"บิ๊กป้อม"มอบ"ผู้ช่วยรมต."ลงพื้นที่เกาะตาครุฑ แก้ปัญหาความเดือดร้อนปชช. พร้อมเร่งขับเคลื่อนนโยบาย9ด้าน
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการแก้ปัญหาความเดือดร้อนและความเป็นธรรมองกระบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม มอบหมายให้ นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองอนุกรรมการแก้ปัญหาของกระบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ เพื่อดูข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนหลายปัญหา ทั้งปัญหาการรุกล้ำพื้นที่อุทยาน ปัญหาผู้ผลัดถิ่น ปัญหาของผู้ไม่มีสัญชาติในพื้นที่ จ.ระนอง เพื่อเร่งรัดติดตามการแก้ไขปัญหาของกระบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมและขับเคลื่อนนโยบาย 9 ด้าน
โดยนายประสาน ได้รับหนังสือจาก นายอรุณ อภิรักษ์วรากร ผู้แทนกลุ่มขบวนประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ P-move เพื่อขอให้ทบทวนวาระการประชุม คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ พร้อมขอคัดค้านการยกเลิกระเบียบโฉนดชุมชน ให้นำข้อเสนอของกลุ่ม P-move ไปประกอบการพิจารณา เพื่อให้แนวทางโฉนดชุมชนไปเป็นแนวทางหนึ่ง เพื่อดำเนินการจัดที่ดินในรูปแบบสิทธิชุมชน แปลงรวม โดยเริ่มที่ 486 คน ที่ยื่นไว้กับสำนักงานโฉนดชุมชนพร้อมกับอนุญาตให้มีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคไปพร่างก่อน
นายประสาน กล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.ระนอง ในวันนี้ ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการแก้ปัญหาของกระบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ได้มอบหมาย ให้ลงพื้นที่ จ.ระนอง โดยเฉพาะเกาะตาครุฑ ที่มีประชาชนถูกดำเนินคดีจากเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนหลายคดี ที่วันนี้มีการพิจารณาคดีของ นายชาโหด ภักดี ราษฎรเกาะตาครุฑ จ.ระนอง ที่ถูกแจ้งความร้องทุกข์ในความผิดยึดถือครอบครองที่ดินรวมถึงการก่อสร้างแผ้วถางในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต จะต้องมีการพิสูจน์สิทธิ์ ที่ได้มีการหารือกับทางศาลร่วมกับอัยการ ซึ่งมีความเห็นตรงกัน ว่าจะใช้หลักวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหาอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องอาศัยหลักรัฐศาสตร์เข้ามา ซึ่งไปเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีนโยบายชัดเจนว่ารัฐบาลชุดนี้ โดยจะไม่ทิ้งใคร ไว้ข้างหลัง จะต้องช่วยแก้ปัญหาของประชาชนที่ยากไร้ ซึ่งปัญหา P-Move นั้น มีมานานกว่า 10 ปี ซึ่งการลงพื้นที่ในวันนี้ถือเป็นการแก้ปัญหาอย่างครบวงจรและต้องแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว
"วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ได้เจอกับศาลจังหวัดระนอง และอัยการ ที่พร้อมจะช่วยเหลือประชาชนในปัญหาดังกล่าว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์ เพราะนายชาโหด ได้อยู่อาศัยบนเกาะตราครุฑมาเป็นเวลานานแล้ว จึงต้องขอความเมตตาจากจากศาล เพื่อขอเวลาประวิงคดีเอาไว้ และรอการพิสูจน์สิทธิ แล้วถึงจะดำเนินการพิจารณาของศาลอีกครั้ง และนอกจากนายชาโหด แล้ว ยังมีชาวบ้านเกาะตราครุฑ ที่ถูกแจ้งความเอาผิดในลักษณะเดียวกันประมาณ 20-30 คดี ซึ่งเป็นปัญหามาอย่างยาวนาน"
ทั้งนี้ ในคดีของนายชาโหด นั้น ยังไม่ยุติ ที่ต้องรอการพิสูจน์ให้ถึงที่สุด โดยในชั้นนี้ศาล มีความเมตตาที่จะเลื่อนพิจารณาคดีไป 8 เดือน เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการ และเมื่อหลังจากหาทางออกทางฎหมายและทางปกครองแล้ว อาจมีการนำเสนอเข้า ครม.เพื่อขอเป็นนโยบายให้ทุกภาคส่วนราชการ ทั้งกรมอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ จังหวัด ตำรวจ และพนักงานอัยการ จะได้รับนโยบายเหมือนกัน ซึ่งการแก้ปัญหาต่อจากนี้เป็นการแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ และจากการรับฟังปัญหาของประชาชน อุทยานกับชาวบ้านจะต้องอยู่ร่วมกันได้ ในแนวทางของรัฐบาล ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ว่าใครมาก่อนมาหลัง แต่จะต้องมีการพิสูจน์สิทธิ์และเมื่อพิสูจน์เสร็จแล้วก็จะเข้าสู่กระบวนการ ยืดหยุ่นประนีประนอมทางการปกครองเพื่อให้ชาวบ้านสามารถอยู่ต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม จากการรับฟังปัญหาของประชาชนบนเกาะตาครุฑนอกจากในเรื่องของสิทธิการทำประโยชน์ที่ยังไม่ชัดเจนรอการพิสูจน์สิทธิ์และระบบสาธารณูปโภค ที่ทราบว่าเด็กได้รับความลำบากเพราะต้องไปเรียนหนังสืออีกเกาะหนึ่งรวมไปถึงระบบน้ำประปาและระบบไฟฟ้าที่ยังไม่เข้าถึงซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรที่จะต้องนำมาช่วยกันพิจารณาที่จะมอบให้เป็นนโยบาย ของทางจังหวัด เพื่อหารือกับส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี