จับมือเดินหน้านำประเทศไปด้วยกัน
‘บิ๊กตู่’ปลุกคนไทย
สายเลือดเดียวกันต้องไม่ยอมแพ้ใคร
เตรียมทัวร์สุราษฎร์ธานี13ก.พ.นี้
‘สมหวัง-เจ๋ง ดอกจิก’แกนนำนปช.
พลิกขั้วหันซบ‘รวมไทยสร้างชาติ’
‘บิ๊กป้อม’เปิดนโยบายเด็ด‘พปชร.’
ลั่น‘มีเรา ไม่มีแล้ง-มีน้ำ ไม่มีจน’
“บิ๊กตู่” แนะเด็ก ใช้กูเกิ้ล ยกเป็นครูกูฯบ่นเปิดทีวีเจอการเมืองไม่ดูทำปวดหัว ยอมรับเบื่อใช้อำนาจ ย้ำวางยุทธศาสตร์ 20 ปี เป็นสิ่งที่ต้องทำ หวังเยาวชนทำต่อ ตายแล้วเป็นวิญญาณก็จะกลับมาดู ชู “กองทุนหมู่บ้านฯ” ประสบความสำเร็จขอทุกฝ่ายจับมือเดินหน้าปท.ด้วยความรัก ความสามัคคี ปรองดอง“ปลุก” คนไทยมีสายเลือดเดียวกัน เลือดคนไทยที่ไม่เคยยอมแพ้ใครอยู่แล้ว ต้องต่อสู้กันต่อไป เตรียมลุยสุราษฎร์ธานี13 กุมภาพันธ์ ตรวจเยี่ยมบริหารจัดการน้ำ “ธนกร” มั่นใจกระแส “บิ๊กตู่” พุ่งฉุดไม่อยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ภาคใต้แรงสุดเรียกร้องให้อยู่ต่อ
ชูนายกฯซื่อสัตย์-ไม่โกงรทสช.จ่อเปิดนโยบายเร็วๆนี้ เชื่อเลือกตั้งประชาชนเทคะแนนให้ถล่มทลาย “บิ๊กป้อม” พอใจยกระดับจัดที่ดินทำกิน คืบแล้วเกือบ 80,000 ราย ใน 70 จังหวัด ย้ำรบ.จะทำต่อ และกระจายให้ครอบคลุมทุก จังหวัดอย่างสมดุล มุ่งความยั่งยืน “สมหวัง อัสราศี-เจ๋ง ดอกจิก” แกนนำนปช.ตบเท้าเข้ารทสช.เป็นพรรคใช้นโยบายแก้ปัญหาให้ประชาชนได้จริง ตัดพ้อพอแล้วทำการเมืองแบบ “สู้เพื่อเขา เราติดคุก”จนลูกเมียเดือดร้อนไม่มีใครดูแล ไม่หวั่นทัวร์ลง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ห้องประชุมวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “การเป็นยุวทูตคุณธรรมขับเคลื่อนกิจกรรมในการพัฒนาสังคมไทยและสังคมโลก” โดยมี นายดอน ปรมัถต์วินัย รมว.ต่างประเทศ ,นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมงาน
โดย นายกฯกล่าวปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งว่า วันนี้โลกเราเปลี่ยนไปเยอะโลกใบเดิม แต่เป็นเรื่องที่มีเทคโนโลยีเข้ามามากขึ้นและมีปัญหาเยอะแยะมากมาย ทั้งโรคอุบัติใหม่ทั้งเทคโนโลยีและดิจิทัลต่างๆ ฉะนั้นเราต้องปรับตัวของเราให้สอดคล้อง ลุงก็พยามปรับตัวเหมือนกัน เดี๋ยวจะหาว่าคนแก่ไม่รู้เรื่อง เราก็พยามรู้เรื่องของเราในการทำงานและลุงตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มั่นคั่ง ยังยืน มั่นคงในทุกมิติ ไม่ใช่เฉพาะการทำงานอย่างเดียว ทั้งเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงเรื่องของความมั่งคั่ง คือความมั่งคั่งของประเทศ ประกอบด้วยรายได้ของคนทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นรายได้มาก ปานกลาง หรือรายได้น้อย ทำอย่างไรจะอุดช่องว่างตรงนี้ได้ เพื่อให้เดินหน้าไปสู่อนาคตที่ดี
นายกฯ กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญคือความรู้ คุณธรรมและจริยธรรม ผสมเรื่องศาสนาด้วยหิริโอตตัปปะทำอะไรไม่ดี ทำสิ่งชั่วๆ สักอย่าง ต้องมีหิริโอตตัปปะ ความละอาย เกรงกลัวต่อบาป ไม่มีใครรู้ แต่เรารู้ ว่าทำอะไรดีหรือไม่ดี ปกปิดยังไงก็อยู่ในใจเรา ลุงก็พยายามทำอย่างเต็มที่ ที่จะไม่ตกไปตรงนั้น พยายามทดสอบตัวเองอยู่เสมอ ความต้องการต่างๆเราอย่าไปเบียดเบียนคนอื่น อย่าไปทำอะไรที่ไม่สุจริต มันก็สบายใจ มันก็พูดกับใครได้เต็มปาก ไม่ต้องอ๋อมแอ๋มกับใคร การที่เรามีชีวิตอยู่ในวันนี้ลุงรู้ว่ามันไม่ง่าย
เบื่อใช้อำนาจ-ให้ร่วมมือไม่ต้องบังคับ
นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องขวาน เคยพูดแล้วว่า ต้องมีด้ามเราต้องให้ความสนใจภาคใต้ด้วยจะทำอย่างไรให้ ในการบริหารจะทำอย่างไรให้สถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งมันก็ดีขึ้นเยอะแล้ว ขอให้เข้าใจด้วยหลายคนบอกว่า ใช้อำนาจ ลุงก็บอกไปว่า เบื่อการใช้อำนาจ เราอยากได้ความร่วมมือ ไม่ต้องบังคับมีจิตใจที่อยากจะช่วยในการทำงาน เพราะทุกคนคือส่วนหนึ่งในสังคม ไม่ใช่ไปขัดแย้งอะไรกันทั้งหมด มันไม่ได้ แน่นอนต้องมีอะไรที่ไม่ถูกใจเราบ้าง แต่บางเวทีวันนี้ที่ส่งมาถึงลุง ที่ส่งมาถึงรัฐบาลต่อๆไปมันก็ได้ ถ้าเราเปิดตั้งแต่วันนี้ ลุงไม่เคยไปรังเกียจใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะรักลุง ไม่รักลุงก็ช่าง แต่อยากให้รักประเทศไทยของเรา ทั้งนี้ โลกมันเปลี่ยน มีความคิดทั้งของคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่า ไม่ใช่ไม่ทำอะไรเลยมีแผนงานทั้งหมด เพียงแต่จะต้องร่วมมือกัน ลุงไม่โทษใคร เพียงแต่เราต้องช่วยกันเท่านั้นเอง
แนะดูเนื้อหา’กูเกิ้ล’ให้เกิดประโยชน์
“อะไรไม่รู้ก็เข้าไปดูในกูเกิล ลุงเองก็เข้าไปดู อะไรที่จำไม่ได้ก็ต้องไปดู เราเข้าไปดูก็จะรู้ว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ ข้อมูลมันมีทั้งหมดสำหรับครูกู โดยเฉพาะ ถ้าอยากรู้ว่าราชการเป็นอย่างไร สามารถเปิดเข้า ไปดูได้ทุกอย่างมีข้อมูลทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่ ที่ผมเข้าไปดูมักไม่มีใครเข้าไปดู เพราะเป็นเรื่องของวิชาการมากจนคนไม่สนใจ ส่วนใหญ่ไปคิดเร็วๆแบบพวกเรา เจอก็ต้องหาคนรับผิดชอบก่อน เป็นเรื่องที่ถูก แต่ก็ต้องดูว่าเขาทำอะไรกันไปแล้วบ้าง จะต้องมีหลักคิดที่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าทำแล้วจะได้เลยมันไม่ง่ายนักหรอก เราต้องเตรียมตัวสู่โลกใบใหม่ ลุงเองก็พยายามปรับตัวตรงนี้ อย่าหาว่าลุงโบราณ วันนี้ไม่ใช่แล้ว ก็พยายามปรับตัวตรงนี้อยู่ ทุกอย่างขอให้ดูสิ่งที่เป็นประโยชน์ อะไรที่สนุกสนานลุงไม่ว่า เป็นวัยของเรา แต่ก็ให้เปิดกูเกิ้ลดูอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง แม้แต่ในโทรทัศน์ แล้วเป็นเรื่องการเมืองมาก ลุงก็ไม่ดูปวดหัว แต่ดูอะไรที่มีความก้าวหน้า หลายช่องมีเรื่องความรักความสามัคคี การพัฒนาต่างๆมีเยอะไปหมด อะไรที่สร้างแล้วทำให้เป็นภาระคนอื่น มันไม่ใช่ ลุงว่ามันเหนื่อย มันเป็นความทุกข์ที่เราต้องช่วยแก้ ซึ่งรัฐบาลพยายามทำอยู่แล้ว บางทีลุงก็ทำไม่ไหว ถ้าพวกเราไม่ช่วยกัน” นายกฯ กล่าว
ยุทธศาสตร์20ปีตายแล้วจะกลับมาดู
นายกฯ กล่าวอีกว่า ที่ลุงเขียนยุทธศาสตร์ชาติ 20ปี ไม่ใช่จะอยู่ 20ปี แต่ 20ปีเป็นสิ่งที่เราควรจะต้องทำ ให้รัฐบาลต่อไปทำต่อ ถ้าเขาเห็นว่าไม่ดีก็ ให้ปรับเปลี่ยน ที่ลุงพูดมาทั้งหมด ลุงก็คาดหวังว่าถ้าลุงแก่กว่านี้ หรือลุงตายไปแล้ว ลุงก็จะกลับมาดู ไม่รู้เป็นวิญญาณจะกลับมาได้หรือไม่ เพราะพวกสายมู หมอดู หมอเดา เยอะไปหมด ก็ไม่เป็นอะไร นี่คือไทยๆ ของเรา เพราะฉะนั้น ต้องกลับมาดูของเรา นี่คือเยาวชนของชาติที่เป็นอนาคตและต้องการคนดี คือทำเพื่อคนอื่นและทำเพื่อเขาด้วย ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน อยู่ภายใต้กฎหมายที่เป็นธรรม มันเหมือนกันทุกคน ถ้าไม่ทำผิดก็ไม่โดน ก็ลงโทษไม่ได้ หากเราไม่เคารพกฎหมายต่างคนต่างไม่เคารพ มันก็ตีกันหมดนี่แหละ กฎหมายที่มีนี่คือความเท่าเทียมกันคือเรื่องโอกาสและการอยู่ภายใต้กฎหมายอันเดียวกัน ฉะนั้นมันมีผลกระทบอย่างอื่นไม่ได้ มันมีอยู่แค่นี้ ถ้าผิด ไม่ผิดก็ไปต่อสู้กันตามกระบวนการยุติธรรมเท่านั้นเอง ไม่ใช่เกลียดใคร ไม่ชอบใคร ตนว่ามันไม่ใช่ มันอยู่ที่ส่วนประกอบหลายอย่าง สิ่งสำคัญนอกจากเป็นคนดี คนเก่งและต้องเป็นคนที่มีคุณภาพ คือมีประโยชน์ต่อสังคม ครอบครัว ไม่ใช่มองอะไรแล้วติติงไปหมด หาคนว่า หาคนรับผิดชอบ
อ้อนให้ฮักกัน-คนอีสานเหมือนกัน
ในช่วงท้ายตัวแทนจากสภาฯเยาวชนได้กล่าวขอบคุณพร้อมกล่าวคำผญาว่า”พี่น้องเอ๋ย ให้เฮาฮักกัน คือข้าวเหนียวนึ่งใหม่ อย่าสิเทแตกม้าง คือ น้ำถืกข้าวเหนียว”(แปลว่าขอให้รักกันอย่างหอมหวานเหมือนกับข้าวเหนียวที่นึ่งใหม่ อย่าปล่อยให้เกิดความแตกแยกเหมือนน้ำที่ถูกข้าวเหนียว จะแยกออกเป็นเม็ดๆ)ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์กล่าวขอบคุณพร้อมย้ำอีกครั้งว่า”ผมก็เป็นคนอีสานเหมือนกัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการปาฐกถาวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามปรับการพูดของตัวเอง จากที่ผ่านมาจะแทนตัวเองว่านายกฯ แต่วันนี้พยายามแทนตัวเองว่า”ลุง”ซึ่งนอกจากจะเป็นการมาพูดกับเยาวชนแล้ว ส่วนหนึ่งทางทีมงานและพล.อ.ประยุทธ์เอง เกรงว่าจะติดปากในการแทนตัวเองว่านายกฯช่วงที่ลงพื้นที่หาเสียง แล้วจะผิดกฎหมายเลือกตั้ง
ชู’กองทุนหมู่บ้านประสบความสำเร็จ
เวลา 15.00น.ที่ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ก้าวสู่ทศวรรษที่3กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง” โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดงานตอนหนึ่ง ว่า ดีใจที่ได้มาพบกับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านทุกคน วันนี้ถือเป็นการพูดกับประชาชน เพราะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการทำงานของโครงการ วันนี้สิ่งที่เราต้องการคือทำให้ประเทศไทยเดินหน้าไปให้ได้โดยพวกเราทุกคน วันนี้มาแสดงความยินดีและมาติดตามผลงานตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อทำให้ประชาชนทุกคนมีรายได้ที่สูงขึ้น ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมซึ่งมี 6 ยุทธศาสตร์ ดังนั้นถ้าเราไม่มียุทธศาสตร์เราก็เดินหน้าเปะปะไปหมด เราต้องลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม สร้างรายได้ ลดรายจ่าย
ปลุกคนไทยรักสามัคคีเดินไปด้วยกัน
“ไม่มีใครทำความสำเร็จได้เพียงคนเดียว ผมคนเดียวก็ทำไม่ได้ ทุกคนต้องร่วมมือรวมกลุ่มกันและช่วยกันทำในสิ่งที่ดีงาม ซึ่งจะส่งผลถึงทุกคน ไม่ใช่ส่งผลแค่ตนคนเดียว เราต้องเดินหน้าไปด้วยกัน จับมือกันเดินโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำให้ได้ คือทำให้ระดับฐานรากโตขึ้นในทุกมิติ เพื่อพัฒนาประเทศให้มีความเจริญมั่นคง สิ่งสำคัญคือความรัก ความสามัคคี ความปรองดอง เราอย่าทำให้มีปัญหาระหว่างกัน ประชาชนกับประชาชนต้องรักกัน อยู่บนพื้นฐานของความผูกพันของความรัก ความสามัคคี สายเลือดเดียวกัน เลือดคนไทยที่ไม่เคยยอมแพ้ใครอยู่แล้ว เราต้องต่อสู้กันต่อไปเพื่อประเทศชาติอันเป็นที่รักของเรา เพื่อความสุขและประโยชน์ของคนไทยทุกคน ส่งต่อถ่ายทอดไปสู่ลูกหลาน ถ้าเราไม่ทำแบบนี้แล้วใครจะทำ แล้วลูกหลานของเราก็จะมาเจอปัญหาเหมือนเดิม ทุกอย่างอยู่ที่พวกเราจะช่วยกันอย่างไร เพราะฉะนั้นลูกหลานจะดูแลได้ส่วนหนึ่งก็คือจากกองทุนหมู่บ้านจะต้องเข้มแข็งมีรายได้มากขึ้นไม่เช่นนั้นสังคมก็จะมีปัญหาขอฝากทุกคนไว้ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
จากนั้นนายกฯได้เดินเยี่ยมชมบูธภายในงาน โดยมีประชาชนและผู้ร่วมงานตะโกนบอกนายกสู้ๆ ทั้งนี้ นายกฯได้ร่วมชิมขนมในแต่ละบูธ พร้อมชมว่าอร่อยเกือบทุกร้าน และพูดคุยกับชาวบ้านภายในงานอย่างอารมณ์ดี ซึ่งนายกฯได้ร่วมโพสต์ท่าY2K ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นขณะนี้ ซึ่งเมื่อนายกฯเดินทางถึงบูธโคล้านตัว นายกฯได้เข้าไปลูบหัว และเขกหัววัวด้วยความเอ็นดู ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นงานก่อนเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายกฯว่าเมื่อกี้แสดงท่าอะไรระหว่างการเยี่ยมชมบูธ โดยนายกฯตอบว่าY2K
เปิดกำหนดการเยือนสุราษฎร์13 ก.พ.
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม มีกำหนดการปฏิบัติราชการในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ในวันที่ 13กุมภาพันธ์2566 เวลา 13.30น.นายกฯและคณะ ออกเดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร2 กองบิน6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ไปยังท่าอากาศยานทหารกองบิน7 ต.มะลวน อ.พุนพิน โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ จากนั้นนายกฯเดินทางต่อไปยังวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร ตำบลเวียง อำเภอไชยา เพื่อสักการะบูชาพระบรมธาตุไชยา นมัสการพระครูพิทักษ์เจติยานุกูล เจ้าคณะอำเภอไชยา รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร เสร็จแล้วนายกฯเดินทางไปที่ว่าการอำเภอไชยา เขตเทศบาลตำบลตลาดไชยา เพื่อตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำ การแก้ไขปัญหาอุทกภัยพื้นที่อำเภอไชยา และปัญหาที่ดินทำกิน
“การลงพื้นที่ในครั้งนี้ นายกฯต้องการไปตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำ การแก้ไขปัญหาอุทกภัยพื้นที่อำเภอไชยา และปัญหาที่ดินทำกิน รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมถึงศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยใช้พระเพณีการเล่นว่าวของจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว และของดีจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้เป็นที่รู้จัก หวังให้เป็น Soft power สร้างแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้เข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น และเพื่อส่งเสริมกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับชุมชน ท้องถิ่นและจังหวัดสุราษฎร์ธานี” นายอนุชา ระบุ
‘ธนกร’มั่นใจกระแส’บิ๊กตู่’พุ่งทั่วไทย
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า วันนี้มั่นใจว่ากระแสนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมนั้น นับวันก็ยิ่งดีวันดีคืน จากการลงพื้นที่พบว่า ทุกพื้นที่ทั่วประเทศกระแสนายกฯ พุ่งขึ้นทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้เสียงตอบรับของพี่น้องคนใต้ถือว่าแรงมาก เพราะภาพลักษณ์ของคนที่จะมาเป็นนายกฯ ในสมัยหน้านั้น ประชาชนมองว่าสำคัญที่สุดคือต้องซื่อสัตย์ ไม่โกง สานต่อนโยบายของรัฐบาลทุกนโยบายที่โดนใจประชาชน ซึ่งที่ผ่านมานายกฯพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า มุ่งมั่นกับการทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนมากกว่าการตอบโต้ทางการเมือง และเด็ดขาดกับการทุจริตคอร์รัปชันขนาดไหน เชื่อว่ายิ่งใกล้ถึงวันเลือกตั้งพรรครทสช.จะยิ่งได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน เพราะการบริหารประเทศช่วงที่ผ่านมาของ พล.อ.ประยุทธ์ มีผลงานชัดเจน จับต้องได้ เป็นรูปธรรม ขณะที่ระบบการจัดการภายในพรรคที่ดีมาก ยิ่งจะส่งเสริมให้พรรคได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากยิ่งขึ้นด้วย คาดว่าพรรคจะเริ่มทยอยเปิดนโยบายของพรรคในเร็วๆ นี้ มั่นใจว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของคนทั้งประเทศอย่างแน่นอน พร้อมจะมีการปราศรัยทั่วประเทศ
ยันนโยบายตรงใจปชช.สำคัญที่สุด
“เชื่อว่าวันนี้หากมองด้วยความเป็นกลางจะเห็นตรงกันว่า จุดแข็งของนายกฯ คือ ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เท่าที่ฟังกระแสเรียกร้องของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่างๆ นั้น ต่างเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อ แสดงให้เห็นว่า ประชาชนยังให้การสนับสนุนท่านนายกฯ อยู่ เพราะอย่าลืมว่า วันนี้ประชาชนเข้าใจกับคำว่าประชาธิปไตยมากขึ้น เข้าใจว่าทุกพื้นที่ทั่วประเทศประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของ ไม่มีใครเป็นเจ้าของพื้นที่ได้ตลอด ดังนั้น การเลือกตั้งสมัยหน้าจึงเป็นเรื่องที่ทุกพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคใหญ่ พรรคกลาง หรือพรรคขนาดเล็ก จะต้องแข่งขันกันที่นโยบาย รวมถึงการลงพื้นที่รับฟังปัญหาอย่างใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนเพื่อนำมาจัดทำเป็นนโยบายพรรคเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่จะเป็นสิ่งจูงใจให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจลงคะแนนให้” นายธนกร ระบุ
‘สมหวัง- เจ๋ง’พลิกขั้วเข้าพรรค’ลุงตู่”
ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายสมหวัง อัสราษีและนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก อดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือนปช.เดินทางมายื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นตัวแทนต้อนรับพร้อมสวมเสื้อพรรคให้กับทั้งสองคน นายสมหวัง ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่ตัดสินใจมาร่วมงานกับ รทสช.ว่า ตนได้ตัดสินใจมายื่นใบสมัครเป็นสมาชิก เพราะคิดมานาน ได้เห็นการทำงานและติดตามข่าวพรรคมาตลอด เห็นว่าพรรคนี้ทำเพื่อประเทศชาติ ไม่มีอะไรแอบแฝงซ่อนเร้น ตรงกับอุดมการณ์ของตน ทำให้คิดว่า พรรคนี้ช่างแตกต่างกับที่เคยอยู่มาในอดีต ซึ่งถือเป็นความภูมิใจและยินดีที่เข้ามาเป็นสมาชิกรวมไทยสร้างชาติ รับรองว่าจะให้ความร่วมมือในการทำงาน ถ้ามีโอกาสจะทำให้ดีที่สุด อุดมการณ์ของตนคือ มีหัวใจสามสี คือขาว น้ำเงิน แดง ไม่ว่าจะอยู่ นปช.หรืออะไรก็ตามแต่ ก้นบึ้งหัวใจของตนเป็นแบบนี้มาตลอด
ไม่เคยแตะสถาบัน-ขอเดินตาม’บิ๊กตู่’
“ในการปราศรัยบนเวที ผมไม่เคยแตะต้อง หรือพูดถึงสถาบันฯเลย ใครจะพูดอะไรก็พูดไป หากไม่อยากฟัง ผมจะเดินหนี แต่วันนี้ที่ได้มาอยู่ตรงนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจ วันนี้พร้อมทุกเวลาที่จะลงสมัครในนามพรรคที่ชอบ ผมเห็นการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เสียสละ แม้จะเกษียณอายุแล้วแต่ยังอุทิศตัวมาทำงาน ผมก็อยากจะเดินตามรอยแบบเดียวกับท่านนายกฯเช่นกัน”นายสมหวัง กล่าว
เลิกแตกแยก-แบ่งขั้ว-ปท.เดินไปไม่ได้
ด้าน นายยศวริศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนมีแนวความคิดที่อยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งตลอดกว่า 10ปี จนมาถึงวันนี้เห็นแล้วว่า บ้านเมืองไม่ควรมีความแตกแยกอีกต่อไป ทุกคนต้องหันหน้าเข้ามาสามัคคีกัน ไม่มีแดง ไม่มีเหลือง ไม่มีนกหวีด หรือพันธมิตรฯแต่ต้องหันหน้ามาพัฒนาประเทศ ไม่เช่นนั้นจะเสียเวลาทำให้บ้านเมืองพัฒนาไปไม่ได้ ที่ผ่านมาตนลงพื้นที่พบประชาชนต่อเนื่อง ได้เห็นว่าชาวบ้านมีความเจ็บปวด แต่ละจังหวัดมีปัญหาอยู่แล้วทั้งเรื่องที่ดินทำกิน ค่าครองชีพ สินค้าแพง ดังนั้นสิ่งที่จะแก้ปัญหาได้ก็คือ พรรคการเมืองที่อยู่ในฟากรัฐบาลที่จะต้องนำเสนอนโยบายเพื่อนำไปแก้ปัญหาให้กับประชาชน
พอกันทีอดีต’สู้เพื่อเขา แต่เราติดคุก’
เจ๋ง ดอกจิก กล่าวต่อว่า จากที่ตนติดตามพรรครวมไทยสร้างชาติมาตลอด ได้เห็นแล้วว่า พรรครวมไทยสร้างชาติน่าจะได้เป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลในครั้งหน้า โดยพิจารณาจากหลายปัจจัยไม่เพียงแต่ดูที่ผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นแคนดิเดตนายกฯคนเดียวเท่านั้น แต่ดูในภาพรวมอื่นๆ โดยเฉพาะพรรคนี้เป็นศูนย์รวมของนักการเมืองที่มีคุณภาพและเป็นประชาธิปไตย เชื่อว่าจะทำประโยชน์ให้บ้านเมืองและประชาชนได้มาก จึงตัดสินใจมาสมัครร่วมงานด้วย“ผมคิดว่าสิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ การที่ต้องหาจุดยืนที่มั่นคงให้กับตัวเอง การเดินหน้าต่อสู้แบบ“สู้เพื่อเขา เราติดคุก”ที่เคยทำมาแบบเดินเข้าออกคุกหลายรอบ เป็นบทเรียนแล้วว่าไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไรกับผมและครอบครัว สู้เพื่อเขา แต่เวลาอับเฉาเราไร้คนดูแลสำหรับผมเพียงพอแล้ว เมื่อเขาเห็นมูลค่าผมและชวนมาร่วมงาน ผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง”
ลั่นอย่ากล่าวหากัน-ไม่มีกินกล้วย
นายยศวริศ กล่าวด้วยว่า การมาสมัครเข้าร่วมงานกับพรรครทสช.อาจจะมีทัวร์ลง คงต้องทำที่ไว้จอดรถทัวร์มากๆ แต่อยากอธิบายว่าตนไม่ได้เอาอุดมการณ์มาเป็นเครื่องพันธนาการตัวเอง ต้องจงรักภักดีต่อพรรคการเมืองฝั่งเดิมอยู่ตลอดเวลา จนขยับไปไหนไม่ได้ การพูดว่า ทรยศ อุดมการณ์เปลี่ยน กินกล้วย เหล่านี้ตนคิดว่า เป็นการกล่าวหากัน เพราะคนเรามีอุดมการณ์แต่ไม่ใช่เอาอุดมการณ์มาพันธนาการตัวเองจนขยับขยายไปไหนไม่ได้ คิดว่าทุกอย่างทำได้หมด ขยับขยายได้หมด ไปได้ทุกทิศทุกที่ที่มีประโยชน์ต่อประชาชนและต่อตัวเรา ไม่ใช่ว่าเดินหน้าบ้าอย่างเดียว ลูกเมียจะเดือดร้อน คนข้างหลังเดือดร้อน
“ผมขอฝากไปยังบริษัททัวร์ทั้งหลายที่จะมาจอดที่หน้าบ้านผมว่า เปลี่ยนสี เปลี่ยนกลิ่น เปลี่ยนทิศ เปลี่ยนทาง เปลี่ยนอุดมการณ์ อย่านะครับ ผมมีอุดมการณ์เหมือนเดิม แต่พรรคไหนที่ทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ ผมสนับสนุนทั้งสิ้น และอยากให้ทุกคนช่วยกันเสริมสร้างให้ประชาธิปไตยเดินไปข้างหน้า ไม่มีว่าฝั่งเผด็จการแล้ว ฝั่งประชาธิปไตย เหล่านั้นคือคำครหา ขอให้ประชาชนทั้งที่เคยร่วมงานกับผมหรือเป็นแฟนคลับได้เข้าใจว่า ผมได้มาถูกทิศถูกทางแล้ว” นายยศวริศ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคลทั้งสองที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรครทสช.ครั้งนี้ เป็นบุคคลสำคัญของนปช.หรือคนเสื้อแดงที่ใกล้ชิดกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช.เคลื่อนไหวเคียงบ่าเคียงไหล่กับ นายจตุพร มาโดยตลอด ถึงขั้นต้องเข้าคุกมาแล้ว สำหรับ นายสมหวัง หรือเฮียหวัง ถือเป็นนายทุนคนสำคัญของคนเสื้อแดง อดีตเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รมช.พาณิชย์ (นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ)
แฉเจอรีดภาษี572ล้าน-จนล้มละลาย
นายสมหวัง เคยระบายความในใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 4ตุลาคม2562ว่า“ใครไม่โดนกับตัวเองจะไม่รู้ว่าหนักแค่ไหนแบบเดียวกับผม ผมอยู่ นปช.มีแต่ใจเกินร้อยกับพี่น้อง แต่หารู้ไม่ว่า ตัวเองกำลังมีชะตากรรมที่ต้องแบกรับแทนคนอื่น สามเกลอ (นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) ใช้ผมไปเปิดบัญชี เพื่อรับเงินบริจาคและกิจกรรมอื่นๆ โดยที่พวกเขาไม่ยอมใช้ชื่อตัวเองไปเปิดบัญชีรองรับเงิน เพราะเขารู้ว่าจะถูกสรรพากรประเมินเสียภาษี ทั้งหมดนี้ผมโดนสรรพากรเรียกเก็บภาษีจากเงินเหล่านี้572ล้านบาท จะเอาที่ไหนไปจ่าย ก็เลยโดนฟ้องล้มละลาย ตอนนี้โดนอายัดทรัพย์อายัดบัญชี เหลือแต่ตัว เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่สามารถทำอะไรได้เลย นี่คือสมหวัง อัสราษี ผมมันโง่เอง รักพวกจนไม่คิดถึงชีวิต และอนาคตตัวเอง บทเรียนที่แสนแพงในชีวิต ฉิบหายทั้งตระกูล เพียงเพราะคำว่าเพื่อน”
นอกจากนั้น นายสมหวังยังเป็นเจ้าของธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อมิซูชิต้า ในชื่อ บริษัท สแกนเนอร์ อิเลคทริค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนวันที่ 19 ส.ค.2539 ทุนเริ่มแรก 1ล้านบาท ปัจจุบัน 45ล้านบาท แต่ได้โอนหุ้นให้ นายสราวุทธิ อัสราษี ลูกชายไปหมดแล้ว เมื่อวันที่ 11มิถุนายน 2556 ส่วนการเรียกเก็บภาษีจากกรมสรรพากร เป็นการเรียกเก็บจากบุคคลธรรมดาที่ค้างชำระภาษี จากการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง (รับเงินบริจาค) ในอดีต มิได้เกี่ยวข้องกับบริษัท มิซูชิต้า แต่อย่างใด
‘บิ๊กป้อม’พอใจยกระดับจัดที่ดินทำกิน
เวลา 09.00น.ที่อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการสัมมนา“สานพลังยกระดับการขับเคลื่อนการบริหารจัดการที่ดิน”ในโอกาสครบรอบ2ปี สคทช.โดย พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า รัฐบาลมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและพอใจการขับเคลื่อนแก้ปัญหาจัดการที่ดินและขอบคุณ สคทช.ที่ขับเคลื่อนแก้ปัญหาที่ดินมีความก้าวหน้าเป็นรูปธรรมมาเป็นลำดับ ตั้งแต่ ปี 2558 จนถึงปัจจุบันโดยสามารถเข้าถึงพื้นที่เป้าหมายไปแล้ว จำนวน 1,491 พื้นที่ เนื้อที่ประมาณ 5.7ล้านไร่ ครอบคลุม 70 จังหวัด และสามารถจัดคนเข้าใช้ประโยชน์ให้ได้มีที่อยู่อาศัย มีที่ดินทำกิน เลี้ยงชีพได้แล้ว78,109ราย รัฐบาลจะทำต่อไป ละจะกระจายการแก้ปัญหาที่ดินอย่างสมดุล เป็นกลางด้วยการบูรณาการร่วมกัน ที่เน้นสานความยั่งยืนบนฐานข้อมูลเดียวกันให้ครอบคลุมทุกจังหวัดเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมให้ผู้ไม่มีที่ดินทำกินไปพร้อมกัน
คิกออฟนโยบาย ที่ดินทำกิน-จัดการน้ำ
ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดทำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ โดยที่ประชุมพิจารณาร่างนโยบายพรรค เรื่องการแก้ไขปัญหาความยากจน ปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง เพื่อมอบหมายผู้รับผิดชอบ จัดทำรายละเอียดแผนดำเนินการ จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ และจัดทำข้อมูลเตรียมการปราศรัยนโยบาย
พล.อ.ประวิตร แถลงว่า เราทำเรื่องที่ดิน คทช.โดยจัดซื้อที่ดินเพื่อนำไปแจกจ่ายให้ประชาชนต่อเนื่องกว่า5หมื่นไร่ เพื่อนำไปให้ประชาชนที่ยากจน สำหรับอยู่อาศัยปลูกบ้านกว่า 2หมื่นหลัง การดูแลปัญหาเรื่องที่ดินเป็นเรื่องซับซ้อน ต้องช่วยดูแล รวมถึงกรณีบุกรุกป่า ฉวยโอกาส นำไปเอื้อประโยชน์นายทุน ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับทุกคน จากวันนี้จะเร่งรัดให้ทีมงานที่ได้รับมอบหมายไปทำให้บรรลุเป้าหมายและให้ผู้สมัครทุกเขตเลือกตั้ง ชี้แจงให้ประชาชนทราบ เพราะการสร้างการรับรู้เรื่องที่ดินค่อนข้างยาก ต้องชี้แจงให้ชัดเจนให้ทุกคน โดยเฉพาะคนยากจน มีสิทธิ์ในที่ดินทำกิน
ประกาศ’มีเรา ไม่มีแล้ง-มีน้ำ ไม่มีจน’
“วันนี้เราเปิดเรื่องน้ำ มีเราไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจนและส่วนนโยบายเรื่องที่ดิน คือ มีเรามีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน โดยผู้สมัครจะไปชี้แจงให้ประชาชนรับทราบว่าเป็นนโยบายหลักของพรรค ที่จะทำให้ประชาชน เราต้องการทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ประชาชนมีความยากจน ให้ประชาชนหายจนสรุปคือมีเราไม่มีจน มีพรรคพลังประชารัฐจะไม่มีคนจนในประเทศ ยืนยันว่าจะทำให้ประชาชน 20 ล้านคนหายจากความยากจนจากการดำเนินการของพรรคพลังประชารัฐ”พล.อ.ประวิตร กล่าว
ชาวบ้านอวยพรให้เป็นนายกฯคนที่30
จากนั้นได้มีการเปิดโอกาสให้ตัวแทนเกษตรกรจากจ.นครราชสีมา และจ.ชัยภูมิ เข้ามาร่วมรับฟังนโยบายเรื่องที่ดินและน้ำ และมอบพืชผลเกษตรที่เตรียมมา และผูกผ้าขาวม้าให้กับ พล.อ.ประวิตร เป็นที่ระลึกและอวยพร พล.อ.ประวิตร ขอให้เป็นนายกฯคนที่30 เป็นที่รักของประชาชน”ทำให้ พล.อ.ประวิตร ยิ้มตอบคำอวยพร
พรรคพปชร.เน้นเรื่องน้ำ-ที่ดินทำกิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายละเอียดนโยบาย2เรื่อง คือ เรื่องน้ำ พรรคสานต่อนโยบายการบริหารจัดการน้ำ เติมน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ เพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำ แหล่งน้ำสำรองและแหล่งน้ำทางเลือก แก้ปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมซ้ำซาก จัดทำผังน้ำชุมชน จัดระเบียบทางน้ำทั่วประเทศ ยกระดับการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำ พร้อมเผชิญภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ส่วนนโยบายจัดที่ดินทำกิน จะสานต่อให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยและที่ทำกินด้วยการปฏิรูประบบที่ดิน คืนที่ทำกินให้ประชาชน โดย เร่งรัดออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทุกประเภท เปลี่ยน สปก.เป็นโฉนด จัดที่ดินของรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้คนไร้ที่ทำกินกว่า 2ล้านราย ยกระดับธนาคารที่ดิน ตั้งศูนย์พิสูจน์และคุ้มครองสิทธิประชาชน ชะลอดำเนินคดีและนิรโทษกรรมความผิดเกี่ยวกับที่ดินและสังคายนากฎหมายที่ดินทั้งระบบ เพื่อใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างคุ้มค่าสูงสุดรองรับการพัฒนาประเทศ ละคืนความยุติธรรมให้ประชาชนอย่างเท่าเทียม
‘วิรัช’มั่นใจพปชร.นโยบายเป็นที่ยอมรับ
นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า วันนี้พรรคได้เปิดอบรมว่าที่ผู้สมัครรุ่นที่7 โดยครั้งนี้เน้นเรื่องการสื่อสารและการลงพื้นที่พบปะประชาชน โดยเฉพาะการนำนโยบายหลักของพรรค เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน ในสิ่งที่พรรคต้องการช่วยเหลือ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกด้าน ซึ่งขณะนี้ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พปชร.ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเรื่องการเพิ่มเงินสวัสดิการประชารัฐเป็น 700 บาท หรือที่ใช้แคมเปญว่า “ป้อม700” ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรค ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และยังมีนโยบายด้านอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างรายได้ สร้างอาชีพที่มั่นคง ให้กับประชาชนในทุกมิติ
นายวิรัช กล่าวต่อว่า พรรคยังแนะแนวทางสร้างกำลังใจให้กับว่าที่ผู้สมัคร สส.ถึงสถานการณ์การแข่งขันการเลือกตั้งที่จะมาถึง ในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องแลนด์สไลด์ ที่ไม่อยากให้เกิดความกังวลใจในการลงพื้นที่ของผู้สมัคร เพราะการเกิดแลนด์สไลด์ ขึ้นอยู่กับเสียงประชาชน ไม่ได้เป็นข้อสรุปที่จะตัดสินใจให้กับประชาชนสำคัญที่สุดคือการทำนโยบายเข้าถึงประชาชนและได้ประโยชน์จริงหรือไม่ ซึ่งเรามั่นใจว่า พรรคมีนโยบายที่ดีและเป็นที่ยอมรับของประชาชนอย่างแน่นอน
เตือนหาเสียงให้ระวังข้อกฎหมาย
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาเสียงต้องระมัดระวังในเรื่องของข้อกฎหมาย เพื่อไม่ให้ผิดกติกาในการหาเสียง ขณะเดียวกันต้องมีความระมัดระวังใช้คำปราศรัยที่อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งได้ และเป็นข้อฟ้องร้องตามมา อาจทำให้เกิดผลกระทบในแง่ของการตัดสิทธิ์ ซึ่งพรรคเราเน้นการก้าวข้ามความขัดแย้ง ตามนโยบายของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคที่ให้ความสำคัญ เพราะการบริหารบ้านเมือง ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไป” นายวิรัช กล่าว
‘ธรรมนัส’ลืมอดีต-ดัน’ลุงป้อม’นายกฯ
ที่พรรคพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรค พปชร.ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะกรรมการจัดทำนโยบายของพรรคที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.เป็นประธาน ว่า วันนี้เข้ามาพรรคครั้งแรกหลังถูกขับออกและไม่ได้เข้ามาในรอบ 1ปี ยอมรับว่าคิดถึงบ้านเก่าและผูกพัน เมื่อกลับมาครั้งนี้ยังอบอุ่นเหมือนเดิม โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาถือว่าเป็นคนของพรรคพปชร.ที่ผ่านมาไม่ใช่คนหาเรื่องคนและนโยบายของพล.อ.ประวิตร คือก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้นอะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้ผ่านให้ผ่านไปกับปีเก่า เริ่มต้นใหม่ทุกเรื่องทุกประเด็น
ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจว่า รอบนี้ พปชร.จะสร้างนายกฯได้อีกครั้ง หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ทุกพรรคหวังว่าพรรคตัวเองจะสามารถทำได้ เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจจะผลักดันให้พล.อ.ประวิตร เป็นนายกคนที่ 30 ได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า จะพยายามผลักดันให้มาเป็นผู้นำของประเทศ ในสถานการณ์บ้านเมืองอย่างนี้ พล.อ.ประวิตร เหมาะสมที่สุด ถามว่า จะดีลกับบางพรรคการเมืองหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เร็วไปที่จะพูดเรื่องนี้ ตอนนี้ขอทำให้สมาชิกกลับมาเป็นส.ส.ให้มากที่สุดก่อน
ไม่ขอวิจารณ์’บิ๊กตู่’ลุ้นชิงนายกฯ
เมื่อถามย้ำว่า จะลืมอดีตและทำงานร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ยืนยันว่า ไม่คิดจะทะเลาะกับใคร ต้องการทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ประเทศและประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การได้มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตของพรรค รทสช.ถือเป็นบวก หรือลบ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อย่าไปวิจารณ์ เอาเป็นว่า เราสนับสนุน พล.อ.ประวิตร
‘สุชาติ’ย้ำอยู่กับ‘บิ๊กตู่’สยบลือเข้า’ปชป.’
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวเตรียมยกทีม ส.ส.ชลบุรีและส.ส.ในกลุ่ม เข้าสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ว่า ไม่เป็นความจริง ยืนยันตนยังคงอยู่เคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ ตามที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ไม่มีเปลี่ยนแปลง และเตรียมสู้ในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯอีกสมัย กระแสข่าวที่ออกมาคาดว่าเกิดจากการพูดเล่นไปมาระหว่างผมกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคปชป.ซึ่งมีความสนิทสนมกัน ยืนยันผมไม่ได้มีความขัดแย้งใดๆกับแกนนำบางส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้งนี้ จะทำการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ชลบุรี และว่าที่ผู้สมัคร สส.ภาคตะวันออก ตะวันตกและภาคกลาง ที่ตนรับผิดชอบดูแล หลังปิดสมัยประชุมสภาฯวันที่ 28กุมภาพันธ์นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี