เปิดพฤติการณ์-เส้นทาง‘แอมมี่’ หนีคดีเผาหน้าคุก ก่อนโดนรวบ
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 มีนาคม 2564 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ยื่นคำร้องฝากขังนายไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์ อายุ 33 ปี หรือแอมมี่ เดอะ บอททอมบลูส์ แนวร่วมกลุ่มราษฎร พักอยู่ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน เป็นครั้งแรก (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ด่วน! ศาลอาญาไม่ให้'แอมมี่'ประกันตัว หวั่นหลบหนี 'คอตกเข้าคุก')
พนักงานสอบสวน ระบุ พฤติการณ์สรุปว่าสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 เวลาประมาณ 03.20 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ที่บริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ถ.งามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยพบเป็นเหตุเพลิงไหม้บริเวณพระบรมฉายาลักษณ์ เมื่อตรวจสอบบริเวณดังกล่าวพบมีแกลลอนโลหะ ภายในมีของเหลวคล้ายน้ำมันบรรจุอยู่ และพบไฟแช็คตกอยู่ในที่เกิดเหตุ อีกทั้งยังมีกลิ่นน้ำมันอยู่ที่บริเวณที่เกิดเหตุ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ในบริเวณดังกล่าว พบว่า คนร้ายได้ใช้รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว หมายเลขทะเบียน ฎจ 1852 กรุงเทพมหานคร ขับมาจอดบริเวณริมถนนหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ถ.งามวงศ์วาน แขวงลาดยาว
ต่อมามีคนร้ายเป็นชาย จำนวน 2 คน และหญิง จำนวน 1 คน ลงมาจากรถยนต์คันดังกล่าว โดยชายทั้ง 2 คนได้ปีนขึ้นไปหลังพระบรมฉายาลักษณ์ และได้ใช้ของเหลวลักษณะคล้ายน้ำมันราดลงไปที่บริเวณดังกล่าว หลังจากนั้นได้จุดไฟที่บริเวณพระบรมฉายาลักษณ์ จนเกิดเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้น หลังจากนั้นชายคนร้ายทั้ง 2 คน ได้ลงมายืนทำท่าในลักษณะเหมือนชู 3 นิ้ว
หนึ่งในคนร้ายซึ่งเป็นชายนั้นมีลักษณะการแต่งกายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นแล้วทราบว่า คือ นายไชยอมร หรือแอมมี่ แก้ววิบูลย์พันธุ์ ผู้ต้องหาในคดีนี้ ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยมีการถ่ายรูปบริเวณหน้าป้ายเรือนจำกลางคลองเปรมที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ ถูกเพลิงลุกไหม้อยู่ ส่วนคนร้ายซึ่งเป็นหญิงได้ยืนถ่ายรูปอยู่ที่บริเวณดังกล่าว จากนั้นคนร้ายทั้ง 3 คน ได้กลับมาขึ้นรถยนต์คันดังกล่าวขับขี่หลบหนีไปด้วยกัน
ต่อมาได้มีการแชร์รูปภาพที่เกิดเพลิงไหม้พระบรมฉายาลักษณ์ดังกล่าวในเฟซบุ๊คของนายไชยอมร ผู้ต้องหาซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถเห็นได้เป็นสาธารณะ ประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายในวันเกิดเหตุแล้ว พบว่า รถที่ใช้ในการก่อเหตุของคนร้ายได้ขับออกมาจากบ้านพักของนายไชยอมร ซึ่งมีบ้านพักอยู่ที่หมู่ 4 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ดจ.นนทบุรี ซึ่งตรงกับที่อยู่ตามภูมิลำเนาที่ปรากฏตามบัตรประชาชนของนายไชยอมร และจากการตรวจสอบเส้นทางที่รถยนต์คันดังกล่าวใช้เดินทางกลับภายหลังจากที่ก่อเหตุแล้ว พบว่า ได้ขับรถกลับไปที่บ้านพักของผู้ต้องหาเอง
พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญา อนุมัติหมายจับนายไชยอมร ตามหมายจับศาลอาญาที่ 429/2564 ลงวันที่ 2 มีนาคม 2564 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ , ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่นนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา”
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปตามเส้นทาง ถ.รังสิต-นครนายก จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2564 เวลาประมาณ 00.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอยู่ที่บริเวณห้องเช่าไม่ทราบเลขที่ (ห้องเช่า A2) หมู่ 3 ต. คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบและพบนายไชยอมร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาดังกล่าว ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน“ ร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ , ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา” อยู่ที่บริเวณดังกล่าวจริง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมโดยแสดงหมายจับและผู้ต้องหารับว่า เป็นบุคคลตามหมายจับจริงและยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน พร้อมทั้งแจ้งสิทธิ์ตามกฎหมาย ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2564 เวลาประมาณ 04.20 น.ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหายังอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่บริเวณหัวไหล่ซ้าย และซี่โครงด้านซ้าย จึงไม่สามารถพาตัวผู้ต้องหามาที่ศาลในวันนี้ได้
พนักงานสอบสวนจึงได้ยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหานี้ไว้ในระหว่างการสอบสวนโดยขอรับตัวผู้ต้องหาไว้ในความควบคุมของพนักงานสอบสวนในระหว่างที่รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ โดยหากผู้ต้องหามีอาการดีขึ้นแล้วพนักงานสอบสวนจะนำตัวผู้ต้องหามาส่งคืนต่อศาลโดยทันที
เหตุเกิดที่บริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 112, 217 , พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 (3)
พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนและควบคุมตัวผู้ต้องหามาโดยตลอดแต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นเนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีก 10 ปาก, รอผลการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร, รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลางในคดีและรอผลการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายของผู้ต้องหาด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าวข้างต้นจึงขออนุญาตศาลฝากขังผู้ต้องหานี้ไว้ระหว่างสอบสวนมีกำหนด 12 วันนับ แต่วันที่ 3-14 มีนาคม นี้
ท้ายคำร้อง ระบุด้วยว่า หากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษสูงหากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราวเกรงว่าจะหลบหนี และยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง ประกอบกับผู้ต้องหามีพฤติการณ์ในการเข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองซึ่งอาจจะนำไปสู่ความวุ่นวายในบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการฝากขังนายไชยอมรครั้งนี้ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเร้นซ์จากศาลอาญาไปยัง สน.ประชาชื่น โดยวันนี้มารดาของนายไชยอมร ได้เดินทางมาที่ศาลอาญา เพื่อยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวบุตรชายด้วย
ต่อมาศาล พิจารณาคำร้องฝากขังแล้วอนุญาตให้ฝากขังนายไชยอมร ผู้ต้องหาได้
ขณะเดียวกันเมื่อเวลา 17.00 น. ศาลอาญาได้มีคำสั่งเรื่องขอปล่อยชั่วคราวของนายไชยอมร ภายหลังจากที่มารดาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 90,000 บาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฝากขัง
อย่างไรก็ตามศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พนักงานสอบสวน ยืนยันว่า ผู้ต้องหาหลบหนีจนถูกเจ้าพนักงานติดตามไปจับกุมได้ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกัน หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่า ผู้ต้องหาจะหลบหนีในชั้นนี้ จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี