คนไทยสุดทนตั้งโต๊ะล่าล้านชื่อ
ไล่‘แอมเนสตี้’
ทำตัวเหนือก.ม.-อุ้มคนผิดม.112
กลุ่มปกป้องสถาบันฯตะเพิดซ้ำ
จี้สอบพฤติกรรม-เส้นทางเงิน
‘แรมโบ้’เดิมพันเก้าอี้ไล่ให้ได้
บิ๊กตู่ขออย่าขยายความขัดแย้ง
ประชาชนคนไทยสุดทน ตั้งโต๊ะล่าล้านชื่อ20 จว.อีสานขับไล่ “แอมเนสตี้”พ้นไทย หลังจุ้นทำตัวเหนือกฎหมาย-อุ้มคนทำผิด ม.112 ลั่นขอถวายชีวิตปกป้องสถาบัน ส่วนกลุ่มปกป้องสถาบันฯยื่นขอให้รัฐบาลไล่ “แอมเนสตี้” พ้นไทย จี้ให้ตรวจสอบ พฤติกรรม-เส้นทางการเงิน ขณะที่ “บิ๊กตู่’ เบรคขออย่าขยายความขัดแย้ง ปมปลุกไล่แอมเนสตี้ ‘บิ๊กป้อม’เตรียมเปิดตัว11ผู้สมัครส.ส.กทม.พปชร.ฝั่งธน27พ.ย.นี้ ด้าน นายกฯชี้ไทยมีศักยภาพ แต่ต้องสร้างความสงบเรียบร้อย มีเสถียรภาพ ทำให้ปชช.รักใคร่ สามัคคีกัน ไม่แบ่งแยก เพื่อให้รบ.ทำงานอย่างอื่นได้อย่างเต็มที่ ย้ำเร่งแก้ภาคเกษตร ขอทุกคนร่วมมือช่วยพลิกโฉมประเทศ
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 ที่ศูนย์เรียนรู้กลุ่มวิสาหกิจชุมชน บ้านอ่างหิน ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา นางนิตยา นาโล หรือ“นักสู้ปอสี่”อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน เชิญตัวแทนอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง 20 จังหวัดภาคอีสาน เพื่อมารับทราบการ จะนำรายชื่อประชาชนจำนวน1ล้านชื่อ ขับไล่กลุ่ม“แอมเนสตี้ อินเตอร์ เนชั่นแนล ประเทศไทย”ออกจากประเทศไทย โดยกลุ่มนี้มักชอบอ้างตัวเองว่าเป็น“กลุ่ม NGO”ระหว่างประเทศ ออกช่วยเหลือปกป้องสิทธิมนุษยชนทั่วโลก จึงได้ตั้งโต๊ะให้ประชาชนได้มาลงชื่อตามแคมเปญของ นายเสกสกล อัตถาวงศ์หรือ“แรมโบ้”ได้ประกาศเอาไว้
อดีตเสื้อแดงล่าล้านชื่อไล่’เอมเนสตี้’
โดยนางนิตยากล่าวว่าการตั้งโต๊ะให้ประชาชนลงชื่อเพื่อขับไล่กลุ่มแอมเนสตี้ฯครั้งนี้เพราะต้องการออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ พวกเรามีหัวใจรักในพระเจ้าแผ่นดิน ที่แต่วันนี้กลุ่มเอมเนสตี้ฯคอยสนับสนุนยุยงส่งเสริมกลุ่มนักเรียน นักศึกษาหรือม็อบต่างๆที่จะล้มล้างสถาบันและยกเลิกม.112 พวกเรายอมไม่ได้ จึงออกมาตั้งโต๊ะให้ประชาชนมาลงรายชื่อกัน ประชาชนชาวรากหญ้า อาจจะไม่เก่งเรื่องอินเตอร์เน็ต ไม่เข้าใจลงชื่อผ่านแอพฯแต่พวกเรามีความจงรักภักดีต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ขอลงชื่อในกระดาษแล้วจะนำรายชื่อดังกล่าวไป มอบให้นายเสกสกล ที่กรุงเทพฯ
แฉถูกพวกล้มเจ้าหลอกให้ล่ารายชื่อ
นางนิตยากล่าวว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มแอมเนสตี้ได้ร่วมกับทางอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ออกไปล่ารายชื่อ1แสนคนซึ่งไปพบพวกเราด้วยเพื่อจะขอยกเลิก ม.112ตั้งแต่ปีพ.ศ.2553-2554 ตอนที่ไปหาพวกเรา ก็จะโกหกบอกว่า จะเอารายชื่อไปสนับสนุนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้พวกเราหลงเชื่อและถูกประชาชนชาวไทยหลายคน ประณามเข้าใจผิดว่าพวกเราคือ“หมู่บ้านเสื้อแดงล้มเจ้าล้มพระเจ้าแผ่นดิน”หลังจากได้มาพูดคุยกับนายเสกสกล อัตถาวงศ์ก็ได้รับทราบข้อเท็จจริง
ตาสว่างขอถวายชีวิตปกป้องสถาบัน
“พวกเราชาวอีสานทั้ง 20จังหวัดจะไม่ยอมให้พวกNGOมาหลอกลวงพวกเราและประชาชน อีกต่อไปพวกเราจะขอต่อสู้ถวายชีวิตเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์และครั้งต่อไปจะไปตั้งโต๊ะลงชื่อตามอำเภอและจังหวัดต่างๆทั่วทั้งภาคอีสานเพื่อให้ได้รายชื่อครบ 1 ล้านชื่ออย่างรวดเร็ว เพราะต้องการจะเห็นเอมเนสตี้ฯออกจากประเทศไทยไปโดยเร็วที่สุด”อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน ย้ำ
ด้านนายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย กล่าวว่าที่เอมเนสตี้”ออกแถลงการณ์ว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแต่อย่างใดนั้น ขอบอกว่าอย่าตอแหล เลยเพราะการกระทำที่พวกคุณทำ ยุยงส่งเสริมฝ่ายที่ไม่เห็นดีกับรัฐบาลที่คอยปกป้องสถาบันฯจะให้การสนับสนุนทั้งทุนทรัพย์ และบุคลากรทางปรัชญา วันนี้พวกเราอดีตหมู่บ้านเสื้อแดงทั่วประเทศจะถอดหน้ากากชาวต่างชาติ ที่อยู่เบื้องหลัง คอยฝังตัวเองอยู่ตามชนบท โดยเฉพาะภาคอีสานที่ปลุกปั่นให้เกลียดชังเจ้าหรือล้มล้างสถาบันฯโดยแฝงตัวเป็นอาจารย์สอนพิเศษตามมหาวิทยาลัยดังๆบางคนชักจูงนักเรียน และ นักศึกษา ออกไปรณรงค์ให้ประชาชนชาวรากหญ้าเกลียดชังสถาบันฯ พวกคุณหลอกอาจารย์มหาลัย หลอกนักเรียน นักศึกษาบางคนได้ แต่หลอกพวกเราประชาชนที่เป็นนักสู้เรียกร้องเพื่อปากท้องของประชาชนอย่างแท้จริง อย่าให้พวกเราที่ออกมาพูดไปมากกว่านี้เลย
กลุ่มปกป้องสถาบันฯจี้รบ.ไล่ไป
เวลา10.00น.ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล นายนพดล พรหมภาสิต ตัวแทนกลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันและนายอานนท์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) พร้อมผู้ชุมนุมประมาณ 50 คน เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อขอให้รัฐบาลตรวจสอบและจัดการตามกฎหมายกับองค์กร แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่พร้อมให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินรวมทั้งให้ขับองค์กรดังกล่าวออกนอกประเทศโดยยื่นผ่านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี
ทำตัวจุ้นปลุกอุ้มม็อบทำผิดม.112
นายนพดล กล่าวว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเมื่อวันที่10พฤศจิกายน ว่า การกระทำของ นายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา49วรรคหนึ่งแต่แอมเนสตี้ฯได้ออกมาประกาศแคมเปญเขียนจดหมายล้านฉบับถึงทั่วโลกจี้ทางการไทยให้หยุดดำเนินคดีกับ น.ส.ปนัสยา ถือว่าองค์กรนี้เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศ และ จงใจที่จะไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทย ซึ่งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญนั้นผูกพันทุกองค์กร อีกทั้งการกระทำของแอมเนสตี้ฯยังอาจถือได้ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและให้การสนับสนุนต่อคนหรือกลุ่มบุคคลให้กระทำการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากเหตุผลข้างต้น น่าจะเพียงพอที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้โดยเร่งด่วน ด้วยการให้องค์กรนี้พ้นออกไปจากประเทศไทย หากมีข้อมูลและหลักฐานที่เชื่อได้ว่าองค์กรนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะแทรกแซงกิจการภายในของไทยและก่อนที่สถาบันพระมหากษัตริย์ จะถูกล่วงละเมิดไปมากกว่านี้
‘แรมโบ้’ประกาศเดิมพันตำแหน่ง
ด้านนายเสกสกล ได้ปราศรัยด้วยท่าทีดุดันว่าตนมี2แนวทางคือ1.เราจะกดดันด้วนกฎหมาย เพื่อจัดการกับ แอมเนสตี้ฯที่ไม่รักษากฎหมายของไทย จึงต้องเอาเข้าคุก หรือ เอาออกนอกประเทศหรือไม่ก็ยุบองค์กรดังกล่าวให้ได้ 2.กดดันด้วยพลังพี่น้องประชาชนที่จงรักภักดีกับสถาบันให้หยุดการกระทำ
“ผมขอสัญญากับมวลชนว่าผมไม่ยึดติดตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีคนอย่าง แรมโบ้ อีสานมีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ใครที่คิดมาทำลายแผ่นดิน ชาติ ศาสนา คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมพร้อมพลีชีพกับพี่น้องประชาชน ถ้าผม ไล่แอมเนสตี้ฯออกนอกประเทศไม่ได้ จะลาออกจากตำแหน่ง แต่ไม่ออกจากประเทศเพื่อมาขับเคลื่อนร่วมกับประชาชนและไล่แอมเนสตี้ออกไป” นายเสกสกล ให้คำมั่นและว่าจะสู้ร่วมกับประชาชนที่ปกป้องสถาบันจนกว่าพวกมันจะพ้นจากประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานระหว่างการยื่นหนังสือผู้ชุมนุมได้แสดงพลังพร้อมใจกันตะโกนขับไล่แอมเนสตี้ออกจากประเทศไทยและยังปราศรัยโจมตีการเคลื่อนไหวของแอมเนสตี้และมวลชนกลุ่มราษฎรที่ออกมาเคลื่อนไหวให้ปฏิรูปสถาบันในสถานที่ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตว่า การชุมนุมกลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุมเข้ามาทำกิจกรรมดังกล่าวในบริเวณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบ ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล
‘บิ๊กตู่’เบรคอย่าขยายความขัดแย้ง
ที่ทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ถึงกรณีกลุ่มปกป้องสถาบันฯออกมาเคลื่อนไหวล่ารายชื่อและกดดันขับไล่“แอมเนสตี้ อินเตอร์ เนชั่นแนล ประเทศไทย” ออกจากประเทศไทย เป็นห่วงเรื่องดังกล่าวจะลุกลามให้ความขัดแย้งบานปลายหรือไม่ โดยนายกฯกล่าวว่า “ใครขัดแย้ง ถ้าขัดแย้ง ก็อย่าเสนอให้ขัดแย้งสิ ความคิดของคน”
ยันบิ๊กตู่ยังฟิตแข็งแรงมั่นใจอยู่ยาว
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีมีสื่อโซเซียลนำภาพนายกฯเดินสะดุดระหว่างการทำงานหลายครั้งโดยยืนยันว่า นายกฯยังมีสุขภาพร่างกายยังฟิตแข็งแรงสมบูรณ์ดีอยู่ ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร สามารถเป็นนายกรัฐมนตรี อยู่แก้ไขปัญหาให้กับประเทศประชาชนได้อีกหลายปีสบายๆช่วงนี้ต้องเดินสะดุดบ้าง ก็เพราะทำงานเยอะ สมองคิดแต่เรื่องการทำงาน บางครั้งจึงขาดความระมัดระวังไปบ้าง ไม่อยากให้นำไปเป็นประเด็นอื่น นายกฯยังฝากขอบคุณพี่น้องประชาชนถึงความห่วงใยในครั้งนี้ ด้วยความจริงใจ จากนี้ไปนายกฯจะใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้นและก้าวเดินให้ช้าลงมีความรอบคอบมากขึ้น เพื่อไม่ให้สะดุดอีก และยืนยันว่านายกฯยังทุ่มเทการทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ขอฝ่ายค้าน อย่าห่วง รับรองฝ่ายค้าน คงต้องเป็นฝ่ายค้านอีกนานแสนนาน จนอกแตกตาย หรือ อาจจะต้องกระอักเลือดมีอันเป็นไปก่อน
บิ๊กป้อมปัดตอบบิ๊กตู่สมัครพปชร.
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธตอบคำถามกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุให้มาถาม พล.อ.ประวิตร เอง เรื่องการสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โดยพล.อ.ประวิตร ซึ่งได้เดินออกจากห้องประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงครั้งที่ 28 ที่โรงแรม ดิ แอทธินี ออกไปทันที โดยไม่หันมามองผู้สื่อข่าวที่รอสัมภาษณ์อยู่
พปชร.นัดประชุมภาคกทม.27พ.ย.
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ว่าภายหลังจากรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม มีผลบังคับใช้ในวันที่22พ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้การเลือกตั้งครั้งหน้ามีบัตรเลือกตั้ง 2ใบ โดยมีส.ส.เขต 400คน สส.บัญชีรายชื่อ 100 คนนั้น ล่าสุดในการประชุม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐเมื่อวันที่23พ.ย.จะเริ่มการเปิดตัวพิมพ์เขียวเบื้องต้นที่จะใช้สำหรับเป็นแนวทางและยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง
ทั้งนี้บรรดาแกนนำพรรคโดยคณะกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมกรรสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ได้พิจารณาและคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แล้วซึ่งมีรายงานว่าในวันเสาร์ที่ 27พ.ย.นี้ จะมีสัมมนาสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กทม.ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ เชิงสะพานกรุงธน เขตบางพลัดในเวลา 16.00น.จะมี 12 ส.ส.กทม.เข้าร่วม พร้อมผู้สมัคร ส.ส. ส.ก.เพื่อหารือแนวทางการทำงานภาคกทม.ร่วมกัน และเวลา17.00น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรค พปชร.จะมามอบนโยบายการทำงานของภาค กทม.และผู้เข้าร่วมประชุมพร้อมผู้บริหารพรรค
‘บิ๊กป้อม’เปิดตัว11ผู้สมัครสส.กทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ในส่วน ส.ส.กทม.นั้น พล.อ.ประวิตรจะเป็นผู้ดูแลด้วยตัวเองและมี นายจักรพันธ์ พรนิมิต ส.ส.กทม.หัวหน้าภาคกทม.เป็นผู้ประสานงานดูแล ส.ส.ในภาค กทม.อีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันดังกล่าว พล.อ.ประวิตรจะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตฝั่งธนฯทั้ง11เขตด้วย พร้อมจะมี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ในเขตอื่นๆที่ค่อนข้างชัดเจนมาร่วมงานด้วย
สำหรับส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ปัจจุบันมี12 คนได้แก่ 1.น.ส. กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ 2.น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ 3.นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา 4.น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ 5.น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ 6.นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ 7.นายสิระ เจนจาคะ 8.น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ 9.นายชาญวิทย์ วิภูศิริ 10.นายศิริพงษ์ รัสมี 11.นายประสิทธิ์ มะหะหมัดและ12.นายจักรพันธ์ พรนิมิตร
นายกฯชี้โควิดดีขึ้น-เร่งทำความเข้าใจ
ช่วงเช้า ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ“เที่ยวชุมชน ยลวิถี”โดยนายกฯได้กล่าวว่ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลซึ่งดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการท่องเที่ยวซึ่งรัฐบาลกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ20ปี มุ่งหวังให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนเป็นประเทศพัฒนาแล้วด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีแผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอันเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิดช่วงปี64-65เพื่อกำหนดทิศทางพัฒนาประเทศให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงภายใน3มิติ คือ พร้อมรับ ปรับตัวและการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการขับเคลื่อนประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG วันนี้สถานการณ์โควิดค่อยๆดีขึ้นแต่สิ่งที่ต้องขอความร่วมมือคือเรื่องการฉีดวัคซีนให้ครบ เมื่อเรามีวัคซีนที่เพียงพอแล้ว อย่ารอ อย่าเลือก เพราะวัคซีนผ่านการอนุมัติจากองค์การอนามัยโลก(WHO)และองค์การอาหารและยา(อย.)ของไทยแล้ว แต่มีบางคนที่ไม่ยอมฉีดจึงต้องบอกพวกเราเพราะอย่างน้อยอาการจะไม่รุนแรงและไม่เสียชีวิต สิ่งสำคัญจะเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาไม่ได้เลย ถ้าโควิดระบาดขึ้นมาใหม่ นี่คือประเด็นสำคัญจึงต้องระวังอย่างที่สุดในการสร้างความเข้าใจต่อประชาชนโดยรวม
เร่งแก้ภาคเกษตร-ทุ่มประกันราคาข้าว
นายกฯกล่าวว่าเราจำเป็นต้องมีรายได้เพิ่มเติม นอกเหนือจากการท่องเที่ยวที่สูงถึง40%ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ต้องเพิ่มอย่างอื่นเข้ามาด้วย ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อหยิบจับสิ่งที่เรามีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะเราเป็นประเทศเกษตรกรรม ซึ่งราคาสินค้าเกษตรผันผวนทำให้เกิดปัญหาเกิดผลกระทบโดยรวมอีกทั้งต้นทุนการผลิตสูงส่วนต่างกำไรน้อย รัฐบาลก็ประกันราคาข้าวซึ่งใช้เงินมหาศาลดูสิจะทำอย่างไรรัฐบาลพยายามแก้ตรงนี้อยู่ ตนสั่งการให้แก้ปัญหาเรื่องงบประมาณที่มีไม่เพียงพอไปแล้วเราคงต้องระวังที่สุด แล้วต่อไปจะทำอย่างไรถ้ามันใช้มากขึ้นเรื่อยๆจะทำอย่างไรต้องแก้ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทางอย่างไรดีกว่าไปแก้ที่ปลายทางอย่างเดียวใช้เงินเยอะเกินไปจนทำอย่างอื่นไม่ได้ ที่สำคัญเราต้องดูแลให้เข้มแข็งด้วยตัวเองให้ได้มากที่สุดเพื่อช่วยรัฐบาลในการเดินหน้าประเทศ
ปลุกไทยมีศักยภาพ ต้องสงบ สามัคคี
“ประเทศไทยดีกว่าหลายประเทศแต่ยังดีไม่เพียงพอ ต้องดีมากกว่านี้ ทุกคนต้องมีรอยยิ้มกว้างยิ้มมีความสุข รัฐบาลมีความห่วงใยทุกคนทุกอาชีพ เรามีอัตลักษณ์ความหลากหลายเป็นเสน่ห์ของประเทศไทย เป็นศักยภาพที่เรามีอยู่แล้วเราต้องสร้างความสงบเรียบร้อย ความมีเสถียรภาพ ทำให้ประชาชนมีความรักใคร่สามัคคีกันไม่แบ่งแยกซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องการจะได้ทำงานอย่างอื่นได้อย่างเต็มที่”นายกฯย้ำ
ชมท่องเที่ยวชุมชน-รักเมืองไทยยิ่งขึ้น
นายกฯกล่าวว่า การท่องเที่ยวชุมชน ขอยกตัวอย่างให้ลองเปิดยูทูปแล้วค้นหาคำว่า chillpainai ชิลไปไหน ที่มีการนำเสนอมุ่งมองความสวยงามของจังหวัดต่างๆ ตนดูแล้ว รักเมืองไทยขึ้นจมเลย เดิมรักอยู่แล้ว พอเห็นความสวยงาม ความพร้อมเพรียง สถานที่ท่องเที่ยว เดี๋ยวจะเปิดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพราะไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวไหนมากนักส่วนใหญ่เป็นการเดินทางไปทำงาน ไม่มีโอกาสไปเที่ยวเป็น10ปีแล้ว ทั้งนี้ ตนตื้นตันการนำเสนอของเขาซึ่งเป็นช่องทางเว็ปไซด์ที่ภาคเอกชนทำ ขอให้ลองเปิดดูจะได้ไปเชื่อมต่อเข้ากันได้ ตนคิดว่าการท่องเที่ยวจะมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ถ้าเราร่วมกันได้ ถ้าเราทำแบบนี้ได้ประเทศไทยจะมีคนมาเที่ยวอีกเยอะ ก่อนหน้านี้เราเคยมีคนมาท่องเที่ยวปีละ40ล้านคน มีรายได้เข้ามาพอสมควร แต่เราก็ยังคงต้องพัฒนาด้านอื่นอีกด้วย ทั้งการลงทุน อุตสาหกรรม ธุรกิจใหม่ ฝากทุกคนเข้าใจว่ารัฐบาลมุ่งเน้นการลงทุนที่รักษาสิ่งแวดล้อม
ต้องการคนไทยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่าต้องการให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมีสุขภาพที่ดีขึ้น พึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืนซึ่งต้องรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ กองทุนหมู่บ้าน ใช้ประโยชน์ให้ถูกต้อง ถ้าใช้ผิด ทำอะไรไม่ได้ จะหายไปหมด เรามารวมกันได้ไหมและมาทำตรงนี้เพื่อให้เกิดวิสาหกิจชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ ผ้าไหมที่มีอยู่แล้ว อยากให้คิดกัน รัฐบาลต้องการแนวร่วมระหว่างรัฐบาลและประชาชนทำอย่างไรเศรษฐกิจฐานราก วิสาหกิจชุมชนจะดีขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด
ขอทุกคนร่วมมือช่วยพลิกโฉมปท.
“ปัญหาสำคัญคือหนี้ต้องแก้กัน เราไม่สามารถปลดหนี้ให้ทุกคนทั้งประเทศไทย ทำอย่างไรให้ลดลงแล้ว ไม่สร้างหนี้ใหม่ซึ่งยาก ไม่มีใครอยากทำแต่อยากทำให้สำเร็จ ขอให้ร่วมมือกับนายกฯ ร่วมมือกับรัฐบาลในการพลิกโฉมประเทศไทยสู่สังคมก้าวหน้า เศรษฐกิจสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน ที่พูดมาทั้งหมดเพื่อต้องการให้ทุกคนร่วมมือกันเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงของชุมชนของเรา ประเทศของเรา เพื่อพลิกโฉมประเทศไทย ให้พลิก ไม่ได้พลิกจนคว่ำหงายไม่ใช่ คือพลิกกลับมา เดิมใช้ว่าพลิกฟื้น พอพลิกฟื้นเสร็จก็ต้องพลิกโฉมคือเปลี่ยนหน้าใหม่ รูปใหม่ของเรา จากของเดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้น”นายกฯย้ำทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี