรพล อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งศาลก็รับฟังข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้ จากการที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาเช่นนี้ จึงอยากให้ กกต. ทบทวนเสียก่อน เพราะกกต. ถือเป็นสถาบันหลักของประเทศจึงอยากให้กกต.วางบรรทัดๆชฐานว่า เมื่อวินิจฉัยผิดก็แก้ไขได้ แต่หากเพิกเฉยและยังคงให้เลขาฯหรือรองเลขาฯ ออกมาชี้แจงได้เพียงเท่านี้ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย เพราะเวลานี้นายสุรพล ได้รับการกดดันจากพี่น้องเขต 8 เชียงใหม่ ต้องได้กลับมาเป็นส.ส. อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่า แม้กฎหมายจะไม่ได้เขียนแน่ชัดว่าให้กกต.สามารถทบทวนได้ แต่ส่วนตัวเห็นว่า การกระทำนั้นมันถึงที่สุดและถูกลบล้างไปแล้ว ก็น่าจะยึดกฎหมายพื้นฐานทั่วไป เฉกเช่นเดียวระเบียบทางการปกครองที่หากมีความผิดพลาดก็แก้ไขได้
“เมื่อข้อเท็จจริงใดที่ผิดพลาดก็สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ ด้วยตัวผู้ที่ออกกคำสั่ง โดยหลักพื้นฐาน เราใช้หลักพื้นฐานในกรณีนี้ เหมือนกับที่กกต.อ้างว่าถึงที่สุด เพราะการถึงที่สุดตามความเป็นจริงแล้ว ตามมาตรา 224 คำว่าถึงที่สุดหมายความว่าเป็นที่สุดในกระบวนการตอนนั้น หมายความว่าคุณจะไปขอคุ้มครองชั่วคราว หรือไม่อุทธรณ์คำสั่ง เพื่อให้ตัวเองไปเลือกตั้งทำไม่ได้ เรื่องนี้ถึงแม้ไม่มีกฎหมายเฉพาะ แต่สามารถใช้หลักพื้นฐานได้” ทนายความ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี