อ้อมกอด ‘บิ๊กตู่’ สยบรอยร้าว ‘บิ๊กป้อม’ ส่งสัญญาณดับกระแส ‘พลังประชารัฐ’ แตก ‘วนลูป’ การเมืองกลับสู่จุดเริ่มต้น

หมากกระดานการเมือง นับถอยหลังเข้าโหมดเลือกตั้ง180 วัน “ฤดูกาล” เปิดตลาด ส.ส.เริ่มคึกคัก ทั้งตัวพรรค และตัว ส.ส. ต่างฝ่ายต่างเฝ้ามองเกมกันมาเกือบสี่ปี จับทิศทางกระแสกันล่วงหน้า หากรูปเกมเคลื่อนไหวไปตามปฏิทิน ไม่มีอุบัติเหตุหรือยุบสภา “ศึกเลือกตั้ง” ในต้นปีหน้า กระแสพรรคไหน “มา” พรรคไหน “เอาท์” คาดเดาไม่ยากตาม “มาตรวัดพลังดูด”

“รอยต่อ” ช่วงเวลาไปสู่ครบเทอมรัฐบาล จึงอยู่ในภาวะ “เลือดไหล-แห่ซบ” ขนานไปกับ “ดีล” แก้เกม สูตร “รวมร่าง” ระหว่างพรรคขนาดเล็ก ขนาดกลาง ก่อสร้างอำนาจต่อรองในอารมณ์ “ตาอยู่” พร้อมโหนเข้าขบวน “พรรคร่วมรัฐบาล” ไม่ว่าพรรคไหนจะแลนด์สไลด์

ขณะที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล อย่าง “พลังประชารัฐ” แม้คีย์แมนในพรรคหลายคนยืนยันว่า “จะไปต่อ” และกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกสมัยให้ได้ แต่เหมือน “ความชัดเจน” ที่สื่อออกไปยังไม่หนักแน่นพอ

กระแส “เลือดไหล” ครั้งใหญ่ถูกตีปี๊บ ในระดับส่อแวว...

พรรคแตก!!!

ย้อนไปหลังเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พรรคพลังประชารัฐได้ส.ส.ทั้งหมด  115 ที่นั่ง เป็นส.ส.เขต 97 คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ 18 คน การเดินทางเกือบสี่ปีของพรรคเกิดใหม่ ที่ก่อตั้งโดยอดีต 4 กุมาร "อุตตม - สนธิรัตน์-สุวิทย์-กอบศักดิ์" แบกภารกิจชู"บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องในระบบเลือกตั้ง "เข็น"กันมาผ่านร้อนหนาวฝ่าวิบากกรรมทุกรูปแบบ ทั้งคนเข้า คนออก ขับออก พ้นสภาพ ถึงนาทีนี้ก่อนจะสิ้นเทอมรัฐบาล"พลังประชารัฐ"คงเหลือส.ส.ในมือ"ต่ำร้อย"

ท่ามกลางกระแสความนิยม ทั้งตัว"พรรค"และตัว"บิ๊กตู่" ที่เส้นกราฟยังคงปักหัวลงต่อเนื่อง เกม"ขย่ม"กันเองจึงถูกเปิดจาก"ภายใน"  

โดยตามรัฐธรรมนูญ2560 มาตรา 105 ระบุว่า กรณีที่อายุของสภาผู้แทนราษฎร เหลือไม่ถึง 180 วัน เปิดโอกาสให้ส.ส.ย้ายไปอยู่พรรคใหม่ได้

เมื่อ 180 วัน เริ่มนับถอยหลังไปสู่วัน"ครบเทอม"ในต้นเดือนมีนาคม 2566 ก็เหลือเวลาประมาณ 6 เดือน จึงคาดว่า ส.ส.ขยักแรกเริ่ม"ขยับ"มองหาที่ทาง ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา

และก็เป็นอะไรที่ตอกย้ำ"กระแสข่าว"ให้มี"น้ำหนัก"ขึ้น สอดรับฤดูกาลเปิดตลาดส.ส. เมื่อปรากฏภาพ บรรดา  ส.ส.ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน  29 คน ไปโผล่ปรากฏตัวโชว์หน้าตาในงานวันเกิด "เนวิน ชิดชอบ" ที่จังหวัดบุรีรัมย์เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา จาก 29 คน ในจำนวนนี้มีส.ส.พลังประชารัฐ 8 คน ก็ในเมื่อตารางคะแนนพรรคการเมืองไตรมาสนี้ "พรรคภูมิใจไทย" อยู่ในอันดับ"จ่าฝูง" พรรค"เนื้อหอม"ที่สุด

"ขยัก"แรก 8 ส.ส.พลังประชารัฐ ส่ง"สัญญาณ"ถึงบ้านเก่า พร้อมทอดสะพานถึง"บ้านใหม่"

ขณะที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 97(3) กำหนดให้ผู้ที่จะลงสมัครส.ส.ต้องสังกัดพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 90 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่า"ขยัก" ที่สองจะเริ่ม "ขยับ" เพื่อ "ขย่ม" อีกรอบไม่เกินกลางเดือนธันวาคม

อ่านเกม"คนใน"ของพลังประชารัฐ นอกจากกระแสที่ตกต่ำจนคาดว่าหากยังอยู่"ที่เดิม" อาจไม่ได้กลับมาเป็นส.ส.อีกในสมัยหน้า

ภาวะ"สนิม"แต่เนื้อในที่กัดกร่อนพรรคมาตลอด ทั้งการมีขึ้นของก๊กก๊วนภายใน ที่ส.ส.หลายคนอยู่ในอาการ"กลืนไม่เข้า คายไม่ออก" โดยเฉพาะส.ส.เขต ที่ต้องทนรับ"ความห่างไกล" ระหว่างส.ส.กับนายกรัฐมนตรี

รวมไปถึง ปมเดทล็อค"บิ๊กตู่"ตามข้อกฎหมาย ที่หากจะกลับมาเป็น"นายกรัฐมนตรี"อีก จะสามารถดำรงตำแหน่งได้เพียง 2 ปี คือกับดักที่เป็นอุปสรรคในการ"หาเสียง"ครั้งหน้าอย่างใหญ่หลวง แม้โจทย์"แคนดิเดต"นายกฯ 3 รายชื่อ จะถูกโยนหิน แต่ไม่อาจเบรคอารมณ์ส.ส.หลายคนที่หมดใจ เพราะภาพอนาคตมองไป ยังไม่ชัดเจนเท่ากับเปลี่ยนเลนย้ายค่าย

โดยเฉพาะกลุ่มกทม.ที่นำโดย"พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์" อาทิ จักรพันธ์ พรนิมิตร  ประธาน ส.ส.กทม. ชาญวิทย์ วิภูศิริ  ส.ส.กทม. กษิดิ์เดช ชุติมันต์  ส.ส.กทม. ที่คาดว่าจะย้ายไปซบ"ภูมิใจไทย" เช่นเดียวกับ"พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์"  ส.ส.กทม. โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ที่จะไปพรรคภูมิใจไทยด้วยเช่นกัน แต่อาจขึ้นไปอยู่ใน บัญชีรายชื่อ  ในโควต้าของ"ชาดา ไทยเศรษฐ์"   ส.ส.อุทัยธานี รองหัวหน้าพรรค

ขณะที่ "กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ"  ส.ส.กทม. ไม่ขอตามเพื่อน แต่จะเปลี่ยนสายย้ายไปอยู่"เพื่อไทย" ซึ่งมีการปิดการเจรจาดีลลับเรียบร้อยแล้ว รวมถึง"สุชาติ ตันเจริญ"  รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1  ก็ จะย้ายกลับไปซบ"เพื่อไทย"รังเก่าเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มส.ส.ปากน้ำ 6 คน ที่เคยลงมติไม่ไว้วางใจพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ประกอบด้วย กรุงศรีวิไล สุทินเผือก ฐาปกรณ์ กุลเจริญ ภริม พูลเจริญ ยงยุทธ สุวรรณบุตร อัครวัฒน์ อัศวเหม และ ต่อศักดิ์ อัศวเหม แม้ทั้ง 6 คนจะยังสงวนท่าทีแต่อยู่ในโหมด"น้ำนิ่งไหลลึก" อยู่แต่"ตัว" แต่"ใจ"ไม่มี

ขณะที่ส.ส.สังกัดกลุ่ม “คุณปลื้ม” ที่ยังมี"แผล"กับ"สุชาติ ชมกลิ่น" ผู้อำนวยการพรรค ในปัญหา"สร้างอาณาจักร"ในอาณาจักรของบ้านใหญ่แห่งการเมืองท้องถิ่นชลบุรี ก็คาดว่าจะ"ไม่ไปต่อ"กับแบรนพลังประชารัฐแต่จะขอตายดาบหน้าไปฟื้นคืนชีพพรรค"พลังชล" ที่ฐานเสียงยังค่อนข้างเหนียวแน่นชัดเจน แล้วไปสร้างอำนาจต่อรองในเกม"จัดตั้งรัฐบาล"ในรัฐสภาหลังเลือกตั้ง ในฐานะ"พรรคตัวแปร"

หากย้อนกลับไปเมื่อยุค"ก่อตั้ง"พรรคพลังประชารัฐ นอกจาก"อดีต 4 กุมาร" แล้ว ก็ยังมีกลุ่ม"สามมิตร" ที่นำโดย "สมศักดิ์ เทพสุทิน -สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ -อนุชา นาคาศัย" ที่รวบรวม"ก๊กก๊วน"การเมืองจากหลายภูมิภาค ที่มีฐานเสียงตุนอยู่มือสามารถพาพรรคเกิดใหม่"พลังประชารัฐ"เข้าสภา  และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้    

ด้วย"ข้อเสนอ" ในตอนนั้นที่"ดีล"กัน"ลงตัว"

ในขณะที่หลาย"ก๊กก๊วน"กำลังยกแผงย้ายออก"กลุ่มสามมิตร"ยังคง"สงบนิ่ง"อยู่ในที่ตั้ง ส่งสัญญาณ"ซื้อใจ"ไปถึงทั้ง"บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะ"หัวหน้าพรรค" และ"บิ๊กตู่" 

สายตา"เก๋าเกม"ของแกนนำสามมิตร ยังมองขาดว่า"อำนาจ 3 ป."ยังทอดต่อไปได้ทะลุเลยการเลือกตั้งครั้งหน้า แม้ใครจะ"แลนด์สไลด์"โกยส.ส.เข้ามาเท่าไหร่

แต่สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.250 เสียง คือ"ไพ่"ที่เหนือกว่าที่ยังอยู่ในมือ 3 ป.ซึ่งยังมีวาระให้แสดงอิทธิฤทธิ์ได้จนถึงเดือนพฤษภาคม 2567

หมากเกมนี้ สายป่าน "ท่ออำนาจ" 3 ป. ยังเดินกินรวบได้อีกหลายขุม

และเมื่อ "สามมิตร"ส่งสัญญาณ "ซื้อใจ" 

ในฐานะว่าที่ 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของ "พลังประชารัฐ" จึงส่งสัญญาณ "ตอบ"

โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา "บิ๊กตู่"เข้าสวมกอด"บิ๊กป้อม" พร้อมอ้อนพี่ใหญ่ "ไม่ไปไหนหรอก แหมมีเรื่องให้ง้อได้ทุกวัน"

"อ้อมกอด" และถ้อยคำ "ออดอ้อน" ที่ "น้อง" กระซิบ "พี่"เป็นนัยว่ายังคงเป็นแคนดิเดตนายกฯในนาม "พลังประชารัฐ" ท่ามกลางกระแส "กราฟตก" และเกิด "พรรคใหม่" รองรับ

สยบข่าวรอยร้าวรายวัน พร้อมสมานแผลพลังประชารัฐจากร่องรอย"แตกร้าว"

"บิ๊กตู่ -บิ๊กป้อม" 2 ป.ส่งสัญญาณ"รีโนเวท"พลังประชารัฐ ดับ"กระแสพรรคแตก" ให้เป็นเพียง "กระแส"

"สถานการณ์" ภายใน "พลังประชารัฐ" จากนี้ จึง "วนลูป" กลับไปจุดเริ่มต้นเหมือนเมื่อตอน "ก่อตั้ง" พรรค

"เปิดดีล" รอบใหม่

#ทีมข่าวการเมืองแนวหน้า

-005