ควันหลงลูกพรรคภูมิใจไทยปราศรัยถล่ม
‘อนุทิน’ขอโทษ‘บิ๊กตู่’
ลั่นไม่ทำอีกแล้ว-ไม่ใช่เจตนารมณ์ภท.
นายกฯปลุกรมต.สู้ซักฟอก ม.152
โวถกครม.400 ครั้ง/ทำผลงานอื้อ
‘สุริยะ-สมศักดิ์’ ชัดเจนอยู่พปชร.
“บิ๊กตู่”เตือนระวังนโยบายหาเสียง เพิ่มสวัสดิการ หวั่นเป็นภาระงบประมาณ เหน็บบางพรรคชงชูงบดูแลปชช. 8 แสนล้านบาท จะหางบจากไหน กั๊กลงสส.ปาร์ตี้ลิสต์หรือไม่“เสี่ยหนู”เข้าขอโทษปมลูกพรรคแล้วหลัง“ศุภชัย”ซัดบนเวทียังห่วง“พี่ป้อม”เหมือนเดิม อินไซด์ ครม. “บิ๊กป๊อก” แจงปม คำนวณราษฎร แบ่งเขต ลต.นับต่างด้าว-เด็กต่ำ 18 ปี ด้วยแต่ไม่มีสิทธิ์ลต.“บิ๊กตู่”ฟุ้งประชุมครม.มา400 ครั้ง ทำงานเยอะ สั่งพีอาร์ชี้แจงผลงานด้วยย้ำให้การบ้านรมต.ยึดหลักการตอบ สู้ศึกซักฟอก“อนุทิน”
โร่ขอโทษนายกฯ ไม่ทำอีกแล้ว ไม่ใช่เจตนารมณ์ ภท.ไม่มีนโยบายโจมตีพรรคอื่น ลั่นรมต.พร้อมแจงซักฟอกเต็มที่ พร้อมร่วมเป็นองค์ประชุมอภิปราย ม.152 เตือนถ้าอภิปรายเหมือน”ไม่ไว้วางใจ-เนื้อหาซ้ำซาก”ไม่ร่วมสังฆกรรมแน่‘กลุ่มสามมิตร’ชัดเจนแล้ว “สุริยะ-สมศักดิ์”ยืนยัน ยังอยู่พปชร.กับ“พล.อ.ประวิตร”ส่วน”อนุชา”ไปอยู่กับ’รทสช.’
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
‘บิ๊กตู่’ติงหาเสียงเพิ่มสวัสดิการหวั่นภาระงบ
เวลา13.00 น.วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่าในที่ประชุม ครม.ตนได้แสดงความห่วงใย เรื่องงบประมาณในเรื่องสวัสดิการต่างๆที่มีการพูดว่า จะให้นี่ให้นั่นเพิ่มขึ้น จะกลายมาเป็นภาระของงบประมาณ ตนได้บอกที่ประชุมครม.ขอให้ระมัดระวังด้วยเพราะในการเพิ่มงบสวัสดิการต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งในส่วนของข้าราชการและประชาชนไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา นมโรงเรียนซึ่งทั้งหมดใช้งบประมาณจำนวนมาก และจากจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้น ก็ต้องใช้อีก
ชงมา8แสนล้านบ.จะหางบจากไหน
“แต่บางพรรคเสนอมา 8 แสนล้าน พรรคเดียว ตนไม่รู้ว่าเขาจะหาเงินจากตรงไหนมา ตรงที่พูดเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบว่างบประมาณของรัฐบาลที่มีอยู่ มีทั้งงบรายจ่ายประจำ ถ้าถูกดึงไปใช้ตรงนี้หมดแล้วประเทศไทยจะอยู่ได้อย่างไร ตนไม่เข้าใจ จึงขอให้ประชาชนได้พิจารณาด้วยแล้วกัน ทั้งนี้ หลายอย่างเราได้ทำมาบ้างแล้วและเกิดผลสัมฤทธิ์มาพอสมควร แต่บางอย่างต้องแก้ไขกันต่อไปเพื่อให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เราทำหลายๆ อย่างในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ในเชิงโครงสร้าง กฎหมาย ซึ่งเป็นวิธีการในการแก้ไขปัญหา ทุกรัฐบาลต้องทำแบบนี้ ถ้าไม่ทำแบบนี้จะกลับไปสู่เหมือนเดิมทุกอย่าง”นายกฯระบุ
ยังกั๊กลงส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หรือไม่
เมื่อถามถึงเหตุผลหากจะตัดสินใจสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบทันทีว่า”เดี๋ยวผมตัดสินใจของผมเอง ยังไม่รู้ เดี๋ยวผมตัดสินใจเอง ขอให้ถึงเวลาก่อน วันนี้ยังไม่มีอะไรทั้งสิ้น ถ้าเป็นเรื่องในใจ ขอให้เป็นเรื่องในใจของผม เป็นเรื่องในใจจะมาพูดนอกใจได้อย่างไรล่ะ ขอยังไม่ตอบ”
เมื่อถามว่าแต่การเป็นส.ส.สามารถอยู่ได้ถึง4 ปี แต่ถ้าเป็นแค่นายกฯอยู่ได้อีกแค่ 2ปีเท่านั้น แสดงว่าวันนี้จะทำการงานยาวใช่หรือไม่ นายกฯย้อนถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า”มันทำได้หรือไม่เล่า กฎหมายมันทำได้หรือไม่ มันเป็นได้กี่ปีก็เท่านั้นแหละ ผมจะทำอะไร ไม่ใช่จะแสดงถึงนั่นถึงนี่ สื่อคิดกันไปเรื่อย พวกเธอชอบคิดกันไปเรื่อย ผมขี้เกียจตอบ คำถามไม่เปิดประโยชน์ ไร้ประโยชน์ ตอบไปก็เท่านั้นแหละ”
โยนถาม”สามมิตร”ซบพท.จริงหรือ
เมื่อถามถึงท่าทีของกลุ่มสามมิตรที่อยู่ในซีกของรัฐบาลปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า”ก็เป็นเรื่องของสามมิตรมันเกี่ยวอะไรกับผม” เมื่อถามย้ำว่ามีกระแสข่าวว่ากลุ่มสามมิตรจะส่งส.ส.ในสังกัดไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า”ก็เรื่องของเขา” เมื่อถามอีกว่านายสมศักดิ์ เทพสุทินรมว.ยุติธรรม และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า”ก็ไปถามเขาสิ”
ลั่นยืนยันต่างชาติไม่มีสิทธิ์เลือกตั้ง
เมื่อถามว่าแสดงว่าอนาคตจะมีรัฐบาลข้ามขั้วใช่หรือไม่ หรือมี ส.ส.ฝากเลี้ยง ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีอะไรทั้งนั้น ตนยังไม่คิดอะไรทั้งนั้น เป็นเรื่องของการเลือกตั้ง เรื่องสำคัญที่สุด คือ เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนตรงนั้น
“แต่ได้รับการยืนยันมาว่าจะไม่มีการที่จะเอาชาวต่างชาติมาลงคะแนนด้วย มันเป็นเพียงการเสนอว่าในแต่ละพื้นที่มีคนอยู่เท่าไหร่ มีต่างชาติเท่าไหร่ มีแรงงานเท่าไหร่ แต่สำคัญที่สุด คนที่เป็นคนไทยต้องมาเลือกตั้ง ไม่มีประเทศไหน เขาให้คนต่างประเทศมาเลือกตั้งในประเทศไทยหรอก เข้าใจหรือไม่”
‘อนุทิน’ขอโทษปมลูกพรรคแล้ว
เมื่อถามว่าเมื่อช่วงเช้านายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.)และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภท.ได้เข้าไปพบนายกฯเพื่อขอโทษเรื่องที่ลูกพรรคภท.ปราศรัยพาดพิงหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ก็ไม่มีอะไร นายอนุทินมาชี้แจงให้ฟังเท่านั้นเอง เมื่อถามว่าเมื่อเป็นเช่นนี้จะต้องทำความเข้าใจกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “จะทำความเข้าใจอะไรล่ะ หัวหน้า แต่ละพรรคเขามีความคิดของเขาอยู่แล้ว
ยังเป็นห่วง”พี่ป้อม”เหมือนเดิม
เมื่อถามว่า แล้วกรณีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ที่อาจจะมีกระทบกระทั่งกันบ้างล่ะ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า”ไม่มีอะไร ผมไม่มีอะไร ผมก็พูดคุยกับท่านปกติ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ก็มีความเป็นห่วงกัน”
เมื่อถามย้ำว่าแต่บางครั้งลูกพรรคอาจจะพูดจากระทบกระทั่งกันบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนได้บอกไปแล้วว่า ต่างคนต่างหาเสียงกันไป แต่ต้องระมัดระวังในภาพรวมแล้วกัน เพราะพรรคที่ตนไปเป็นสมาชิก ตนก็สั่งไปแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับใครเขา
กำชับองค์ประชุมสภา-ย้ำผูกขาใครไม่ได้
เมื่อถามว่าในที่ประชุมครม.ได้กำชับเรื่ององค์ประชุมสภา ให้มีการเข้าร่วมกันอย่างพร้อม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำชับแล้ว เมื่อสักครู่ ก็กำชับ กำชับทุกครั้งนั่นแหละ ในการเข้าร่วมประชุมสภา เพราะกฎหมายสำคัญมีอยู่ กฎหมายเรื่องของการเมือง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่อันนี้ตนจะไปจับเขาผูกขา ก็ไม่ได้
‘บิ๊กป๊อก’แจงต่างด้าวไม่มีสิทธิ์ลต.
รายงานข่าวจากที่ประชุมครม.แจ้งว่าในที่ประชุมพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องการคำนวณประชากรต่อเขตเลือกตั้งกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการนับจำนวนแรงงานต่างด้าวเข้ามาด้วยว่าการนับจำนวนประชากร นอกจากนับแรงงานต่างด้าวแล้ว ยังนำจำนวนประชากรที่อายุต่ำกว่า18ปี แต่ไม่มีสิทธิเลือกตั้งมาคำนวณด้วย เพื่อเอามาใช้ในการแบ่งเขตเลือกตั้งเท่านั้นไม่ได้หมายถึงแรงงานต่างด้าว มีสิทธิ์เลือกตั้ง ทั้งนี้จำนวนคนต่างด้าวทั่วประเทศ มีประมาณ1ล้านกว่าคนไม่ได้ถือว่ามากมายอะไร
บิ๊กตู่ติงชูงบ.8แสนล้านเอาจากไหน
ทั้งนี้มีอยู่ช่วงหนึ่งนายกฯได้กล่าวถึงการใช้งบประมาณสำหรับการดูแลประชาชนว่า ที่ผ่านมาเราใช้งบประมาณดูแลประชาชน เป็นล้านล้านบาทแล้ว ถือเป็นจำนวนไม่น้อย และ เราดูแลเต็มที่แล้ว ถ้าจะเพิ่มงบไปอีก8แสนล้านบาทตามที่พรรคการเมืองเสนอ ตนไม่ได้พูดว่าพรรคไหน แต่ใครเป็นรัฐบาลไปดูเอาเองแล้วกัน ฝากดูแลเองไปหาเงินเอาเองแล้วกัน
ย้ำรมต.ยึดหลักการตอบศึกซักฟอก
ขณะที่ช่วงท้ายการประชุม นายกฯยังได้กล่าวว่า การประชุม ครม.ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 400 เวลาทำงานเยอะขนาดนี้ หาเวลา ชี้แจงด้วยว่าเราทำอะไรไปบ้าง ขณะเดียวกัน นายกฯยังพูดถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ว่า ขอให้เตรียมความพร้อมให้เรียบร้อย พูดหลักการ เอาหลักการมาตอบ ชี้แจงตามหลักการไป ขณะที่ เรื่องตอบกระทู้นั้น ขอความร่วมมือรัฐมนตรีไปตอบด้วย ถ้าไปไม่ได้ ก็ชี้แจงว่าไปไม่ได้
‘อนุทิน’ขอโทษ‘บิ๊กตู่’ลูกพรรคซัดเวที
ก่อนหน้านี้ ช่วงเช้า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)กล่าวถึงกรณีที่ นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค ภท.ปราศรัย ที่เวทีบ่อนไก่โจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม“ขายความสงบจบที่ลุงตู่ ใช้ไม่ได้แล้ว”ว่า การหาเสียงบางทีก็อาจจะพูดแบบลมพาไปจะไปเตือนนายศุภชัย และได้กำชับลูกพรรคแล้วว่า การหาเสียงของพรรคภูมิใจไทยจะต้องไม่มีการโจมตีพรรคอื่น ต้องพูด แต่เรื่องที่พรรคต้องการสื่อสารกับประชาชนและพรรคจะทำอะไรให้ประชาชน ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น พรรคอื่น ดังนั้นเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ต้องขอโทษในการสื่อสาร ที่ไม่ชัดเจนของตนไปยังลูกพรรค แต่เรื่องนี้จะไม่มีอีกแล้ว”
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ที่ผ่านมาเราก็โดนพรรคอื่นใส่มาเต็มๆ แต่ความจริงหากไม่คิดมาก แบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง แต่ท่าทีของตน คิดว่าความขัดแย้งในบ้านเมือง หรือการพูดถึงคนอื่นในทางที่ไม่ดี มันไม่ใช่สไตล์การทำงานของตน
ลั่นจะไม่ทำอีก-ไม่ใช่เจตนารมณ์ภท.
เมื่อถามว่าต้องทำความเข้าใจกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ก็ขอโทษแทนสมาชิกแล้วไง จะไม่มีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีก ฝากสื่อไปขอโทษ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย ฝากกราบขอโทษด้วย และวันนี้หากเจอ พล.อ.ประยุทธ์ในที่ประชุม ครม.ก็จะเข้าไปขอโทษด้วยตัวเอง
“การขึ้นเวทีปราศรัยบางครั้งมันก็จะมีบทเพลงพาไป ยืนยันว่าไม่ใช่เจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทย และได้ย้ำกับสมาชิกพรรคแล้วว่าห้ามพูดถึงคนอื่น วันนี้ผมจึงออกมาขอโทษแทนสมาชิก”นายอนุทิน ย้ำ
ยันรมต.พร้อมแจงซักฟอกเต็มที่
นายอนุทิน กล่าวถึงท่าทีของพรรคภท.ต่อการอภิปรายทั่วไปตามม.152ที่มีกระแสข่าวว่าพรรคฝ่ายค้านมองว่าพรรคภูมิใจไทย กลัวถูกถล่มว่า“ถามว่าหลบไปแล้วเขาจะสามารถอภิปรายได้หรือไม่ ยิ่งหลบไป ก็ยิ่งไปอภิปรายนอกสภา เราก็ไม่มีโอกาสได้ชี้แจง หรือโต้แย้ง รวมถึงแก้ข้อหาใดๆ ซึ่งยืนยันว่าจะไม่ทำอย่างนั้น โดยเจตนารมณ์การอภิปรายตามมาตรา 152 เป็นการให้คำแนะนำของฝ่ายค้านต่อรัฐบาล
“ขณะนี้เป็นปลายสมัยเขา ก็คงใส่เต็มที่ ซึ่งเราก็จะตอบอย่างเต็มที่ เขาอยากพูดอะไรเขาก็พูด เราอยากพูดอะไรเราก็พูด มันก็เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนทั้งนั้น อย่าไปกังวล”นายอนุทิน ย้ำ
ซัดหลายครั้งข้อมูลไร้ข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่าเวลา 8 ชั่วโมงสำหรับฝ่ายรัฐบาลพอหรือไม่ที่จะชี้แจง นายอนุทินกล่าวว่า หากมีเนื้อหาสาระก็พอ หากมีเรื่องทะเลาะกันไปมา ก็อย่าไปหลงเกมของฝ่ายค้าน เขาจะพูดอะไรห้ามไม่ได้ ดังนั้น จะพูดอะไรต้องมีข้อเท็จจริง เขาจะไม่มีวันรู้มากกว่าเรา เพราะเราเป็นคนทำ เราเป็นคนทำงาน เพราะฉะนั้น การจะพูดถึงผลงาน คนที่ทำงานย่อมจะพูดได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้ทำงาน กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วที่เป็นข้อมูลที่ปราศจากความจริง แต่งเติมเสริมเรื่องเข้ามา รมต.ส่วนใหญ่ก็ตอบได้ ผลจากการลงคะแนนเสียงก็ผ่านอย่างท่วมท้น
“การอภิปรายเป็นบทบาทหน้าที่ของฝ่ายค้าน เราก็ต้องรู้ว่าทำอะไร ก็ต้องชี้แจงไป ในส่วนของกระทรวงต่างๆของพรรคภูมิใจไทย ก็สบายอยู่แล้ว มองว่าหากการอภิปรายเป็นการแนะนำ ก็จะดีมาก เพราะพวกผม เป็นพวกที่ฟัง อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ต่อให้มาจากฝ่ายค้านเราก็รับฟัง การเล่นการเมือง ฝั่งที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือประชาชน”
ชี้แจงตามข้อเท็จจริงในสภาดีที่สุด
เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าหากฝ่ายค้านอภิปรายแล้ว ไม่อยู่รอฟังคำชี้แจง นายอนุทินตอบทันทีว่า “เราไม่ได้ชี้แจงให้ฝ่ายค้านฟัง หากฝ่ายค้านทำแบบนั้นจริงๆก็ชี้แจงกับประชาชน เหมือนที่สื่อถามว่าพรรค ภท.จะนิ่ง หรือจะไม่เป็นองค์ประชุม ฝ่ายค้านไปพูดที่ไหนก็ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น เราก็ไปพูดที่ไหนก็ได้เหมือนกัน แต่ดีที่สุด คือพูดในสภาดีกว่า การพูดในสภา เราได้พูดกับสมาชิก ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล รวมถึงประชาชน ที่พูดมาทั้งหมด คงพูดให้กับประชาชนใช่หรือไม่ คงไม่ใช่แค่ให้ประธานสภาฟัง ย้ำว่าจะชี้แจง อะไรมา ก็พร้อมจะตอบ เพราะไม่ได้ลงมติ”
เมื่อถามว่า การอภิปรายช่วงปลายสมัยมีความกังวลเรื่องคะแนนนิยมหรือไม่ นายอนุทินถามกลับว่ากังวลอะไร เราทำสิ่งที่เป็นคุณงามความดี ไม่เห็นต้องมีอะไรกังวล ไม่ว่าจะพูดอะไรมาก็แล้วแต่ รัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย จะชี้แจงตามข้อเท็จจริง คนทำงานเวลาตอบเรื่องข้อเท็จจริง ไม่ต้องไปนั่งเถียง หรือพาโวยกับใคร พรรคฝ่ายค้าน พูดเรื่องไม่จริง ก็ไม่ต้องไปตอบ
ภท.ร่วมเป็นองค์ประชุมอภิปรายม.152
นายศุภชัย ใจสมุทร สส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แถลงถึงการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่าในส่วนพรรคภูมิใจไทยยืนยันว่าจะเข้าเป็นองค์ประชุมในวันที่ 15 - 16 ก.พ.นี้ ซึ่งการอภิปรายฯตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152ให้เจตนารมณ์คือ การตรวจสอบข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาให้รัฐมนตรีซึ่งประเด็นนี้ ต้องทำความเข้าใจว่า ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา151
ขู่ไม่แน่ ถล่มไม่ไว้วางใจ-พูดซ้ำซาก
“หากการอภิปรายเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เราก็จะร่วมประชุมด้วย แต่หากพบว่าการอภิปรายไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 มีการอภิปรายเหมือนมาตรา 151 หรือนำเรื่องเดิมมาอภิปรายซ้ำ พรรคภูมิใจไทย จะแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย และคงจะต้องมีการประท้วง รวมถึงขอให้นับองค์ประชุม โดยเราจะไม่ร่วมเป็นองค์ประชุม”นายศุภชัย ย้ำ
เรียกร้องวิปรบ.ทำหน้าที่ให้เข้มแข็ง
นายศุภชัย กล่าวว่า วันนี้จะครบวาระสภา4ปีแล้วปรากฏว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่มไปแล้วประมาณ30ครั้ง และการประชุมร่วมรัฐสภาล่มไปแล้ว 2 ครั้ง ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยร่วมเป็นองค์ประชุมและสมาชิกอยู่ครบตลอดมา เราไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้องค์ประชุมล่ม ส่วนที่มีการบิดเบือนว่าเราทำให้องค์ประชุมล่ม เราไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมเพียงแค่ครั้งเดียวเพราะเห็นว่าวิปรัฐบาลทำงานไม่เข้มแข็ง ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ เราจึงเรียกร้องให้วิปรัฐบาล ทำหน้าที่ให้เข้มแข็ง ควบคุมให้พรรคการเมืองต่างๆ อยู่เป็นองค์ประชุมให้ครบ แต่ก็ปรากฏว่าวิปรัฐบาลไม่ได้ทำเรื่องดังกล่าว เราจึงแสดงจุดยืนไม่เป็นองค์ประชุมในสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับการประชุมร่วมรัฐสภาในวันนี้ เราจะอยู่เป็นองค์ประชุมครบแน่นอน
“วิษณุ”ชี้องค์ประชุมล่มขัดจริยธรรม
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯกล่าวถึงกรณีที่เคยระบุจะทำความเข้าใจ ครม.เกี่ยวกับการชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญม.152ว่าได้มีการซักซ้อมอะไรกันนิดหน่อย เรื่องการแบ่งเวลาว่าจะตอบเมื่อไหร่อย่างไร ไม่มีอะไรมาก เพราะไม่รู้เข้าจะพูดอะไร เมื่อถามว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยได้ยืนยันกับนายกฯหรือไม่ว่าจะสั่งการให้ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เป็นองค์ประชุมในการอภิปรายตามมาตรา 152 นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ไม่เห็นเขาพูดอะไร ไม่ทราบจะมีการไปยืนยันกันส่วนตัวหรือไม่ ต้องไปถามนายอนุทิน ซึ่งาในที่ประชุม ครม.ไม่เห็นนายกฯพูดอะไรเมื่อถามอีกว่าหาก ส.ส.มีเจตนาทำให้องค์ประชุมล่มในการอภิปราย 152 จะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า การทำองค์ประชุมล่มไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะการที่องค์ประชุมไม่ครบเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ถ้าเป็นเรื่องจงใจ อาจผิดเรื่องจริยธรรม
จับตาเส้นตายสส.ย้ายพรรค-จุติชูสองนิ้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับในวันนี้ ถือเป็นวันกำหนดเส้นตายของการย้ายพรรคเพื่อหาสังกัดพรรคใหม่ของ ส.ส.จึงมีการจับตาว่าจะมีรัฐมนตรีตัดสินใจย้ายพรรคสังกัดหรือไม่ ช่วงเช้านายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และคณะผู้บริหาร เข้าพบนายกฯเพื่อนำเสนอกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้วันส่งเสริมอินเทอร์เน็ตปลอดภัยแห่งชาติ(Thailand Safer Internet Day)โดยนายจุติได้ปฏิเสธจะตอบคำถามถึงความชัดเจนในการตัดสินใจอนาคตทางการเมือง มื่อผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้วันที่ 7 ก.พ.แล้วจะตัดสินใจทางการเมืองอย่างไร นายจุติได้แต่ยิ้ม พร้อมชูนิ้วโป้ง2ข้างให้กับผู้สื่อข่าว
‘สามมิตร’ชัด‘สุริยะ-สมศักดิ์’อยู่พปชร.
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แกนนำกลุ่มสามมิตร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าว ย้ายพรรคไปเพื่อไทยว่า ตนขอยืนยันว่า ยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐและตนได้ยืนยันกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐไปแล้ว เช่นเดียวกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐซึ่งการที่ตนไม่ได้ให้สัมภาษณ์ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ไม่ใช่หมายความว่าตนจะย้ายพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าการเลือกตั้งครั้งหน้ายังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐแน่นอนใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ถูกต้อง ยืนยันไม่เปลี่ยนใจ ชัดเจนแล้วนะ
‘ปัดข่าวซบพท. ชี้‘อนุชา’ไปรทสช.
เมื่อถามว่า ทำไมจึงมีข่าวว่าจะย้ายไปพรรคเพื่อไทย นายสุริยะ กล่าวว่า ตนก็ไม่ทราบว่ากระแสข่าวดังกล่าวมาจากไหน ยืนยันว่าตนกับนายสมศักดิ์ บอกแล้วว่าไปไหนก็จะไปด้วยกัน คือไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ส่วนนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ
‘อนุชา’ไม่กลัว!เดดไลน์ย้ายซบ’รทสช.’
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความพร้อมจะไปสมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เมื่อไหร่ว่า”เดี๋ยว รอรอสภาก่อน”เมื่อถามว่าไม่กังวลเรื่องกรอบเวลาสังกัดพรรคใหม่ 90วันหากรัฐบาลอยู่ครบวาระ ซึ่งตรงกับวันนี้(7ก.พ.)นายอนุชาโบกมือพร้อมระบุว่า “ไม่กลัว”
เมื่อถามว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ประธานยุทธศาสตร์ พปชร.และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม รองหัวหน้าพรรค พปชร.จะยังอยู่กับพปชร.หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า”ไม่รู้” เมื่อถามอีกว่าไม่รู้หรือไม่บอก นายอนุชา ตอบว่า”ท่านยังอยู่พรรคพลังประชารัฐ อยู่เลย”
‘ลุงป้อม’โบ้ยถาม’สมศักดิ์’ข่าวซบ’พท.’
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าว ภายหลังการประชุม ครม.ถึงกรณีกระแสข่าวกลุ่มสามมิตร จะแยกกันไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมประธานยุทธศาสตร์พรรคพปชร.จะย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย สามารถยืนยันได้หรือไม่ว่า นายสมศักดิ์ ยังอยู่กับพรรค พปชร.ว่า“ก็ไปถามเขาดูสิ”
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะสอบถามนายสมศักดิ์ ถึงข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวว่าเป็นอย่างไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตรได้แต่ยิ้มๆและส่ายหัว โดยไม่ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนขึ้นรถเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลไป
‘สาธิต’ชี้20กพ.ชัดอยู่ไหน-วันนี้อยู่ปชป.
นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณะสุข รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพียงสั้นๆว่า ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ตนจะประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่า จะอยู่พรรคใด แต่วันนี้ยังอยู่ พรรคประชาธิปัตย์
เสี่ยติ่งชี้ 9ก.พ.ชัดเข้าซบรทสช.หรือไม่
นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ)อดีตหัวหน้าพรรคพลเมืองไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวน.ส.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รักษาการหัวหน้าพรรคพลเมืองไทยจะย้ายไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติว่า ยังไม่ทราบ ส่วนที่น.ส.ศิลัมพาขึ้นป้ายหาเสียงนั้น ขอให้รอดูความชัดเจนอีก2วัน ซึ่ง น.ส.ศิลัมพา เป็นส.ส.อยู่แล้ว ส่วนตนนั้นขอให้รอความชัดเจนก่อน วันนี้ยังนึกไม่ออกว่า จะมาทั้งพ่อทั้งลูกหรือไม่ ซึ่งวันนี้ตนได้มาพบนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสมาชิกพรรค รทสช.ยอมรับว่า คุยการเมืองในภาพกว้างๆ ยังไม่ได้มีอะไรชัดเจน ตนและพรรค จะมีการตัดสินใจในวันพฤหัสบดีที่ 9 ก.พ.นี้
หนุน’บิ๊กตู่’ชม‘ซื่อสัตย์ สุจริต จริงใจ’
นายสัมพันธ์ยังระบุว่าส่วนตัวมองพล.อ.ประยุทธ์ยังสามารถเดินหน้าในทางการเมืองต่อไปได้ จากการทำงานที่ผ่านมาเห็นความดีของท่านโดยเฉพาะการทำงานอย่าง ซื่อสัตย์ สุจริต รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มากไม่แพ้คนอื่น พรรคเล็ก ที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เพราะเหตุผลนี้ เห็นการทำงานที่มีความจริงใจ พูดอย่างไร ทำอย่างนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนตรงไปตรงมา มีความซื่อสัตย์ เป็นที่ตั้ง ทำให้นักการเมืองอย่างพวกตน ยึดถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด
‘เอนก’ลั่นพอแล้วขอวางมือการเมือง
นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรครวมพลังประชาชาติไทยได้มีการแต่งตั้งหัวหน้าและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ว่า ส่วนตัวจะยุติบทบาททางการเมือง จะยังคงเป็นสมาชิกพรรคอยู่ยังทำหน้าที่เป็นรมต.รักษาการอยู่ ส่วนเรื่องเล่นการเมือง ตนพอแล้ว แต่จะช่วยบ้านเมืองในตำแหน่งอื่นๆ ซึ่งจะเป็นตำแหน่งไหน จะพิจารณาอีกที
ส่วนเหตุผลที่ไม่อยากไปต่อทางการเมือง นายเอนกบอกว่า พอใจแล้วที่ชีวิตได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ประมาณ 3 ปีที่ได้เป็น รมต.กระทรวงอุดมศึกษาฯก็มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาในหลายๆด้าน คิดว่าได้มีโอกาสเต็มที่แล้วซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดทางการเมือง คือ การทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองและพี่น้องประชาชนได้จริงๆ
‘สุเทพ’ไม่ขวาง-ยังหนุน‘ประยุทธ์’
เมื่อถามถึงที่นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ บุตรชาย สมัครร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายอเนก มีแนวโน้มจะไปช่วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมด้วยหรือไม่ นายเอนก กล่าวว่า ก็ช่วยในฐานะที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีฝีมือ และ ผลงานให้เห็นเป็นประจักษ์ และเป็นที่ส่วนตัวเคยให้การสนับสนุน เมื่อถามว่าเรื่องนี้ได้พูดคุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชาติไทย แล้วหรือยัง นายเอนก กล่าวว่า คุยกันเรื่อยๆก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร เพราะมีการสนับสนุนให้ตนทำสิ่งที่ดีที่สุดเมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์เรื่องการยุติบทบาททางการเมืองหรือไม่ นายเอนก กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์อยากให้ตนมาช่วยประเทศชาติ และบ้านเมืองในทิศทางที่เหมาะสม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี