"นฤมล"แถลงน้ำตาคลอ ลั่นขอสละปาร์ตี้ลิสต์ ชี้พปชร.ต้องผลัดใบ เปิดทางคนรุ่นใหม่ทำงาน ยันยังอยู่พปชร.เพราะทำให้แจ้งเกิด ปัดไม่น้อยใจ-ไม่กดดัน-ไม่ขัดแย้ง เผย"บิ๊กป้อม"ไฟเขียว-ไม่ทักท้วง ย้ำไม่กลับคำแม้ผู้ใหญ่พิจารณาลำดับใหม่
เมื่อเวลา 09.50 น.วันที่ 24 มีนาคม 2566 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวทิศทางการทำงานการเมืองกับพรรค พปชร.ว่า พรรค พปชร.มีบุคลากรคุณภาพจำนวนมาก ทั้งผู้ที่ร่วมก่อตั้งพรรคมาตั้งแต่ปี 2561 ผู้ที่เข้ามาร่วมพัฒนาพรรคระหว่างทาง และผู้ที่เพิ่งเข้ามาร่วมงานกับพรรค ทุกคนต่างมีความสามารถที่หลากหลายอันเป็นประโยชน์ต่อพรรค และต่างมีความตั้งใจที่จะทำสิ่งที่ดีให้กับพี่น้องประชาชน
นางนฤมล กล่าวว่า สำหรับตนเองมีความตั้งใจมาทำงานการเมือง เพราะปรารถนาที่จะตอบแทนพระคุณแผ่นดินไทย โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่เสียภาษีส่งให้ตนได้เรียนต่อต่างประเทศ ทำให้เด็กยากจนคนหนึ่งที่ต้นทุนชีวิตต่ำมาก ได้มีโอกาสที่ดีในชีวิตมากมาย ตนได้รับโอกาสจากพรรคให้ได้เข้ามาทำงานการเมือง จึงตัดสินใจลาออกจากราชการ ด้วยความหวังและความตั้งใจที่จะนำความรู้และประสบการณ์ที่มีมาทำประโยชน์ตอบแทนผู้มีพระคุณ ซึ่งคือพี่น้องประชาชน
"การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แหม่มได้รับโอกาสจากผู้บริหารพรรคให้ได้ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 5 เป็นผู้หญิงคนเดียวใน 10 ลำดับแรก โดยที่ไม่ได้ร้องขอจากท่านใดเลย แต่เป็นความเมตตาล้วนๆ ของผู้บริหารพรรค ณ ขณะนั้น ที่เห็นเราทุ่มเททำงานให้พรรคตั้งแต่ยังตั้งไข่เมื่อมกราคม 2561 ทั้งที่แหม่มเป็นหน้าใหม่ทางการเมือง ไม่ใช่เด็กบ้านใหญ่ ไม่เคยลงสมัครรับเลือกตั้งมาก่อน ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ แหม่มจึงอยากเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ทางการเมืองได้เข้ามาอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับต้นๆ บ้าง หากเราที่เคยได้รับโอกาสมาแล้ว ไม่เสียสละ คนใหม่ๆ ก็จะแทบไม่มีโอกาสที่จะได้ขึ้นมา จึงได้แสดงความจำนงต่อคณะกรรมการสรรหาและผู้บริหารพรรคว่าขอสละสิทธิที่จะได้รับการเสนอชื่อในบัญชี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ดังนั้นวันนี้ ทางพรรคจึงจะมีการพิจารณาบัญชีรายชื่อกันใหม่อีกครั้ง"
นางนฤมล กล่าวว่า เคยพูดเสมอว่าถึงเวลา พปชร.ต้องผลัดใบ ให้พลังใหม่ได้เข้ามาทำงาน ครั้งนี้อาจจะได้ผลัดหนึ่งใบ ได้เห็นพลังใหม่หนึ่งใบผลิดอกออกผล ครั้งหน้าก็อาจจะได้ผลัดเพิ่มอีกหลายใบ ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้จึงจะเติบโตอย่างเข้มแข็งและสวยงาม และสำหรับตน การทำงานทางการเมืองไม่ได้มีเพียงการทำงานในสถานะ ส.ส.เพียงเท่านั้น ยังมีงานอีกมากมายหลายรูปแบบที่เราสามารถช่วยพรรค ช่วยผู้สมัคร และรับใช้พี่น้องประชาชนได้ ที่สำคัญที่สุด คือ อุดมการณ์ทางการเมือง เพราะสำหรับตน การทำงานการเมือง คือ การเสียสละ ไม่ใช่การเอาชนะ และไม่ใช่การยึดติดในตำแหน่ง ที่ตนเชื่อเสมอว่า เมื่อเราไม่ยึดติด เราจะมีอิสระทางความคิด ซึ่งนำไปสู่อิสระในการตัดสินใจในทุกๆ เรื่องเพื่อส่วนรวม
ผู้สื่อข่าวถามถึงอนาคตทางการเมืองหลังจากที่เสียสละไม่ลง ส.ส.บัญชีรายชื่อจะยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ และจะช่วยงานพรรคอย่างไรบ้าง นางนฤมล กล่าวว่า จะช่วยงานอย่างอื่น เพราะมีความรับผิดชอบกับบุคคลที่พาเข้ามาทำงานกับพรรค และเสียใจที่ไม่สามารถทำให้ทุกคนได้สมหวังในการลงรับสมัครเลือกตั้ง ที่เป็นผลมาจากการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ และเกิดพื้นที่ทับซ้อนที่ทำให้เกิดผลกระทบ เพราะเป็นความรับผิดชอบของเราที่ต้องนำพาเขาไปสู่การเลือกตั้ง แต่ทั้งนี้ตนยังช่วยงานสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้สมหวัง แล้ววันนี้ยังเป็นแม่ทัพในกทม.และขึ้นเวทีปราศรัยได้ไม่มีใครห้าม
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าสาเหตุเป็นเพราะลำดับบัญชีรายชื่อของนางนฤมล ตกไปอยู่ลำดับที่ 20 กว่าทำให้เกิดความไม่พอใจ นางนฤมล กล่าวว่า ไม่มี และการประชุมพรรค วันที่ 22 มี.ค.ที่มีชื่อของตนอยู่ในลำดับตามที่เป็นข่าวและเป็นตามนั้นจริงๆ แต่เมื่อมองลำดับ 20 - 30 อันดับแรก ไม่เห็นคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจ ทุ่มเททำงานให้พรรค จะมีโอกาสเข้ามาทำงาน ถ้าเราไม่ถอยไม่เสียสละ ถ้าคิดว่าเป็นผู้บริหารต้องได้ลำดับต้น คนรุ่นใหม่จะไม่มีทางเข้ามาได้ และหลายพรรคการเมืองก็เป็นลักษณะที่คล้ายกัน จึงอยากให้เขาเข้ามามีโอกาสทำงานการเมืองแต่โอกาสจะเป็นไปได้น้อยถ้าไม่เสียสละ ส่วนคนรุ่นใหม่ที่ต้องการให้อยู่ในบัญชีรายชื่อต้องหารือกับกรรมการสรรหาก่อนว่าจะเป็นใคร และตนได้เสนอชื่อไปแล้ว เป็นคนที่ทำงานมาร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคจัดลำดับให้ขยับมาอยู่ 1 - 3 จะเปลี่ยนใจหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวหากดูจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรค พปชร.ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 19 คน ครั้งนี้คาดว่าจะได้ใกล้ๆ เดิม หากอยู่ในลำดับ 10 - 20 ก็มีโอกาสเข้าสภาทั้งสิ้น และ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้คัดค้านโดยระบุว่าตามใจ
เมื่อถามว่า หากผลเลือกตั้งพรรค พปชร.ได้กลับมา 12 ที่นั่งใน กทม.จะส่งผลต่ออนาคตของนางนฤมลหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยอะไรในเรื่องนี้ เพราะแค่จัดผู้สมัครลง 33 เขต ก็ลำบากใจแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสียสละครั้งนี้จะช่วยให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาทำงานจริงหรือเป็นแค่การเปิดช่องให้กับเด็กของคนบางกลุ่มเข้ามาทำงาน นางนฤมล กล่าวว่า ได้ฝากกรรมการสรรหาพิจารณาและให้โอกาสคนรุ่นใหม่ แต่ท้ายที่สุดต้องเคารพมติของกรรมการ
เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าหากมีการจัดบัญชีรายชื่อเป็นบ้านใหญ่เป็นคนของใคร หมายถึงใคร นางนฤมล กล่าวว่า ที่พูดหมายถึงตัวเอง เพราะการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ตนชี้แจงว่าที่มาทางการเมืองมาได้อย่างไรและไม่ได้มาจากตระกูลบ้านใหญ่ แต่ได้รับความเมตตาจากผู้บริหารพรรคในขณะนั้น ยังสำนึกในพระคุณมาตลอด
เมื่อถามว่า มีเหตุผลอื่นที่ นอกเหนือจากความคับข้องใจหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ไม่ได้คับข้องใจอะไร ขอย้ำว่าเหตุผลเพราะอยากให้คนรุ่นใหม่ต้องการเข้ามาทำงานการเมืองจริงๆ ตนคุยกับคนรุ่นใหม่มาตลอดว่าต้องการเปิดให้ได้เข้ามาทำงานทางการเมือง ถ้าไม่มีช่องทาง จะไม่เห็นภาพคนรุ่นใหม่มาทำงานกับพรรค พปชร.หลายคนที่เสียสละลาออกจากงานมาทำงานให้โดยไม่ได้อะไรเลย แต่มาทำงานด้วยความหวังดีกับพรรคและประชาชน และถ้าคนรุ่นใหม่ได้มาเป็นตัวแทนก็จะเป็นประโยชน์กับพรรค หากมีคะแนนเสียงและมีความนิยมก็จะทำให้คนเลือกพรรคมากขึ้น
เมื่อถามว่า ได้แจ้งให้ พล.อ.ประวิตร ทราบเรื่องการสละสิทธิหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า แจ้งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อสละการลงปาร์ตี้ลิสต์ จะยังทำงานอยู่กับพรรค พปชร.หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ตนยังมีความรับผิดชอบ เพราะทิ้งคนไว้กลางทางไม่ได้
เมื่อถามย้ำว่า จะลาออกจากตำแหน่งเหรัญญิกพรรคด้วยหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ขณะนี้ยัง เมื่อถามว่า ในอนาคตลาออกหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ เมื่อถามว่า การประกาศสละลำดับบัญชีรายชื่อจะส่งผลกระทบในช่วงเวลานี้ที่ใกล้เลือกตั้งหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า เป็นเรื่องดีเพราะจะสร้างบรรทัดฐานของนักการเมืองพรรค พปชร.ว่าเราไม่ได้ยึดติดและพร้อมเสียสละให้คนอื่นได้มีโอกาส และคิดว่าการแถลงข่าววันนี้เชื่อว่าไม่สูญเปล่าและจะทำให้ผู้สมัครมีกำลังใจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีให้กับผู้สมัคร
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีใครทาบทามให้ย้ายพรรค ไปร่วมงานด้วยหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ยังไม่มี ตนเกิดมาจากพรรค พปชร.ถ้าไม่ได้โอกาสจากผู้บริหารคงไม่ได้ทำงานมาถึงวันนี้ ถ้าจะทิ้งต้องมีสำนึกในสิ่งที่เราเคยได้รับมา และไม่มีใครกดดัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่นางนฤมลแถลงข่าวได้มีน้ำตาคลอด้วย เมื่อเล่าถึงอดีตที่มาที่ได้รับโอกาสทำงานทางการเมืองจากผู้บริหาร ขณะที่แกนนำพรรค อาทิ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค และ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรค ยืนฟังตลอดการแถลงโดยไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ ขณะที่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค ได้เดินเข้ามาในขณะที่นางนฤมลกำลังจะแถลงข่าวพอดี ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และได้เดินกลับไปยังห้องทำงานอีกตึกทันที
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี