มติฝ่ายค้านไม่แก้ญัตติซักฟอก
ยื่นคำขาดอภิปราย-ลงมติ6วัน
วิปรัฐบาลยันต้องแก้ญัตติซักฟอก ลั่นถ้าไม่แก้จะอภิปรายลำบากแน่ให้ซักฟอก 4 วัน พอแล้ว ประธานสภาฯ“ชวน”ขอให้พรรคฝ่ายค้านทบทวนแก้ถ้อยคำญัตติซักฟอก ขณะ“ฝ่ายค้าน”เรียกถกด่วน มีมติยันไม่แก้ญัตติซักฟอกแม้แต่คำเดียว‘วันนอร์’ยันไม่ผิดรธน./ข้อบังคับการประชุมหรือล่วงละเมิดสถาบัน ยันขอซักฟอก-ลงมติรวม6วัน ขีดเส้น‘ปธ.สภาฯ’บรรจุใน7วัน‘เทพไท’เสนอ‘น้องชาย’ลงชิงเก้าอี้เลือกตั้งซ่อมแทน
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 28 มกราคม ที่รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีเสนอให้มีการแก้ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านว่า วันนี้เวลา 14.00น. นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯคนที่ 2 จะนัดหารือกับผู้นำฝ่ายค้าน วิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาล ที่นำโดยตนและนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯเข้าร่วมประชุมด้วย
วิรัชลั่นไม่แก้ญัตติจะอภิปรายลำบาก
“ผมยืนยันว่าจะเสนอให้มีการแก้ญัตติ ส่วนจะแก้หรือไม่ ก็แล้วแต่ทางผู้ยื่นญัตติจะพิจารณา แต่หากไม่มีการแก้ไขก็จะทำให้การอภิปรายเป็นไปด้วยความยากลำบาก”นายวิรัช ย้ำ
เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่าหากไม่มีการแก้ไขแล้วเมื่อเปิดการอภิปรายฯก็จะมีคนลุกขึ้นประท้วงทันที นายวิรัชกล่าวว่าต้องถามนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และส.ส.อีกหลายคนที่มีความกังวลว่าสมควรหรือไม่ที่จะเขียนญัตติลักษณะนั้น ทั้งที่ข้อบังคับการประชุมและกฎหมายรัฐธรรมนูญระบุว่าการจะกล่าวถึงพระมหากษัตริย์เป็นเรื่องที่ไม่บังควร พรรคร่วมรัฐบาลยืนยันว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ถูกต้องจึงทำการทักท้วง เมื่อไม่ปฏิบัติตาม เราก็ขอให้ทำตามข้อบังคับการประชุม คาดช่วงบ่ายจะได้ผลสรุปที่ชัดเจน
มั่นใจซักฟอก 4วันเพียงพอแล้ว
ประธานวิปรัฐบาลกล่าวถึงกรอบเวลาการอภิปรายจว่าได้หารือเบื้องต้นแล้วคาดว่าใช้เวลา 4วันและคงขอเพิ่มมากว่านี้คงไม่ได้ คิดว่าน่าจะเพียงพอ พอดีแล้ว เพราะสัดส่วนเวลาของแต่ละที่ได้รับไป หากใช้อย่างเต็มที่ก็มีเวลาเหลือเฟือ แต่ถ้ามีประเด็นว่ามีเอกสารประกอบการอภิปรายก็ควรมีเวลาให้ประธานสภาฯได้ตรวจพิจารณาก่อนว่าเอกสารที่ได้มานั้นถูกต้องหรือไม่และมีการรับรองจากหน่วยงานของรัฐถูกต้องหรือไม่ ถ้าไปยื่นวันอภิปรายก็จะไม่ทราบที่มาที่ไปของเอกสาร จึงขอให้ส่งเอกสารตรวจสอบก่อน
‘ชวน’ขอให้แก้ถ้อยคำญัตติซักฟอก
เวลา15.25น.ที่รัฐสภาได้มีการประชุมร่วมกันระหว่าง นายชวน หลีกภัย ประธานสภา นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภา คนที่ 2 กับวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน ประกอบด้วย นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (ประธานวิปรัฐบาล) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรค พท. และนายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (ประธานวิปฝ่ายค้าน)
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมวิปรัฐบาลไม่ได้พูดขอให้พรรคร่วมฝ่ายค้าน แก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีแต่อย่างใด แต่นายชวนได้พูดขึ้นว่าญัตติดังกล่าว นายศุภชัยได้ตรวจและนำเสนอมายังตนแล้วซึ่งมีบางถ้อยคำที่ฝ่ายค้านน่าจะทบทวน แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นถ้อยคำใดซึ่งทางพรรคฝ่ายค้านได้ขอนำเรื่องดังกล่าว กลับไปหารือกันก่อน ในที่ประชุมจึงยังไม่ได้ข้อยุตติในเรื่องดังกล่าว
‘ฝ่ายค้าน’เรียกประชุมถกด่วน
ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมวิป3ฝ่ายว่า ยอมรับว่าอาจจะมีการปรับถ้อยคำข้อความในญัตติยื่นอภิปรายเล็กน้อย เพื่อให้เกิดความราบรื่นในการประชุม โดยไม่ได้ตัดเรื่องสถาบันออกไปทั้งหมด แต่มีการปรับบางส่วนเท่าที่จำเป็นซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านจะได้เรียกประชุมหารือกันทันทีในเวลา16.00น.ที่ห้องผู้นำฝ่ายค้าน อาคารรัฐสภา
ต่อมา เวลา16.00น.ที่ห้องผู้นำฝ่ายค้าน รัฐสภา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร หารือกับตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 6 พรรค ประกอบด้วย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายพิจารณ์ เชาวพัฒน์วงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย เพื่อหารือถึงการปรับปรุงญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลที่มีปัญหาเนื้อหาโยงไปถึงสถาบัน โดยใช้เวลาหารือกันประมาณ 40 นาที
มติฝ่ายค้านไม่แก้ญัตติซักฟอก
ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายสมพงษ์ ได้แถลงว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านหารือกันแล้ว มีมติว่าญัตติที่เสนอไป ครบถ้วนเรียบร้อย ไม่มีสิ่งใดต้องแก้ไข ทราบว่า หลังจากที่ประชุมวิป 2 ฝ่ายในช่วงบ่าย มีส.ส.บางคนให้ข่าวว่า ตนจะไปทบทวนแก้ไขญัตติดังกล่าว แต่มติของพรรคร่วมฝ่ายค้านคือ ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ยื่นไปเมื่อวันที่ 25ม.ค.ถูกต้องทุกกระบวน ดังนั้นจะไม่มีการแก้ไขแม้แต่คำใดคำหนึ่ง ส่วนเรื่องการอภิปรายนั้น มั่นใจว่า ส.ส.ทุกคน เข้าใจการพูดเกี่ยวกับสถาบัน ทุกคนระวังอยู่แล้ว อีกทั้งประธานที่ประชุมคอยดูแลกำกับอยู่ คิดว่าคงไม่มีปัญหา
‘วันนอร์’อ้างไม่ผิดรธน.-ข้อบังคับ
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า การระบุว่าญัตตินี้จะละเมิดสถาบัน เป็นหน้าที่ของประธานที่ประชุมจะพิจารณา ถ้าพูดผิดข้อบังคับ ประธานก็ให้ผู้อภิปรายถอนคำพูดได้ ฝ่ายค้านคุยกันแล้วยืนยันว่าไม่มีสิ่งใดผิดทั้งกฎหมาย และข้อบังคับการประชุม หรือ ล่วงละเมิดสถาบัน
“เมื่อญัตติไม่ผิดรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ เป็นหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องบรรจุญัตติภายใน 7วัน แล้วแจ้งให้รัฐบาลทราบต่อไป” นายวันมูหะหมัดนอร์ กล่าว
ขณะที่นายประเสริฐ ย้ำว่าส่วนกรอบเวลาการอภิปรายนั้น ฝ่ายค้าน ยังยืนยันว่า ต้องอภิปรายอย่างน้อย 5 วัน บวกวันลงมติอีก 1วัน เป็น 6วัน ขั้นต่ำ การที่ฝ่ายรัฐบาลยืนยันจะให้อภิปรายแค่ 4วันเท่านั้น คงไม่พอ และยังไม่ได้เป็นข้อตกลงกัน
บิ๊กป้อมยันส่งชิงลต.ซ่อมเมืองคอน
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช แทนนายเทพไทย เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราชพรรคประชาธิปัตย์ หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นการเป็น ส.ส.เนื่องจากทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราชจะมีการหลีกทางให้พรรคประชาธิปัตย์ตามมารยาททางการเมืองในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันหรือไม่ว่าตนจะส่ง แต่ต้องดูก่อนว่าคณะกรรมการบริหารพรรคจะประชุมว่าอย่างไร ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องนี้เมื่อไร
เมื่อถามว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ ร้องขอให้ไม่ส่งผู้สมัคร จะดำเนินการตามร้องขอหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าไม่รู้ ขอประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคก่อน เมื่อถามว่าหากส่งผู้สมัครจะเป็นคนเดิมหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธทันว่า“ผมก็ไม่รู้”พร้อมกับย้อนถามผู้สื่อข่าวกลับว่า“ถามอย่างนี้แล้วจะให้ตอบอย่างไร ให้ตอบว่าไม่รู้หรือ ก็ผมยังไม่รู้จริงๆ และไม่มีคนในใจที่จะส่ง”
นิพนธ์ย้ำรัฐบาลต้องให้เกียรติกัน
นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ ประกาศส่งผู้สมัครลงชิง ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราชว่าตามหลักการและข้อตกลงร่วมกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล หากพื้นที่ไหน เป็นพื้นที่เดิมของพรรคนั้น อีกพรรคก็จะไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งแข่ง เพราะถือเป็นมารยาททางการเมืองที่ทำกันมาตลอด ยกตัวอย่าง เช่น การเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง ส.ส.กำแพงเพชร และ ส.ส.ขอนแก่นซึ่งเป็นพื้นที่ของพรรคพลังประชารัฐ โดยพรรคประชาธิปัตย์เอง ก็ไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในเขตนั้นเช่นกัน เพราะถือเป็นการให้เกียรติกัน ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ที่พรรคประชาธิปัตย์ ถือธรรมเนียมอย่างนี้มาโดยตลอด สิ่งใดที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งก็ควรพยายามจะหลีกเลี่ยง พรรคประชาธิปัตย์ถือเรื่องนี้มาตลอด
จ่อถกพปชร.เลือกซ่อมเมืองคอน
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรียังยืนยันพิจารณาส่งคนลง จะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า เป็นดุพินิจ ก็คงต้องค่อยๆ คุยกันว่า หลักการนี้ ยังถือปฎิบัติหรือไม่ ดังนั้น ก็ต้องรอฟังว่า ทุกพรรคจะว่ากันอย่างไร รวมถึง เป็นหน้าที่ของผู้บริหารพรรคที่จะมอบหมายบุคคลไปทำการเจรจาพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ การประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ในวันนี้ (28 ม.ค.) จะหารือถึงการส่งบุคคลไปพูดคุยกับพรรคพลังประชารัฐ
เมื่อถามว่าหากปัญหาดังกล่าว เกิดรอยร้าว ส่วนตัวกังวลหรือไม่ ขณะนี้มีชื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย นายนิพนธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าพรรคร่วมรัฐบาล ไม่เอาเรื่องเล็กไปเป็นเรื่องใหญ่ ควรจะคุยกันว่าเรื่องไหนที่ควรจะหลีกเลี่ยงที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งในระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลควรจะหลีกเลี่ยงเพราะในอดีตเคยเห็นบทเรียนมาแล้ว เมื่อมีปัญหากระทบกระทั่งกันในพื้นที่นำไปสู่ปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งคิดว่าไม่พึ่งประสงค์อย่างนั้น
เทพไทเสนอน้องชายชิงเก้าอี้แทน
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการคัดตัวผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ลงเลือกตั้งซ่อม เขต3 จังหวัดนครศรีธรรมราช แทนว่า พรรคประชาธิปัตย์มีกระบวนการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคที่ชัดเจน ในฐานะเจ้าของพื้นที่จะขอใช้สิทธิ์เสนอผู้เหมาะสมลงสมัครรับเลือกตั้งแทน ซึ่งได้ปรึกษาหารือกับทีมงานและกลุ่มผู้สนับสนุนแล้วว่าเห็นควรเสนอชื่อนายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เพราะเป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม ทั้งความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ คลุกคลีกับการเมืองในระดับท้องถิ่น ระดับชาติมานาน เคยเป็นรองนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช เคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา นักวิชาการ เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรหลายคณะ ล่าสุด เป็นผู้ชำนาญการของ ส.ส.ได้ทำงานการเมืองในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชกับตนมา20 ปี เป็นที่รู้จักคุ้นเคยประชาชนเป็นอย่างดี มีความรู้ระดับปริญญาโท น่าเป็น ส.ส.คนใหม่ ที่เข้ามาสานต่องานจากตนได้เป็นอย่างดี แอสรุปทั้งหมดต้องอยู่ที่มติของคณะกรรมการบริหารพรรค จะคัดเลือกใครลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมในนามพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้
เคาะส.ส.ร.200คนเลือกโดยตรง
ที่รัฐสภา นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่…) พ.ศ. …กล่าวถึงความคืบหน้าการทำงานของคณะกมธ.ว่า ที่ประชุมได้ลงมติร่างมาตรา 256ในประเด็นสำคัญคือการได้มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) กมธ.ได้ลงมติเห็นควรให้มี ส.ส.ร.จำนวน200 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทั่วประเทศและให้ใช้เขตจังหวัด เป็นเขตเลือกตั้งดังนั้นแต่ละจังหวัดจะมีสัดส่วน ส.ส.ร.ที่แตกต่างกันตามจำนวนประชากรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง มติดังกล่าว ยังไม่ใช่ข้อยุติ ซึ่งกมธ.ชุดนี้ ทำหน้าที่พิจารณารายละเอียดซึ่งเป็นการแสดงความเห็นและกำหนดปฏิทินไว้เท่านั้น โดย กมธ.จะอภิปรายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 4 ก.พ.นี้จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการแปรญัตติ ที่ประชุมมีมติให้เชิญ ผู้แปรญัตติทั้ง109 คน มาชี้แจงประกอบคำแปรญัตติในวันศุกร์ที่5 ก.พ.นี้เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะกมธ. และท้ายที่สุดการแก้ไขจะเป็นอย่างไรต้องรอ ที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 24–25 ก.พ.นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี