‘วัฒนา เมืองสุข’นอนคุก
ปิดฉากคดีโกง‘บ้านเอื้ออาทร’
ศาลฎีกายืนคุก99ปี/ชดใช้89ล.
จำเลยอีก13คนรับโทษลดหลั่น
พี่น้อง3ป.โชว์สัมพันธ์แน่นปึ้ก
นัดทานข้าวเที่ยงพูดคุยชื่นมื่น
ปิดฉาก “คดีโกงบ้านเอื้ออาทร” ศาลฎีกาพิพากษายืน จำคุก “วัฒนา เมืองสุข” 99 ปี จำเลยอีก 13 คนรับโทษลดหลั่นลงไป พร้อมให้ชดใช้เงินคืน 89 ล้านบาทส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯรับโทษทันที “เสี่ยไก่” ไม่หนีลั่นพร้อมถวายฎีกา ด้านพี่น้อง “3.ป.” สัมพันธ์แน่นหม่ำข้าวเที่ยงชื่นมื่นที่มูลนิธิป่ารอยต่อ “น้องตู่กอดพี่ป้อม”ตักกุ้งทอดกระเทียมใส่จานนายกฯคาดคุยปรับทัพขุนศึกพปชร.
ด้าน“จุรินทร์” ประชุมใหญ่ตัวแทนพรรคสมุทรสาคร เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.เพชรน้ำดี 4 เม็ด คนรุ่นใหม่ อดีตนักการเมืองท้องถิ่น มีศักยภาพพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง พรรคพท.นัดถก 7 มีนาคม เตรียมซักฟอก รบ.วางคิวลงพื้นที่เยี่ยมชาวบ้าน
เมื่อวันที่ 4มีนาคม2565 นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความของนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า วันที่ 4มีนาคม นายวัฒนา ยืนยันจะไปฟังคำพิพากษาคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรด้วยตัวเอง ในเวลา 13.00น.ซึ่งคดีนี้เราได้อุทธรณ์และต่อสู้ทุกประเด็นว่า ไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง โดยปัจจุบันนายวัฒนา มีสุขภาพแข็งแรง ยังช่วยงาน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย และไม่ได้มีความกังวลใดๆที่มีผลให้ไม่ไปฟังคำพิพากษา หรือมีท่าทีจะหลบหนี
ศาลฎีกานัดพิพากษาคดี’วัฒนา’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์นัดฟังคำพิพากษาอุทธรณ์คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)และพวกรวม 14ราย เป็นจำเลยในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 11
คดีนี้เกิดขึ้นในยุค นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและเริ่มตรวจสอบการกระทำผิดในช่วงของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ก่อนเปลี่ยนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ดำเนินการสอบสวนต่อ กระทั่งปี2560 ปปช.ได้มีมติชี้มูลความผิด นายวัฒนา พร้อมพวกอีก 14คน กรณีทุจริตเรียกรับสินบนจากบริษัทพาสทิญ่า จำกัด ผู้รับเหมาโครงการบ้านเอื้ออาทร ผ่านบริษัทและลูกจ้างบริษัท เพรซิเด้นท์เทรดดิ้ง จำกัด จำนวน 82.6 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทดังกล่าว ไม่มีคุณสมบัติในการเข้าเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ แต่ได้มีการจ่ายสินบนเพื่อให้สามารถเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐได้ โดยหลังจาก ป.ป.ช.ส่งสำนวนให้อัยการ ปรากฏว่า อัยการพบความไม่สมบูรณ์ในสำนวน จึงต้องตั้งคณะกรรมการร่วมทั้ง 2 ฝ่ายขึ้นมาพิจารณา สุดท้ายอัยการสูงสุดชี้ขาดสั่งฟ้องนายวัฒนากับพวกเป็นจำเลยต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เบื้องต้นจำคุก14จำเลยคนละ4ปี-99ปี
ต่อมา วันที่ 24ก.ย. 63 ศาลฎีกาฯพิพากษาว่า พวกจำเลยร่วมกันกระทำผิดจริง โดย นายวัฒนา จำเลยที่1 กระทำผิดตามมาตรา148 รวมความผิด11กระทง ให้จำคุกกระทงละ9ปี รวมจำคุก 99ปีและจำคุกเสี่ยเปี๋ยง หรือนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร จำเลยที่4 เป็นเวลา 66ปี แต่ตามกฎหมายให้จำคุกได้สูงสุด 50ปี จำคุก น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง จำเลยที่5 เป็นเวลา 20ปี น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว จำเลยที่6 เป็นเวลา 44ปี จำเลยที่ 7 เป็นเวลา 32ปี ปรับจำเลยที่8 จำนวน2แสนกว่าบาท และจำคุกนายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงศ์เรืองรอง จำเลยที่ 10 เป็นเวลา 4ปี ยกฟ้องจำเลยที่2,3,9,11-14 ต่อมา นายวัฒนา ได้อุทธรณ์คดีในชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ของศาลฎีกาฯและได้แถลงปิดคดีด้วยวาจายืนยันว่าสำนวนการสอบสวนคดีนี้ มีความผิดปกติหลายประเด็นและตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ นายอภิชาต ที่แอบอ้างชื่อตัวเองไปเรียกรับผลประโยชน์กับบริษัทเอกชน อีกทั้งปปง.ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้วไม่พบความผิดปกติ ซึ่งศาลฎีกาฯนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 4มี.ค.ขณะที่ นายอริสมันต์ หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาและศาลได้ออกหมายจับไว้แล้ว
น้อมรับคำพิพากษา-เล็งถวายฎีกา
นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยก่อนเข้าฟังคำพิพากษาอุทธรณ์คดีบ้านเอื้ออาทรว่า วันนี้มายืนยันความบริสุทธิ์และตามหาความเป็นธรรม ที่ผ่านมาเราได้สู้คดีอย่างเต็มที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา148 เป็นความผิดใช้อำนาจโดยมิชอบนั้น ต้องมีอำนาจในตำแหน่งก่อน แต่ตัวเองไม่ได้มีอำนาจอนุมัติ เพราะการเคหะเป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรีที่จะไปพิจารณา ส่วนรัฐมนตรีจะมีความผิดหากไปสนับสนุนเกี่ยวข้อง แต่ต้องมีคนผิดตัวกลาง ยืนยันว่าไม่มีบุคคลใกล้ชิดไปเรียกรับสินบน อีกทั้งพยานโจทก์ 150ปาก ไต่สวนมาไม่มีใครเกี่ยวข้องด้วยเลย
‘ไม่ยืนยันว่าศาลจะเชื่อคำแถลงปิดคดีหรือไม่ แต่เชื่อว่าสื่อที่รับฟังได้ยินครบทุกประเด็น และเกิดข้อสงสัย โดยเฉพาะประธานอนุกรรมการไต่สวนที่ดำเนินการจูงใจพยาน และไม่มีใครออกมาปฎิเสธคัดค้านว่าไม่ได้ทำ ผมจะสู้ทุกวิถีทางรวมถึงการถวายฎีกาในฐานะพสกนิกร ผมนอนหลับปกติวันนี้มั่นใจในการต่อสู้คดี แต่เตรียมใจไว้ 2ด้านและยอมรับคำพิพากษา หากไม่เป็นไปตามครรลองจะสู้คดีจนสุดทาง ถ้าเป็นโควิดเสียชีวิตก็ช่วยไม่ได้ เชื่อมั่นว่าคดีนี้เป็นเรื่องการเมืองล้านเปอร์เซ็นต์’นายวัฒนา ระบุ
ศาลพิพากษายืนคุก99ปี-ชดใช้89ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว้า องค์คณะชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์พิพากษาเเก้โทษริบทรัพย์ นายวัฒนา จำเลยที่ 1,4,5,6,7,8 เเละ10 ร่วมชดชดใช้เงิน89ล้านบาท ในส่วนโทษอาญา อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนจำคุก 99ปี เตรียมส่งตัวเข้าเรือนจำเพื่อรับโทษต่อไป
‘จุรินทร์’เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.
เวลา10.30น.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เดินทางไปพบปะสมาชิกพรรคในการประชุมใหญ่สามัญ ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ของเขตเลือกตั้งที่1และ2 จ.มุทรสาคร พร้อมด้วย น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผู้อำนวยการพรรค นายกุลวัชร หงษ์คู อดีตนายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร
นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการสู้ศึกการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นว่า จ.สมุทรสาคร อย่างน้อย 4คนนี้ ถือว่าเป็นบุคคลที่มีศักยภาพ พร้อมที่จะเป็นผู้แทนราษฎร เพราะมีทั้งที่เป็นอดีต สส., อดีต สจ. นักการเมืองท้องถิ่น,อดีตรองนายก อบต.และทุกคนจบการศึกษาดี มีทั้งทนายความ วิศวกร การที่พรรคเตรียมวางตัวไว้ถึง 4คน หาก จ.สมุทรสาคร มี4เขตถือว่า ขณะนี้พรรคมีความพร้อมที่จะเสนอตัวกับพี่น้องชาวสมุทรสาครเป็นอย่างดี วันนี้เราได้เพชรน้ำดี 4เม็ดจากสมุทรสาคร ที่เสนอตัวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของพรรคตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ขอพวกเราช่วยกันส่งเสริมสนับสนุนให้ทั้ง 4คน ได้มีโอกาสทำหน้าที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในอนาคตต่อไปถ้ามีการเลือกตั้ง และมีการแบ่งเขตเป็น4เขต ตามที่ทุกคนคาดหวัง” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ
ส่ง‘ปรเมศวร์’ชิงนายกเมืองพัทยา
นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ในฐานะแกนนำกลุ่มการเมือง“ทีมเรารักษ์พัทยา”เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเปิดตัวทีมงานที่จะลงสมัครแข่งขันเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาเมืองพัทยา ซึ่งคาดว่าทาง กกต.จะประกาศให้จัดขึ้นพร้อมการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ภายในเดือนพ.ค.ว่า จนถึงปัจจุบันในฐานะแกนนำกล่าวได้แต่เพียงว่า ขณะนี้บุคลากรในทุกภาคส่วนของทีม ทั้งตัวผู้สมัครนายกเมืองพัทยา สมาชิกสภาเมืองพัทยาทั้ง4เขตเลือกตั้ง คณะผู้บริหาร รวมทั้งที่ปรึกษาและทีมงานอื่นๆ ได้มีการวางตัวบุคคลและยุทธศาสตร์ด้านการทำงานไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่จะเป็นใครบ้างตอนนี้ไม่ขอเปิดเผย แต่อยากให้รอไปจนถึงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งคาดการณ์ไว้น่าจะเป็นในช่วงเดือนมีนาคม จึงจะทราบว่ามีใครลงสมัครในตำแหน่งใดบ้าง โดยจะเปิดแถลงอย่างเป็นทางการเพื่อแนะนำ ชี้แจงถึงความสำคัญ งานด้านยุทธศาสตร์ แผนนโยบายที่จะมีการขับเคลื่อนเมืองพัทยาต่อไปว่า ทีมกลุ่มจะทำอย่างไร แต่ละคนมีศักยภาพอย่างไร ด้านใด เพื่อที่จะทำให้พี่น้องประชาชนสามารถพิจารณาในการตัดสินใจในการเลือกตั้งที่ใกล้จะถึงในอนาคตนี้ได้
ส่วนกระแสที่ว่ามีการวางตัวนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ อดีต ส.ส.ชลบุรี มาลงสมัครในตำแหน่งนายกเมืองพัทยาของกลุ่มนั้น ตอนนี้ยังคงต้องขออุบไว้ก่อน และอยากให้รอเปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อไป
‘3ป.’ดอดกินข้าว/จัดทัพพรรคพปชร.
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า หลังจากช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ เข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลและเรียกนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานและนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เข้าหารือ หลังราคาน้ำมันในประเทศปรับตัวสูงขึ้น เป็นเวลา1ชั่วโมง จากนั้นเวลา 11.18น.พล.อ.ประยุทธ์และทส.คนสนิท เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยรถยนต์ส่วนตัว โดยไม่มีวาระ
มีรายงานแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปยังมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เพื่อรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ทั้งนี้ ข่าวแจ้งว่า การรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการพบปะกันตามประสาพี่น้องแล้ว คาดว่าได้มีการพูดคุยถึงการเตรียมการประชุมพรรคพปชร.ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดช่วงเวลาและสถานที่ โดยจะต้องเตรียมเรื่องของบุคคลที่จะเข้าทำหน้าที่ในพรรค หลังมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ทางการเมือง
ลุงป้อมตักกุ้งทอดกระเทียมให้นายกฯ
มีรายงานด้วยว่า ระหว่างรับประทานอาหารบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น พล.อ.ประวิตร ได้ตักกุ้งให้กับนายกฯและมีรายงานว่า เมนูกุ้งกระเทียม พล.อ.ประวิตร ได้ลงมือทำด้วยตนเองภายในครัวมูลนิธิป่ารอยต่อฯ อย่างไรก็ตาม การร่วมพูดคุยและรับประทานอาหารใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งนายกฯรับประทานได้เยอะมาก และก่อนกลับนายกฯยังได้กอดพล.อ.ประวิตรด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันครั้งนี้ นอกจากเป็นการพบปะกันตามประสาพี่น้องแล้ว คาดว่ามีการพูดคุยถึงการเตรียมประชุมพรรค พปชร.ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดช่วงเวลาและสถานที่ โดยจะต้องเตรียมในเรื่องบุคคลที่จะเข้าทำหน้าที่ในพรรค หลังมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ทางการเมือง
พท.นัดถก7มี.ค.เตรียมซักฟอกรบ.
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามมาตรา151 ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการคุยกัน แต่คาดว่าจะคุยกันเบื้องต้นอาทิตย์หน้า ซึ่งฝ่ายค้านอาจจะมีการยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องหลัก เพราะเรื่องหลักที่เราจะพูดคุยกันในการประชุมวันที่ 7มีนาคม คือเรื่องฝ่ายค้านพบประชาชนที่จะมีขึ้นในวันที่ 13มีนาคม แต่คงจะมีการฝากประเด็นนี้ให้แต่ละพรรคได้ไปดำเนินการจัดเตรียมข้อมูลและเตรียมการนำเสนอในการประชุมครั้งต่อๆ ไป เพราะต้องใช้เวลาพอสมควรในการรวบรวมเนื้อหาเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี ขณะนี้เรามีข้อมูลเบื้องต้นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในมือแล้วและเราตั้งใจว่าจะทำให้เสร็จภายในเดือนเมษายน ขณะเดียวกันต้องดูสถานการณ์และความจำเป็น เช่น อาจมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และการเลือกตั้ง สก.หรือเรื่องกฎหมายลูกที่จะเข้ามา ซึ่งหากมีประเด็นเหล่านี้แทรกขึ้นมาก็อาจจะต้องรอให้มีจังหวะและทำเรื่องการอภิปรายหลังเรื่องเหล่านี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี