“บิ๊กตู่” โชว์ชื่นมื่น ควง “ชัชชาติ-นายกเมืองพัทยา” แถลงข่าว ยันพร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาลเต็มที่ อารมณ์ดีพาชมทำเนียบฯ
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2565 เวลา 11.25 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ครั้งที่ 9/2565
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เชิญ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ร่วมแถลงข่าวท่ามกลางสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจจำนวนมาก โดยทันทีที่ถึงโพเดียมนายกฯได้หันไปบอกนายชัชชาติว่า เห็นไหมวันนี้สื่อมวลชนเยอะเป็นพิเศษ นายชัชชาติ จึงกล่าวตอบว่า ครับเพราะเป็นเรื่องสำคัญ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีแถลงว่า วันนี้ถือเป็นอีกวาระหนึ่งที่มีการประชุมศบค.ชุดใหญ่ เพื่อจะอนุมัติอนุญาต ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์หลักการต่างๆมากมายหลายประการ ซึ่งล้วนแล้วแต่ที่เราพยายามปรับแก้ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งสถานการณ์การแพร่เชื้อ การติดเชื้อ การเสียชีวิตก็ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
“วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้พบปะกับนายกเมืองพัทยา และผู้ว่าฯกทม. ซึ่งก็ได้พูดคุยกันแล้วว่าเราจะร่วมมือกันทำงานที่เราต้องรับผิดชอบกันด้วยความร่วมมือกันอย่างครบถ้วนในทุกๆเรื่อง ผมพูดคุยกับท่าน เพราะรู้จักท่านดีอยู่แล้ว วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้แนะนำทั้ง 2 ท่านให้ที่ประชุมศบค.ด้วย ซึ่งก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้นในการทำงาน ช่วยกันทำทุกอย่างให้พี่น้องประชาชนของเราทั้งประเทศ และวันนี้ที่เชิญมาพิเศษคือ นายกเมืองพัทยา เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และในส่วนของกทม.ถือเป็นปกติที่มาร่วมประชุมกันอยู่แล้ว ช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงของการเลือกตั้งที่ส่งปลัดฯกทม.รักษาการมาแทน ก็เข้าใจกันทั้งหมดแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น วันนี้เราต้องเดินหน้าประเทศไปด้วยกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ได้เชิญนายชัชชาติให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยนายชัชชาติ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นผู้เข้าร่วมประชุมก็พร้อมดำเนินการร่วมกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพราะว่า เราต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ในส่วนของมติศบค. ก็มีความผ่อนคลายขึ้น คิดว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีที่สถานการณ์โควิดจะคลี่คลายลง และเราก็พร้อมที่จะดำเนินงานทุกอย่างกับทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนรายละเอียดให้ทางศบค.เป็นผู้ชี้แจง
ด้าน นายปรเมศวร์ กล่าวว่า ขอกราบขอบพระคุณนายกรัฐมนตรี ที่ได้เชิญเมืองพัทยามาร่วมประชุมในศบค.ชุดใหญ่และรับทราบถึงการพยายามดำเนินการแก้ปัญหาต่างๆเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตได้อย่างถูกต้องดีที่สุด ซึ่งในส่วนของเมืองพัทยาเองก็ต้องการที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ซึ่งก็จะได้นำเสนอต่อที่ประชุมศบค.ต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้นนายกฯได้กล่าวขอบคุณทั้ง 2 คน พร้อมระบุว่า รายละเอียดปลีกย่อยฝ่ายประชาสัมพันธ์จะเป็นผู้ชี้แจงสื่อมวลชนเอง
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการทำงานร่วมกันนายกฯปฏิเสธที่จะตอบคำถาม พร้อมโบกมือและเชิญนายชัชชาติและนายปรเมศวร์เยี่ยมชมตึกไทยคู่ฟ้าตึกภักดีบดินทร์ และบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะตึกภักดีบดินทร์ที่เพิ่งสร้างขึ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดยนายกฯพาเยี่ยมชมและแนะนำสถานที่อย่างอารมณ์ดี พร้อมระบุว่า วันนี้ทำหน้าที่เป็นไกด์นำเที่ยว และกล่าวด้วยว่า “เราก็พี่น้องกันทั้งนั้น ยังเคยเจอกันหลายงาน อย่างเช่นตอนน้ำท่วมก็เคยเจอ ไปช่วยกันแก้ปัญหา” ขณะที่ นายชัชชาติ กล่าวตอบรับว่า “ขอบคุณครับ ทำงานเพื่ออนาคตครับท่าน” ทั้งนี้นายกฯยังชวนทั้ง 2 คนร่วมรับประทานอาหารด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังเยี่ยมชมสถานที่ภายในทำเนียบรัฐบาล นายชัชชาติ ได้เข้าไปพูดคุยและทักทายกับบรรดาข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทำเนียบฯ โดยระบุว่า “ดีใจได้มาเจอคนเก่าๆที่คุ้นเคย 8 ปีเปลี่ยนไปเยอะ” พร้อมถ่ายภาพกับบรรดาข้าราชการที่ยืนรออยู่เพื่อขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไป
- 004
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี