1.ที่ผ่านมานำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการบุกรุกเข้าใช้ที่สาธารณประโยชน์และสาธารณสมบัติของแผ่นดินในสองลักษณะ ครั้งนี้นับเป็นกรณีเอกชนบุกรุกเข้าใช้ลำเหมืองสาธารณประโยชน์โดยการบุกรุกก่อสร้างเป็นถนนคอนกรีตเพื่อใช้เป็นทางสัญจรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน
2.ประเด็นของเรื่องนี้มีที่มายาวพอสมควรโดยเป็นกรณีที่เอกชนรายหนึ่งบุกรุกเข้าใช้ที่ดินที่เป็นลำเหมืองสาธารณประโยชน์โดยไม่ได้ขออนุญาต องค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่นั้น แจ้งให้เอกชนรายนั้นให้ดำเนินการรื้อถอนถนนคอนกรีตที่สร้างรุกล้ำลำเหมืองสาธารณประโยชน์ดังกล่าว
3.ต่อมามีการฟ้องร้องต่อศาลปกครองชั้นต้น โดยศาลปกครองดังกล่าวพิพากษาให้ผู้บุกรุกมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินและประมวลกฎหมายอาญา ผู้ถูกฟ้องคดีจึงได้มีหนังสือแสดงเจตนายกถนนคอนกรีตดังกล่าวให้กับทางราชการ แต่เทศบาลผู้ฟ้องได้ออกคำสั่งให้ผู้บุกรุกรื้อถอนอาคาร (ถนนคอนกรีต) ออก แต่ผู้บุกรุกอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อผู้ว่าราชการจังหวัด
4.ต่อมาจังหวัดได้หารือปัญหาไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด โดยสำนักงานอัยการสูงสุดได้ตอบข้อหารือโดยสรุปว่า เมื่อผู้บุกรุกได้แสดงเจตนายกถนนคอนกรีตที่ได้ก่อสร้างให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินเพื่อให้ประชาชนได้ใช้เป็นทางสัญจรร่วมกันแล้วย่อมถือได้ว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์ในถนนคอนกรีตได้อุทิศถนนดังกล่าวให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามมาตรา 1304(2) (ป.พ.พ.) แล้ว เทศบาลตำบลจึงมีอำนาจหน้าที่ดูแลและรักษาถนนคอนกรีตดังกล่าว
5.กรณีเป็นประเด็น ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไม่เห็นด้วย จึงได้เสนอเรื่องผ่านมาตามช่องทางของกระทรวงมหาดไทย จนกระทั่งถึงคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ความเห็นในประเด็นดังกล่าวข้างต้นเพื่อหาข้อยุติและแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องต่อไป
6.คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย พิจารณาโดยรับฟังข้อเท็จจริงจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและจังหวัดเชียงใหม่แล้วมีความเห็นโดยสรุปว่า
1) ที่ดินบริเวณที่พิพาทเป็นลำเหมืองสาธารณประโยชน์ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินฯ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1304(2) และจะต้องได้รับการดูแลรักษาและคุ้มครอง ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 8 วรรคหนึ่ง เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนสภาพไปตามป.ที่ดิน มาตรา 8 วรรคสอง (1)
2) เมื่อผู้บุกรุกได้ก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กรุกล้ำลำเหมืองสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นเหตุให้ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิดตามป.ที่ดินและป.อาญานั้น การที่ผู้บุกรุกแสดงเจตนายกถนนคอนกรีตดังกล่าวให้เป็นทางสาธารณะเพื่อให้ราษฎรใช้เป็นทางสัญจรนั้น ไม่ถือว่าเป็นการอุทิศให้เป็นสาธารณสมบัติ เพราะการจะแสดงเจตนาดังกล่าวได้นั้นผู้แสดงเจตนาต้องเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนั้นด้วย
3) เมื่อที่ดินแปลงพิพาทเป็นลำเหมืองสาธารณประโยชน์ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามป.พ.พ.มาตรา 1304(2)ผู้บุกรุกจึงไม่อาจแสดงเจตนายกถนนคอนกรีตให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินได้ แต่เป็นกรณีที่ถนนคอนกรีตดังกล่าวได้สร้างอยู่บนลำเหมืองสาธารณประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
4) แต่อย่างไรก็ตามหากเทศบาลตำบลเห็นว่า ถนนดังกล่าวจะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนมากกว่าจะรื้อถอนออกไป ก็ยังสามารถใช้ดุลพินิจรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ว่าสมควรจะรื้อถอนหรือไม่ เพื่อหาข้อยุติได้ (มติของคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 12/2565 วันที่ 15 มิ.ย. 2565)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี