สื่อทำเนียบตั้งฉายารัฐบาล
‘หน้ากากคนดี’
บิ๊กตู่ได้รับฉายา‘แปดเปื้อน’
พล.อ.ประวิตร‘ลองนายกฯ’
อนุทิน‘ภูมิใจดูด พูดแล้วดอย’
จุรินทร์ฉายา‘ประกันไรได้’
สื่อมวลชนทำเนียบฯตั้งฉายารัฐบาลปี 2565 “หน้ากากคนดี” โดย “บิ๊กตู่” ได้ฉายา“แปดเปื้อน” พร้อมด้วยฉายา 9 รัฐมนตรี “ลุงป้อม” ฉายา“ลองนายกฯ” ขณะที่“อนุทิน”ฉายา“ภูมิใจดูด พูดแล้วดอย” “จุรินทร์” ฉายา “ประกันไรได้” “โอ๋ ชัยวุฒิ”ได้ฉายา“วันทอง 2ป.” ด้าน นายกฯฉุนฉะสื่อทำเนียบ ตั้งฉายาบ้าๆบอๆ ประเพณีแบบนี้ไม่มี ตะคอกไม่ตอบไปสมัครสมาชิกรทสช.วันไหน
‘เพื่อไทย’บอกฉายาโดนใจ ขณะที่‘เพื่อไทย’ตีปีก บอก โดนใจฉายา‘บิ๊กตู่-รบ.’ร่วมขยี้ซ้ำ อย่าปล่อยให้คนดี มีแต่หน้ากาก คอยเอาแต่แสวงหาประโยชน์ เมิน‘ครูใหญ่เนวิน’แบะท่าร่วมงาน ขอให้ทะลุ250เสียงค่อยว่ากัน ‘ไทยสร้างไทย’บุกร้อยเอ็ดประชุมใหญ่ผู้สมัครส.ส.ปลุกเลือก‘นายกลูกอีสาน’
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.65 ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตั้งฉายารัฐบาล และ รัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน เป็นการสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ ได้มีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และ วาทะแห่งปี ประจำปี 2565 ดังนี้
ฉายารัฐบาล : “หน้ากากคนดี” เป็นอีกหนึ่งปี ที่ทุกคนยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกัน ภายใต้หน้ากากของรัฐบาล ที่สร้างภาพจำตลอดเวลาว่าเป็นคนดี นโยบายทุกอย่างทำเพื่อบ้านเมือง และประชาชน แต่กลับเกิดข้อกังขาว่ายังเดินตามเจตนารมณ์ที่ประกาศไว้ได้หรือไม่ เช่น นโยบายกัญชา ที่อวดอ้างทำเพื่อประชาชน แต่เมื่อเกิดผลกระทบจากการใช้ผิดวัตถุประสงค์ กลายปัญหาสังคมบานปลาย แม้แต่การออกกฎหมายควบคุมการใช้ยังทำไม่ได้ สุดท้ายผลักภาระเพิ่มให้ตำรวจ เพียงเพราะต้องการเช็คลิสต์ตามนโยบายที่หาเสียงไว้ นโยบายประชานิยมที่ออกแนวหาเสียง ให้ทั้งเบ็ด ทั้งปลา หรือ การประกาศแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็มีความคลุมเครือ ว่าประโยชน์ที่ได้นั้น เป็นของประชาชนหรือนักการเมืองกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของพรรคการเมืองใด เมื่อออกมาในนามรัฐบาล ประชาชนจึงเกิดความเคลือบแคลงสงสัย ว่าภายใต้หน้ากากที่ประกาศเป็นคนดีนั้น จริงหรือไม่?
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม : “แปดเปื้อน” ปมวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี สั่นคลอนภาพลักษณ์ของพลเอกประยุทธ์ ตลอดปีที่ผ่านมา และกลายเป็นข้อครหา ถึงความชอบธรรมในการครองเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อเนื่องยาวนาน พลเอกประยุทธ์ ถือเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย ที่ศาลมีคำสั่ง ให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ แม้จะเพียงแค่ 38 วัน ก็ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยในตัวของ พล.อ. ประยุทธ์ ที่มักจะพูดเสมอว่าไม่ยึดติดอำนาจ ทุกอย่างทำเพื่อบ้านเมือง และประชาชน ไม่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง ยิ่งเมื่อปัญหาใต้พรมถูกขุดคุ้ยขึ้น ใกล้ตัวเกินกว่าจะปัดความเกี่ยวโยงได้ ทั้งนโยบายประชานิยม ทุนสีเทาสนับสนุนพรรคการเมือง หรือ แม้แต่นักการเมืองใกล้ตัว นายทหารใกล้ชิด ที่ได้ไปนั่งอยู่ในบอร์ดบริหารบริษัทพลังงาน แม้พิสูจน์กันทางกฎหมายไม่ได้ แต่ก็ทำให้ถูกมองว่า ไม่ได้ใสสะอาด ผุดผ่องอีกต่อไป
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี : “ลองนายกฯ” แม้จะเป็นเวลาเพียง 38 วัน ที่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่พลเอกประวิตรก็ได้ทำอย่างสุดกำลัง ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ลองเป็นนายกฯ หลายครั้งที่ตัวจริงอย่างพลเอก ประยุทธ์ ต้องไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศ พี่ใหญ่ในกลุ่ม 3ป. ในฐานะ สร.2 ก็ทำหน้าที่แทนมาตลอด แต่อาจไม่ยาวนานเช่นครั้งนี้ ซึ่งมีอำนาจเต็ม(ในขณะนั้น) หากจะยุบสภาฯ ก็สามารถทำได้ บรรดากองหนุนและกองเชียร์ ปั่นกระแสจนเคลิ้ม ถึงกับประกาศใช้ “ใจบรรดาลแรง”ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ลุยงานรัวๆ ทำเอากองเชียร์นายกฯ ตัวจริง ร้อนๆ หนาวๆ แต่สุดท้ายก็ได้แค่”ลอง” เท่านั้น
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี : “เครื่องจักรซักล้าง”
ความเอกอุด้านกฎหมายระดับปรมาจารย์ในตำนาน ถูกใช้สนองตอบความต้องการของรัฐบาลทุกช่องทาง ทั้งพรรคหลักพรรคร่วม ไม่มีเลือกปฏิบัติ ช่วยยกภูเขาออกจากอก ลดปัญหาหนักใจ ทำหน้าที่เหมือนเครื่องจักรกล คอยซักล้างความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลให้ผ่านพ้น เรื่องไหนผ่านมือเนติบริกรคนนี้ อย่าหวังว่าจะมีใครโต้แย้งได้ เช่น ปม 8 ปีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ แม้แต่เรื่องเหมืองทองอัครา
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข : “ภูมิใจดูด พูดแล้วดอย”
“พูดแล้วทำ” คือ สโกแกนพรรคภูมิใจไทย แต่ทำแล้วสำเร็จหรือไม่เป็นอีกเรื่อง แม้จะปลดล็อกกัญชาจากการเป็นยาเสพติด แต่กฎหมายควบคุมกลับค้างเติ่งติดดอย ไปต่อไม่ได้ เกิดเป็นปัญหาสังคมบานปลาย เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงกัญชาได้อย่างง่ายดาย เมื่อจวนตัวกลับโยนให้เป็นภาระของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ หัวจะปวดกันทั้งประเทศ ขณะที่ บทบาทพรรคร่วมรัฐบาล ถือได้ว่าเป็นเด็กดีมาโดยตลอด แต่เมื่อเสียงปี่กลองเลือกตั้งดังขึ้น กลับสวมบทไดโวโชว์พลังดูด ส.ส. นักการเมือง ทั้งจากพวกเดียวกัน และต่างขั้ว ชนิดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม โดดเด่นไม่แพ้การนำเสนอนโยบายกัญชา
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ : “ประกันไรได้””ประกันรายได้” เป็นนโยบายหาเสียงหลักของพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรค แถมยังนั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีและกระทรวงค้าขาย ก็จัดหนักนโยบายนี้ จนแทบไม่โฟกัสงานอื่น ข้าวของขึ้นราคาไม่หยุด แต่สินค้าเกษตรกลับต้องทุ่มเงินไปประกันอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดคำถามกับการแก้ปัญหาของรัฐบาลด้วยวิธีประกันรายได้ ว่าถูกทางจริงหรือ? ที่ว่าประกันนั้น ‘ประกันไรได้บ้าง’
นายดอน ปรมัติวินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ : “ลุ่มๆ ดอนๆ” APECถือเป็นงานใหญ่งานหนึ่งในรอบ20ปีของไทย ที่มาพร้อมโอกาสทางเศรษฐกิจหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19นโยบายเปิดประเทศจึงเป็นความหวังของทุกคนที่จะทำให้ประเทศพ้นกับดักต่างๆแต่บทบาทในฐานะรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง กลับไม่สามารถสร้างการรับรู้หรือดึงดูดความสนใจของคนในประเทศได้เท่าที่ควร การเป็นเจ้าภาพAPECจึงเหมือนรับรู้กันเฉพาะในวงที่เกี่ยวข้อง ไม่ต้องพูดถึงความสนใจจากทั่วโลกที่ดูน้อยมาก จนเกิดการเปรียบเทียบกับรัฐบาลในอดีตที่เคยเป็นเจ้าภาพจัดงานสำคัญ ล้มเหลวตั้งแต่ระบบลงทะเบียน ลามไปจนถึงกิจกรรมประชาสัมพันธ์โหมโรง ที่ไม่ลุกโชนตามความตั้งใจ แม้แต่ธงโบกสะบัดยังปักเป็นหย่อมๆ ก่อนงานเพียงไม่กี่วันและมีเสียงเล่าลือกันหนาหู ว่าการทำงานในกระทรวงร่วมกับข้าราชการก็ลุ่มๆดอนๆไม่เปิดกว้างรับฟัง เกิดเป็นภาพการทำงานที่ล่าช้า ตกยุค ไม่ทันสมัย
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน : “Powerblank”วิกฤตพลังงาน เป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัสสำหรับคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก หลายมาตรการที่เข็นออกมาไม่ขาดสาย นอกจากชักเนื้อรัฐบาลมาอุดหนุน ก็ยังไม่เห็นว่ามีสิ่งไหนทำได้จริง ยิ่งการล้วงเงินจากกระเป๋าเอกชนอย่างโรงกลั่นน้ำมัน โครมครามอยู่พักใหญ่ แล้วก็หายไปกับสายลม เหมือนการขายที่ดินให้ต่างชาติแลกเงินลงทุน เกิดกระแสตีกลับระเนระนาด ถอยตั้งหลักแทบไม่ทัน จึงเกิดข้อสงสัยกันว่า เป็นรัฐมนตรีพลังงาน หรือ รัฐมนตรีไม่มีพลังงานกันแน่
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย : “หน้าชัด หลังเบลอ” ในบรรดาพี่น้อง 3 ป. พลเอก อนุพงษ์ สามารถควบคุมภาพลักษณ์ ที่แสดงออกต่อสาธารณชนได้สงบนิ่งที่สุด แม้สื่อมวลชนจะได้สัมผัสความหลากของอารมณ์ขึ้นลง ไม่ต่างจากพี่น้องอีก 2 ป.ก็ตาม เบื้องหน้าเราจะได้รับรู้และเห็นเฉพาะในสิ่งที่ต้องการให้เห็นเท่านั้น แต่ฉากหลังกลับคลุมเครือไม่ชัดเจน เรียกได้ว่า เก็บมิด ปิดเงียบ ถ้าไม่ได้เห็นคะแนนไว้วางใจที่มาเป็นอันดับโหล่ ก็ไม่มีทางรู้เลยว่า เกมเขย่าเก้าอี้ มท.1 ไต่ระดับทะลุ 10 ริกเตอร์ไปแล้ว
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน :”รมต.แรงลิ้น” ยังคงคอนเซ็บต์ ปากหวานไม่สร่าง ขยันอวย พลเอก ประยุทธ์ ขั้นสุดในทุกด้าน เอ่ยปากแต่ละครั้งก็แรงจัดชัดเจน ต้นปีเปิดศึกแตกหักบ้านใหญ่เมืองชล จนเกิดวิวาทะ “ทรยศ หักหลัง” สนั่นออนไลน์ ปลายปีตีจาก “บิ๊กป้อม” คนที่ออกปากเองว่ารักเหมือนพ่อ พร้อมข้อครหาหอบส.ส. ตาม “บิ๊กตู่” ที่ปากบอกว่ารักเหมือนแม่ ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ลิ้นมหาเสน่ห์วาดวิมานในทุ่งลาเวนเดอร์ จะขนพลพรรค มาเป็นฐานดัน “บิ๊กตู่” สู่เก้าอี้นายกฯอีกสมัย แว่วว่าเจ้าที่บ้านหลังใหม่แรงไม่แพ้ใคร เกิดอาการลิ้นคับปาก คับที่อยู่ยาก คับใจก็ต้องทนอยู่
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม :”วันทอง 2 ป.” ด้วยรักและเคารพพี่น้อง 2 ป. ทั้ง “พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร” ไปไหนไปกัน ตามติดแทบทุกภารกิจ ครั้นมาถึงทางแยก ต้องเลือกว่าจะอยู่ไหม หรือไปต่อกับใคร จึงเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจ เหตุการณ์ที่ทำเอานักข่าวลืมไม่ลง นั่นคือ วันที่ 2 ป.มีภารกิจชนกัน แม้แยกร่างไม่ได้ แต่มีวิชาแยกเงา เช้าบึ่งรถไปส่ง พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเครื่อง ก่อนส่งทีมงานตามติดไปแทน บ่ายรีบบึ่งรถรีบไปเดินตาม พล.อ.ประวิตร ทำภารกิจลงพื้นที่ เรียกได้ว่าไม่มีขาดตกบกพร่อง เปรียบเสมือนกับนางในวรรณคดีอย่าง “วันทอง” ที่รักขุนแผนแต่แพ้ความดีขุนช้าง ยากจะตัดสินใจว่าจะไปต่อกับใครดี
วาทะแห่งปี : “เกลียดหรือไม่เกลียดก็ช่างคุณเถอะ เพราะผมไม่รู้” พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65 ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ในหัวข้อ บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมือง ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ
‘บิ๊กตู่’ฉะสื่อทำเนียบตั้งฉายาบ้าๆบอๆ
ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่วันที่ 29 ธ.ค.จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า”ขอบคุณฉายาสื่อ ขอบคุณมาก”เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรกับฉายารัฐบาลหน้ากากคนดีและฉายานายกฯ แปดเปื้อน พล.อ.ประยุทธ์ก้าวขึ้นรถพร้อมกับปิดประตูด้วยสีหน้าบึ้งตึงพร้อมโบกมือกล่าวว่า”ไม่สนใจ” ผู้สื่อข่าวจึงชี้แจงว่าเป็นประเภทปฏิบัติของสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล นายกฯ กล่าวทันทีว่า “ประเพณีบ้าๆบอๆอย่างนี้ไม่มี”พร้อมโบกมือไล่สื่อมวลชนอีกครั้ง
ตะคอกไม่ตอบสมัครรทสช.วันไหน
เมื่อถามย้ำอีกว่าจะไปเป็นสมัครสมาชิกรทสช.เมื่อใด ก่อนปีใหม่หรือไม่ นายกฯกล่าวตะคอกเสียงดังว่า”ไม่มี ไม่รู้ ไม่ทราบ”เมื่อถามอีกว่า นายกฯงอนหรือไม่ นายกฯปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมสภาทหารผ่านศึกครั้งที่ 4/2565 พล.อ.ประยุทธ์ เห็นสื่อมวลชนดักรอสัมภาษณ์ได้โบกมือส่งสัญญาณไม่ให้สัมภาษณ์จากนั้นได้เข้าห้องรับรองและให้เจ้าหน้าที่เดินมาแจ้งว่า นายกฯจะไม่ให้สัมภาษณ์ แต่สามารถดักรอได้
ไม่สนโพลพุ่งหลังเปิดตัวรทสช.
นอกจากนี้ วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถาม นายกฯเกี่ยวกับการสำรวจความเห็นประชาชนของ นิด้าโพลว่าหลังเปิดตัวทางการเมืองเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เป็นอันดับ2รองจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โดยนายกฯปฏิเสธให้สัมภาษณ์โดยปัดมือ และระบุว่า”ไม่สนใจ”
‘พท.’โดนใจฉายา‘บิ๊กตู่-รบ.’ขยี้ซ้ำ
ที่พรรคเพื่อไทย(พท.)นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค พท.กล่าวถึงฉายารัฐบาล “หน้ากากคนดี”และฉายาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “แปดเปื้อน”ว่าขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชน คำนี้โดนใจมาก เป็นฉายาที่เหมาะสม เรื่องหน้ากากคนดีหมายถึง สิ่งที่เห็นเสมือนเป็นคนดี แต่ที่เจอมา 8 ปี วิถีประชาธิปไตย ถูกทำลายอย่างย่อยยับ เรื่องของเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ วิถีเชิงสังคม ถูกปิดกั้นโอกาส ที่สำคัญพล.อ.ประยุทธ์ ใช้โอกาส 8 ปีเป็นลักษณะ แปดเปื้อนทุกอย่างในการสืบทอดอำนาจ คงไว้ซึ่งอำนาจ ขอบคุณที่ช่วยกันสะท้อนภาพบอกว่าอย่าให้คนดีในสังคม ที่มีแต่หน้ากาก อย่าทำให้ภาคการเมือง แปดเปื้อน โดยแสวงหาประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค กล่าวว่า ฉายาที่สื่อมวลชนมอบให้รัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์ ถือว่าโดนใจ หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งนายพีระพันธ์ เข้ามาเป็นเลขานายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ มีท่าทีเป็นมิตรกับสื่อมากขึ้น พยายามทำตัวแบบนักการเมือง หน้ากากคนดี อาจไม่ได้ดีจริง แต่ใส่หน้ากากเอาไว้เพื่อซ่อนอะไรไว้เยอะแยะ ส่วน ฉายา แปดเปื้อนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง แม้หน้าฉากจะทำเป็นไม่รู้อะไร แต่ที่จริงรู้ทุกอย่างสื่อมวลชนให้ฉายา ถือว่าเหมาะสม รวมทั้งการปฏิรูป 8 ปี มีอะไรหรือไม่ ซึ่งประชาชนยังไม่ได้รับคำตอบ
พท.เมิน‘เนวิน’แบะท่าร่วมรบ.
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยยังกล่าวถึงที่นายเนวิน ชิดชอบ ในฐานะครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย(ภท.)ออกมาระบุพร้อมจับมือกับพรรคพท.ตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งว่า ยังไม่อยากพูดในประเด็นนั้น เพราะยังไม่ถึงเวลา ยังไม่เหมาะสม เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงความรู้สึกประชาชน เราต้องได้รับมอบอำนาจจากประชาชนก่อน
ขอให้ทะลุ250เสียงค่อยว่ากัน
“พรรค พท.จะพูดอะไรได้ ก็ต่อเมื่อประชาชนมอบอำนาจให้ได้เกิน 250เสียงขึ้นไป ยังไม่อยากประกาศ หรือ แสดงเจตจำนงว่าจะมือกับใครร่วมรัฐบาล พันธมิตรทางการเมืองของพรรค พท.หลังเลือกตั้งนั้น เมื่อประชาชนให้ความไว้วางใจมา ต้องมาดูว่าพรรคการเมืองไหน ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ที่สำคัญ เราต้องถามประชาชนว่าพรรคที่จะไปร่วมด้วยนั้น ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ คนอื่นจะพูดอย่างไร เป็นความคิดเห็น เป็นเสรีภาพทางการเมือง ไม่ก้าวล่วง เพียงแต่คนจะพูดต้องคำนึงถึงเสรีภาพพรรคเรา ถ้าทำให้เสียหายเราก็ต้องปกป้องพรรคเรา”นพ.ชลน่านย้ำ
ปลื้มโพลชู‘อุ๊งอิ๊ง’อุบแคนดิเตนายกฯ
หัวหน้าพรรคพท.กล่าวถึงในส่วนเรื่อง ว่าที่แคนดิเดตนายกฯของพรรคว่าต้องขอบคุณนิด้าโพล ผลสำรวจพรรค พท.แม้ยังไม่ประกาศบุคคล เป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ผลสำรวจออกมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้รับความนิยมร้อยละ 34 ส่วนจะประกาศเมื่อไร จะเป็นน.ส.แพทองธารหรือไม่อยู่ที่ทางพรรค ขณะที่ความนิยมของพรรคพท.ได้ร้อยละ42ก็ต้องขอขอบคุณ จากนี้จะนำมาพรรคไปสู่เป้าหมายของเรา
‘เพื่อไทย’เปิดตัวเพิ่มอีก21ผู้สมัครส.ส.
วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรค นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา ประธานส.ส. ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้งพรรคพท.ในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสานและภาคใต้อีก21 คน
สำหรับว่าที่ผู้สมัครส.ส. 21 คน ประกอบด้วย ภาคเหนือ 4 คน ได้แก่ 1.นายเทอดชาติ ชัยพงษ์ จ.เชียงราย 2.นายสมภพ คงความซื่อ จ.แม่ฮ่องสอน 3.นายกิตติวัฒน์ วิเศษขัน จ.แม่ฮ่องสอน และ 4.นายโสภณ ใจลังกา จ.ตาก ภาคอีสาน 7 คน ได้แก่ 1.นายเชิงชาย ชาลีรินทร์ จ.ชัยภูมิ 2.นายทินพล ศรีธเรศ จ.กาฬสินธุ์ 3.นายสถาพร ว่องสัธนพงษ์ จ.ร้อยเอ็ด 4.น.ส.ชญาภา สินธุไพร จ.ร้อยเอ็ด 5.นายพีรภัทร ทองธีรสกุล จ.บุรีรัมย์ 6.นายอนันต์ ปาลีคุปต์ จ.สุรินทร์ และ 7.นายอนุชา วัชรศีขร จ.สุรินทร์
ภาคกลาง7คน ได้แก่ 1.น.ส.พลอย ธนิกุล จ.กาญจนบุรี 2.นายปัญญา ชาติปัญญาวุฒิ จ.สระแก้ว
3.นายชัยณาม ว่องไว จ.เพชรบุรี 4.นายจีราวัฒน์ กำบัง จ.ประจวบคีรีขันธ์ 5.น.ส.สัมฤทธิ์ เหมะ จ.สมุทรปราการ 6.น.ส.นิชดา ปั้นเกตุ ตันติรักษ์ จ.สิงห์บุรี 7.นายยงยุทธ มั่นบุปผชาติ จ.ปทุมธานีภาคใต้ 3 คน ได้แก่ 1.นายอดิศักดิ์ สาหลำ จ.ปัตตานี 2.นายรุสดี แวบือซา จ.ปัตตานี 3.นายแวหะมะ แวและ จ.ยะลา
มั่นใจเป้าหมายแลนด์สไลด์250ที่นั่ง
นพ.ชลน่านกล่าวว่าว่าที่ผู้สมัครที่ประกาศรอบนี้ 21 คน เพิ่มเติมมาจากทุกภาคจากที่ประกาศไปแล้ว มั่นใจว่าที่ผู้สมัครของพรรค มีคุณสมบัติพร้อม มีความรู้ความสามารถ เข้าใจพื้นที่ เข้าหาเข้าถึง เข้าใจประชาชน พร้อมนำพานโยบายไปสู่ประชาชนเพื่อนำพาพรรคไปสู่เป้าหมายแลนด์สไลด์ 250 ที่นั่งขึ้นไป เป็นเป้าหมายที่พรรคที่วางไว้ จะได้จัดตั้งรัฐบาลของประชาชนอย่างแท้จริง
‘เนวิน’ชู3เหตุผล‘อนุทิน’พร้อมนายกฯ
ด้านนายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฐานะครูใหญ่พรรคภูมอใจไทยให้สัมภาษณ์รายการ“ชั่วโมงข่าวเสาร์-อาทิตย์”ทาง Thai PBS ถึงกรณีที่จะผลักดัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีว่า นายอนุทิน มีความพร้อมหมด 1.การศึกษา 2.ฐานะ 3.ประสบการณ์ชีวิตในการทำธุรกิจ เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมาหมด เขาเรียนรู้มาหมด เขาอยู่มาในทุกบริบท ถ้าถามวันนี้นี่นะ นายอนุทิน วันนี้ กับ นายอนุทิน เมื่อปี 2562 นี่นะ คนละคน
“ผมว่าเขามีความพร้อม ในการที่จะรับผิดชอบ ส่วนรวม ทำเพื่อส่วนรวมมากกว่าเดิม และเขาเข้าใจความรู้สึกของคนไทยในทุกระดับ มากกว่าเดิม อนุทิน เมื่อปี61อาจจะเข้าใจบริบทของคนจน คนรากหญ้า คนชนบท คนต่างจังหวัดเกือบไม่เข้าใจเลย เพราะความที่เป็นเจ้าของซิโนไทยในอดีต แต่มาวันนี้บนบริบทที่ทำหน้าที่เป็น รมว.สาธารณสุขได้ลงมาเห็นปัญหาความทุกข์ยาก เศรษฐกิจ โควิด อะไรทั้งหลายแหล่ รวมไปถึงประสบการณ์ในชีวิตเขา ผมว่าเขาพร้อมแล้ว”นายเนวิน ย้ำ
ส่วนที่มองกันว่าพรรคภูมิใจไทย จะเป็นพรรคขนาดใหญ่และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้ นายเนวิน กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน แต่สำคัญที่สุด คิดว่า3ปีของนายอนุทิน ในการเป็นหัวหน้าพรรค ภท.และเป็นรองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข พาลูกพรรคได้ผ่านบทพิสูจน์ เป็นพรรคการเมืองที่“พูดแล้วทำ”สำคัญที่สุด ประเทศไหนก็ตาม ถ้านักการเมือง พรรคการเมือง พูดเก่ง แต่ไม่ทำ ดีแต่พูด บ้านเมืองมันไปไหนไม่ได้
‘ไตรรงค์-ชัชเตาปูน’เข้ารทสช.27ธค
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า ในวันที่ 27 ธันวาคม เวลา 15.00 น. พรรครวมไทยสร้างชาติ จะแถลงเปิดตัว วีไอพี 3 คนสมัครเป็นสมาชิกพรรค ประกอบด้วย นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนหน้านี้ นายชุมพล กาญจนะ อดีตส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ โดย นายชุมพล ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา และนายชัชวาลล์ คงอุดม หรือ ชัช เตาปูน ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังท้องถิ่นไท ที่ได้ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ มาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติก่อนหน้านี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทางพรรคจะทยอยเปิดตัวสมาชิกต่อเนื่อง
‘ทสท.’บุกร้อยเอ็ดประชุมใหญ่ผู้สมัคร
ช่วงเช้าวันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมดร.โภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ,นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานยุทธศาสตร์บริหารพื้นที่,นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจพร้อมคณะผู้บริหารพรรค เดินทางไปจ.ร้อยเอ็ดเปิดสัมมนา“กลยุทธ์สู่ชัยชนะ”ในการเลือกตั้งซึ่งเมื่อคุณหญิงสุดารัตน์กับคณะผู้บริหารพรรคมาถึงสนามบินมวลชนผู้สนับสนุนมารอต้อนรับหลายร้อยคนจนสนามบินร้อยเอ็ดแทบแตก
นายอุดมเดชกล่าวว่าการสัมมนาผู้สมัครภาคอีสาน จัดขึ้นที่โรงแรมเดอะไฮเพลส โฮเทล ซึ่งมีผู้สมัครในภาคอีสานมาร่วมสัมมนาอย่างกันอย่างพร้อมเพรียงกันทุกเขต
ปลุกเลือก‘นายกฯลูกอีสาน’
“พื้นที่ภาคอีสานคือเป้าหมายของพรรคไทยสร้างไทย ที่เราจะกวาดชัยชนะได้หลายเขต เพราะคุณหญิงสุดารัตน์เป็นลูกอีสาน ที่ทำงานรับใช้ใกล้ชิดพี่น้องชาวอีสาน ด้วยความซื่อสัตย์มาตลอด 30 ปี จนทำให้ชาวอีสานเรียกร้องให้คุณหญิงสุดารัตน์ได้สร้างพรรคเพื่อคนอีสาน อยากให้คุณหญิงสุดารัตน์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าไปแก้ปัญหาความทุกข์ของพี่น้องอีสานให้สำเร็จ เราตั้งใจที่จะทำให้พี่น้องชาวอีสานหายจน หมดหนี้ และมีรายได้อย่างยั่งยืนให้ได้ภายใน 3 ปี”นายอุดมเดช ระบุ
‘อุตตม’มั่นใจปักธงที่นั่งสส.กทม.
ที่ทำการพรรคสร้างอนาคตไทย(สอท.)นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรเป็นประธานการประชุมผู้แสดงเจตจำนงเป็น ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในกทม.โดยมีนายวิเชียร เชาวลิต รองหัวหน้าพรรคและผู้อำนวยการพรรค นายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค และประธานนโยบายพรรค นายกำพล ปัญญาโกเมศ ประธานคณะกรรมการวิชาการ เข้าร่วม เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคสู่สนามในพื้นที่ กทม.โดยขณะนี้มีผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส. ส. กทม. พรรคสร้างอนาคตไทย จำนวนกว่า 40 คน เข้าร่วมด้วยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ส่วนการมีบุคลากรย้ายเข้าย้ายออกของพรรค ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง ซึ่งระยะต่อไปจะมีบุคลากรที่มีคุณภาพเข้ามาร่วมงานกับพรรค จะเปิดตัวต่อไป
นายอุตตมมั่นใจว่าจะได้ที่นั่ง ส.ส.กทม.ดูจากความพร้อมของตัวบุคคลที่พรรคคัดสรรให้ลงสู่สนามเลือกตั้งและชุดความคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ชาวกทม.ขณะนี้เรากำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้วจะต้องทำพื้นที่อย่างหนัก มุ่งมั่นเป้าหมายชัดเจน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี