จัด3ทัพใหญ่หาเสียงทั่วปท.
‘จุรินทร์’ปลุกพลังปชป.
ใช้ยางลบ-ลบทุกคำปรามาส
ทสท.ส่ง‘สุดารัตน์-สุพันธุ์-ศิธา’
แคนดิเดตชิงตำแหน่งนายกฯ
‘ประยุทธ์’ลงช่วยหาเสียงวันหยุด
‘ธนกร’มั่นใจผลงาน8ปี‘ลุงตู่’เจ๋ง
ลั่นพาสส.เข้าสภาไม่ต่ำกว่า90คน
“บิ๊กตู่”เข้าปฏิบัติหน้าที่ทำเนียบฯบ่ายเข้าเซฟเฮ้าส์ เคาะลำดับปาร์ตี้ลิสต์ คนใกล้ชิดนั่งลำดับต้นๆ เพียบ เตรียมลุยช่วยผู้สมัครหาเสียงวันหยุด “ธนกร” มั่นใจกระแส “บิ๊กตู่” พารทสช.เข้าสภาฯไม่ต่ำ 90 ที่นั่ง คะแนนนิยมคนปักษ์ใต้ดีวันดีคืน เพราะนโยบายดีประชาชนชื่นชอบ-เชื่อมั่นทำได้จริง ปัดนายกฯกลัวแพ้ไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ มั่นใจคนเลือกเพราะผลงาน 8 ปี ชี้เป็นแคนดิเดตนายกฯยึดโยงประชาชนแล้ว ย้ำไม่กระทบพรรค รองหัวหน้า รทสช.กระตุ้น ว่าที่ผู้สมัคร สส.อีสาน เร่งตีปี๊บผลงานนายกฯให้เป็นไฟลามทุ่ง ยกช่วง 8 ปี อีสานพัฒนาไปไกลมากกว่ายุคใด ทั้งถนน 4-6 เลน
เส้นทางรถไฟ สนามบิน สะพานข้ามแม่น้ำโขง ผู้แทนเก่าทำอะไรบ้าง ‘ทสท.’ปรับทัพสู้ศึก ส่ง‘สุดารัตน์-สุพันธุ์-ศิธา’ลงแคนดิเดตนายกฯอดีตรัฐมนตรี‘อุดมเดช-สุธา-อนุดิษฐ์’ตบเท้าพรึ่บนั่งรองหัวหน้าพรรค ดัน‘ฐากร ตัณฑสิทธิ์’อดีตเลขาฯกสทช.นั่งเลขาธิการพรรค ‘ภท.’ถือฤกษ์6เม.ย.ก้าวเข้าสู่ปีที่15 จัดทำบุญพร้อมเปิดตัวผู้สมัครทั่วประเทศ เผยได้‘391ว่าที่ผู้สมัครสส.เขต’ขณะที่ ‘100ปาร์ตี้ลิสต์’เคาะเรียงลำดับแล้ว รอเปิดชื่อ4เม.ย.นี้‘ปชป.’เปิดตัวผู้สมัครบัญชีรายชื่อ100คน พร้อมติวเข้มก่อนสมัคร4 เม.ย.‘จุรินทร์’ลั่นจัดทัพหน้าถือยางลบแท่งใหญ่ ลุยลบคำ’ปรามาส’ทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 31มีนาคม2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดยช่วงเช้ามีรายงาน ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้คณะแพทย์เข้าล้างและทำแผล พร้อมตรวจอาการที่มือด้านขวาที่บ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้นั่งเซ็นเอกสารงานที่บ้านพัก เนื่องจากวันเดียวกันนี้ ไม่มีภารกิจประชุมและวาระงานใดๆที่ทำเนียบฯ ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะออกเดินทางออกจากบ้านพัก เข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบฯ ถึงเวลา 10.40น.ช่วงบ่ายมีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะเรียกคณะกรรมการกำหนดแนวทางฯและแกนนำของพรรค ที่เซฟเฮ้าส์ส่วนตัว เพื่อเคาะจัดลำดับ สส.ระบบบัญชีรายชื่อ ที่ยังต้องมีการปรับแก้ เนื่องจากมีบางคนลาออก รวมถึงจัดเรียงลำดับ โดยเมื่อคืนวันที่ 30มี.ค.นายพีระพันธุ์ ลาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ได้เข้ามาตรวจเอกสารและตรวจรายชื่อ ก่อนนำส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตรวจดูเป็นครั้งสุดท้ายในวันเดียวกันนี้
‘รทสช.’ปาร์ตี้ลิสต์คนใกล้ชิดนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจัดลำดับบัญชีรายชื่อ สส.อันดับต้นๆ อาทิ นายพีระพันธุ์ นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะทีมเศรษฐกิจ นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคดูแลพื้นที่ภาคใต้ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคดูแลพื้นที่กทม.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน แกนนำพรรค นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ กรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคฯ เป็นต้น
วันเดียวกัน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติและนายอนุชา ได้ลาราชการช่วงบ่าย โดยมีรายงานว่า จะเดินทางเข้าพรรคเพื่อมอบนโยบายกทม.ให้กับว่าที่ผู้สมัคร สส.ของพรรคทั้ง 33เขตและประชุมวางแผนการเปิดเวทีปราศรัยในพื้นที่กทม.ในวันที่ 7 เม.ย.นอกจากนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังกำหนดแผนหาเสียงในพื้นที่ต่างๆ ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จะนำผู้สมัคร สส.ออกหาเสียงด้วยตัวเอง
‘ธนกร’มั่นใจ‘ลุงตู่’พาเข้าสภาเกิน90ที่นั่ง
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค รทสช.ไม่ลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย (พท.) ยืนยันมาโดยตลอดว่า นายกฯต้องมาจาก สส.แต่วันนี้กลับบอกว่า แคนดิเดตนายกฯไม่ต้องเป็นสส.ฉะนั้นพรรค พท.ต้องอธิบายสิ่งที่ตัวเองเคยพูดไว้ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยบอกว่า จะลงหรือไม่ลง แต่วันนี้ท่านตัดสินใจไม่ลง ถามว่ามีผลกระทบต่อพรรคหรือไม่ยืนยันว่า ไม่กระทบ แคนดิเดตนายกฯมีความใกล้ชิดและยึดโยงกับประชาชนอยู่แล้ว การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ลงบัญชีรายชื่ออันดับ1 ไม่มีปัญหาอะไร เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ คือรวมไทยสร้างชาติ เป็นสมาชิกพรรค เป็นประธานกำหนดแนวทางยุทธศาสตร์พรรค เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค ท่านขึ้นเวทีปราศรัยเป็นผู้นำหาเสียงด้วยตัวเอง ไม่เห็นต้องลงสส.มันตอบคำถามได้อยู่แล้ว
8ปีผลงานประจักษ์-ยึดมั่น3สถาบันหลัก
“บางครั้งเราไปคิดเอง ประชาชนไม่ได้คิดแบบที่เราคิดว่า จำเป็นต้องเป็นสส.นายกฯ ท่านเป็นคนของประชาชนอยู่แล้ว สิ่งที่ท่านทำมาตลอดเวลา 8ปี ประชาชนเห็นผลงาน ประชาชนจะเลือกหรือไม่เลือก ไม่ใช่ว่าท่านจะเป็นสส.ประชาชนจะไว้วางใจเลือกท่านเพราะสิ่งที่ท่านทำมา 8ปี ผลงานชัดเจน มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชนและรัฐธรรมนูญก็เปิดช่องอยู่แล้ว”นายธนกร กล่าว
เมื่อถามว่า เพราะกลัวแพ้หรือสะท้อนไม่มั่นใจหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ถ้าท่านกลัวแพ้ท่านคงไม่มาเป็นแคนดิเดตนายกฯและท่านยังเป็นสมาชิกพรรค นำทีมปราศรัยเอง คิดว่าไม่เกี่ยวกัน ตรงนี้อยู่ที่มุมมองแต่ละคน อยู่ตรงไหนทำประโยชน์ให้ประชาชนได้ ก็อยู่ตรงนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นสส.เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ตัวชี้วัดว่า ประชาชนจะเลือกท่านหรือไม่ สิ่งที่เป็นตัวชี้วัดคือ ผลงานที่ท่านทำ ส่วนแนวทางรณรงค์หาเสียงจะมีการขึ้นรถเเห่หลังได้หมายเลขผู้สมัครและจัดปราศรัยใหญ่ที่กทม.ในวันที่ 7เม.ย พร้อมกันนี้ มีตารางหาเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ กับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ในการเดินสายต่างจังหวัดออกมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงทำหน้าที่นายกฯสลับกับการหาเสียงช่วยพรรคด้วยเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในการทำงานให้ประชาชน
ประเมินพาสส.เข้าสภาไม่ต่ำกว่า90คน
นายธนกร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ต้องบอกว่า คะแนนนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์และพรรค รทสช.ดีวันดีคืน โดยเฉพาะในภาคใต้จนคาดว่า จะได้สส.เข้าสภาฯไม่ต่ำ80-90ที่นั่ง จากเขต 60-70ที่นั่งและบัญชีรายชื่อของพรรคอีกประมาณ 20ที่นั่ง ที่พูดมาไม่ได้พูดลอยๆ แต่มีการประเมินจากโพลที่เชื่อถือได้ บวกกับฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ที่ต่างชื่นชอบในตัว พล.อ.ประยุทธ์และนโยบายของพรรค ที่ทำได้จริง อ้างอิงข้อมูลจาก 8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในไทยให้ดีขึ้นกว่าเดิมในหลายมิติทั้งโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาแหล่งน้ำ กระตุ้นการท่องเที่ยว ยกระดับสินค้าเกษตร ส่วนนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นนโยบายโดดเด่นถูกใจประชาชน มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 14.6ล้านคน ซึ่งเราจะมาสานต่อให้เป็นบัตรสวัสดิการพลัส เพิ่มเงินเป็น 1,000บาท พร้อมทั้งเรื่องปล่อยกู้ฉุกเฉิน 10,000บาท เบี้ยผู้สูงอายุ 1,000บาท ค่าตอบแทน อสม.2000บาท กองทุนฉุกเฉินประชาชน30,000ล้านบาท เพื่อช่วยประชาชนที่ลำบากลดเงื่อนไขการปล่อยกู้ เหล่านี้ประชาชนต่างตอบรับและมองเห็นภาพว่า มีความเป็นไปได้จริงๆ ไม่ขายฝัน ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ เพื่อคนไทยทุกคน
‘วิทยา’ติวเข้มอีสานเร่งตีปี๊บผลงาน 8ปี
นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) รับผิดชอบภาคอีสาน เปิดเผยว่า หลังจากพรรคเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 400เขตไปเมื่อวันที่ 24มีนาคม กระบวนการต่างๆ เดินหน้าไปเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในเรื่องตัวผู้สมัครของภาคอีสาน133คน ตนขอร้องให้ไปสมัครตั้งแต่วันแรก คือวันที่ 3 เมษายน เพื่อจะได้มีโอกาสได้เลขตัวเดียว จะสะดวกในการหาเสียง วันที่ 1เมษายน ตนได้นัดผู้สมัครภาคอีสานตอนบนเกือบ 40คน พบปะหารือกันที่ จ.อุดรธานี เพื่อให้คําแนะนําในการนํานโยบายของพรรคที่ตกผลึกและประกาศแล้วไปสู่ประชาชน ผู้สมัครของพรรคต้องเข้าใจยุทธศาสตร์ทางการเมืองในภาคอีสาน พรรครวมไทยสร้างชาติเราเสนอ พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯต้องรู้ด้วยว่า พลเอกประยุทธ์ คือลูกอีสาน ต้องรู้ด้วยว่าวันนี้คนอีสานส่งลูกหลานไปทํางานเพื่อคนทั้งชาติ ทุกคนต้องรู้นโยบายทําแล้วมีอะไรบ้าง ทําอยู่คืออะไร ทําต่อคืออะไร ทั้ง 3เรื่องนี้ จะต้องถูกพูดถึงเป็นไฟลามทุ่งในภาคอีสาน
โวทุกนโยบายล้วนถูกใจประชาชน
“เท่าที่ผมไปสัมผัสพื้นที่มา ได้เจอกับประชาชนเขาพอใจนโยบายบัตรประชารัฐ หรือบัตรลุงตู่ ซึ่งเป็นก้าวแรกของรัฐสวัสดิการ บัตรลุงตู่ประชาชนในชนบทขานรับดีมาก เราเสนอนโยบายว่า บัตรลุงตู่หรือบัตรประชารัฐจะเพิ่มเงินเป็นเดือนละ1,000บาทและนำบัตรไปกู้ฉุกเฉินกับธนาคารออมสินได้อีก 10เท่า ธนาคารออมสินไม่ต้องกลัวว่าหนี้จะสูญ เพราะรัฐบาลจะจัดสรรเงินให้ทุกเดือน เดือนละ1,000บาท นโยบายนี้ ต่างจังหวัดชาวบ้านพอใจว่าที่ผู้สมัครของพรรคทุกคนต้องไปเคลื่อนไหวต่อ ไปพบปะประชาชนโดยวิธีการปราศรัย เรากําลังจะสร้างนักรบรุ่นใหม่ในทางอีสานที่มีจิตใจรับใช้ประชาชน” นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า ผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ผ่านมา ขาดการประชาสัมพันธ์ ขาดการสื่อสารกับประชาชนว่า รัฐบาลทําอะไรบ้าง ดังนั้นบทบาทหน้าที่ของว่าที่ผู้สมัครของพรรคต้องไปบอกกับประชาชนว่า 8 ปีที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯภาคอีสานพัฒนาไปมาก ไม่มียุคไหนที่อีสานพัฒนาได้ดีเท่ากับ 8ปีนี้ ถนนเป็น 4เลน6เลนเกือบทั้งหมด เป็นปรากฏการณ์พัฒนาอย่างเห็นได้ชัด รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูงใกล้จะมา สนามบินนานาชาติ สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ทุกอย่างเกิดสมัย พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งหนึ่งที่มองไม่เห็นก็คือ ผู้แทนเก่าทําอะไรกันบ้าง เห็นมีแต่ผลงานรัฐบาลประยุทธ์ทั้งสิ้น”นายวิทยา กล่าว
ปชป.เปิด100ปาร์ตี้ลิสต์จัด3ทัพลุย
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและน.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผู้อำนวยการพรรค ได้เชิญว่าที่ผู้สมัครสส.แบบบัญชีรายชื่อ 100คน เข้าประชุมเพื่อวางแผนจัดทัพในการเลือกตั้งที่จะถึง รวมทั้งมีการนัดแนะรายละเอียดในการเดินทางในวันที่ 4 เม.ย.ซึ่งเป็นวันสมัครรับเลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อ จากนั้นผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อทุกคนได้มารวมตัวกันเพื่อสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยและเป็นสิริมงคล พร้อมร่วมถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก
ยึดกฎกกต.เข้ม-ช่วยกันลบคำปรามาส
โดย นายจุรินทร์ ได้กล่าวกับผู้สมัครบัญชีรายชื่อว่า ขอบคุณทั้ง 100คน ที่อาสามาร่วมทัพ ร่วมอุดมการณ์กับพรรคปชป.เพื่อนำชัยชนะมาสู่พรรคในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ขอให้ทุกท่านปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบของ กกต.โดยเคร่งครัดทุกประการ“ใครปรามาสเราไว้บ้าง ขอให้ทัพหน้าประชาธิปัตย์ทั้ง 100คน ช่วยกันถือยางลบแท่งใหญ่ ตระเวนไปทั่วประเทศเพื่อช่วยกันลบคำปรามาสและนำพรรคไปสู่ความสำเร็จในการเลือกตั้ง ปชป.พร้อมทั้งคน ทั้งนโยบาย ทั้งจุดยืนทางการเมือง พร้อมทั้งประสบการณ์ ทั้งผลงานและมีสิ่งสำคัญที่ประเทศโหยหาและต้องการ นั่นคือ ความซื่อสัตย์สุจริต”นายจุรินทร์ กล่าว
แบ่ง3ทัพออกรณรงค์หาเสียงทั่วไทย
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดทัพรณรงค์หาเสียง พรรคปชป.มีความพร้อมอย่างยิ่ง และยืนยันว่าคณะทำงานของพรรคทั้งหมดที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการและจัดบุคลากรความพร้อมไว้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว โดยจะจัดทัพเป็น 3ทัพ ทัพที่1 เป็นทัพหัวหน้าพรรค ทัพที่2 เป็นทัพของเลขาธิการพรรค และทัพที่3 คือทัพของอดีตหัวหน้าพรรค ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญให้กับพรรคในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ สำหรับรองหัวหน้าพรรคที่ดูแลพื้นที่แต่ละภาคจะเป็นกำลังสำคัญในการบริหารจัดการร่วมกับ นายนิพนธ์ บุญญามณี ผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรคและร่วมกับผู้สมัครบัญชีรายชื่อทั้ง100คน ในการลงไปรณรงค์หาเสียงในพื้นที่ทุกจังหวัดและทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องจะมาช่วยกันลงคะแนนสนับสนุนพรรคปชป.ต่อไป
3-4เมษายนจะนำผู้สมัครไปสมัครเอง
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า วันสมัครรับเลือกตั้ง สส.ทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อนั้นตนจะเป็นผู้นำผู้สมัคร สส.ไปลงสมัครด้วยตนเอง โดยวันที่ 3เมษายน จะพาผู้สมัคร สส.เขตในกรุงเทพมหานครทั้ง 33เขต ไปสมัครรับเลือกตั้งและวันที่ 4เมษายนจะนำทีมผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อไปลงสมัครรับเลือกตั้งเช่นเดียวกัน ในเรื่องคุณภาพและศักยภาพของผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อในการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ก็มี ไม่แพ้พรรคการเมืองไหน ทุกคนมีคุณภาพและศักยภาพ พร้อมทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพรรคปชป.เพื่อเข้าไปรับใช้พี่น้องประชาชนทุกคนทั่วประเทศ
ลั่นคุณสมบัติเพรียบพร้อมแล้วทุกด้าน
โดยจำแนกคุณสมบัติผู้สมัครบัญชีรายชื่อดังนี้ 1.เป็นหัวหน้าพรรคและอดีตหัวหน้าพรรค รวมกันถึง 3คน 2.เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาแล้ว ถือว่ามีประสบการณ์ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร 15คน 3.เป็นอดีตผู้แทนราษฎร 29คน สำหรับด้านคุณวุฒิทางการศึกษา เป็นระดับปริญญาโทและปริญญาเอก รวม 75คน เป็นสตรี 17คน ปชป.พร้อมพาพรรคและประเทศไทยเข้าสู่การเมืองยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับคนทุกเพศทุกวัยอย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ ยังมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไม่ว่าจะเป็น ด้านเศรษฐกิจ ด้านการเมือง ด้านสังคมสิ่งแวดล้อมและโลกยุคใหม่ โลกแห่งอนาคตรวมกันเป็นจำนวนมาก มีทั้งนักกฎหมาย นักธุรกิจ นักวิชาการ สื่อมวลชน ไปจนถึงผู้พิการก็มาร่วม ขอให้ผู้สมัครทุกคนทำหน้าที่ให้เต็มกำลังความสามารถและช่วยกันรณรงค์หาเสียงอย่างเต็มกำลัง เพื่อนำชัยชนะมาสู่ ปชป.ต่อไปในการเลือกตั้งครั้งนี้
ทสท.ส่ง‘สุดารัตน์-สุพันธุ์-ศิธา’ชิงนายกฯ
ที่พรรคไทยสร้างไทย มีการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี2566 ตามข้อบังคับพรรคการเมือง เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมืองที่มีการปรับแก้ จึงต้องปรับข้อบังคับพรรคให้มีความสอดคล้องกับกฎหมายพรรคการเมือง รวมถึงการเพิ่มเติมและทดแทนตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ซึ่งในขณะนี้ได้เข้าสู่ช่วงเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดเดิม ที่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสส.เขต รวมถึง น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรค ไม่สะดวกจะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งกก.บห.จึงประสงค์ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อลงพื้นที่หาเสียงให้เต็มที่ อีกทั้งพรรคทสท.มีผู้ทรงวุฒิที่ได้เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคหลายคน จึงใช้โอกาสการประชุมวิสามัญครั้งนี้ เพื่อปรับตำแหน่งกก.บห.เพิ่มเติมและทดแทน
สำหรับตำแหน่งกก.บห.ที่ปรับเพิ่มเติมและทดแทนตามมติที่ประชุม คือ 1.นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ตำแหน่งเลขาธิการพรรค แทน น.ต.ศิธา ทิวารี ที่จะเป็นตัวแทนของพรรคในการลงพื้นที่หาเสียงช่วงเลือกตั้งในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี2.นายอุดมเดช รัตนเสถียร นายสุธา ชันแสง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรัฐมนตรีและนายดล เหตระกูล นายธวัชชัย สุทธิบงกช ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค 3.นายณรงค์ รุ่งธนวงศ์ ตำแหน่งเหรัญญิกพรรค 4.นายประดิษฐ์ วงศ์วิลัย ตำแหน่งนายทะเบียนพรรค 5.นายศุชัยวุธ ชาวสวนกล้วย ,นายสุจินต์ พิทักษ์และนายพิทักษ์ สันติวงศ์สกุล ตำแหน่งกก.บห.ทั้งนี้ มติ กก.บห.มีมติให้ คุณหญิงสุดารัตน์ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี และน.ต.ศิธา ทิวารี เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคไทยสร้างไทย
ภท.ถือฤกษ์6เม.ย.ก้าวสู่ปี15เปิดผู้สมัคร
เวลา11.00น.ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แถลงภายหลังการประชุม กก.บห.พรรคภูมิใจไทย ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธานการประชุมว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาได้รับรองรายชื่อว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคแบบแบ่งเขต จำนวนทั้งสิ้น391เขต จากทั้งหมด400เขตแล้ว ซึ่งเป็นไปตามการเห็นชอบในการดำเนินการทำไพรมารีโหวตอย่างถูกต้องครบถ้วน ส่วนอีก9เขตที่เหลือ พรรคจะมีการขยายเวลาการรับสมัครเพื่อให้มีผู้สมัครเพิ่มเติม ขณะที่รายชื่อผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ100คน คณะกรรมการบริหารพรรคได้รับทราบรายชื่อจากคณะกรรมการสรรหา ที่มีการจัดเรียงลำดับผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในส่วนของรายชื่อว่าที่ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค จะมีการเปิดเผยในวันที่จะไปยื่นสมัครวันที่4เม.ย.นี้ต่อไป
นายศุภชัย ยังเปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 6 เมษษยนนี้ เป็นวันเกิดของพรรคภูมิใจไทยย่างเข้าสู่ปีที่15 ในช่วงเช้าที่ที่ทำการพรรค จะมีการทำบุญเลี้ยงพระตามประเพณี จากนั้นจะมีการเปิดตัวผู้สมัครส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยทั้ง500คนทั่วประเทศอีกด้วย
‘ชทพ.’จัดประชุมใหญ่สู้ศึกเลือกตั้ง
เวลา 09.00น.ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กทม.พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) จัดการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่2/2566และปฐมนิเทศชี้แจงนโยบายและข้อกฎหมายเลือกตั้ง โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค พร้อมกก.บห.ว่าที่ผู้สมัคร สส.และสมาชิกพรรค เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบเพิ่มเติมกก.บห.ในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค 3คน คือ นายชาติชาย พยุหนาวีชัย นายกนก วงษ์ตระหง่านและนายสันติ กีระนันทน์
ต้องแก้ปัญหาให้ประเทศแบบยั่งยืน
จากนั้นเป็นการชี้แจงนโยบายและยุทธศาสตร์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง โดยเน้นการอธิบายลักษณะและจุดเด่นของ10นโยบาย ว้าว ไทยแลนด์ ที่จะช่วยผลักดันการทำงานของพรรคชาติไทยพัฒนา โดย นายวราวุธ กล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยต้องมีผู้นำที่ทำให้ประเทศไปยืนอยู่บนเวทีโลกตามนานาประเทศอื่นได้ทัน ต้องให้คนเก่งนำพาประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีคนเก่งมากมาย ถึงเวลาให้คนเก่งเหล่านนั้นมาเป็นผู้นำด้านต่างๆ ของประเทศไทย ยืนยันว่านโยบายของเราทำได้จริง ซึ่งไม่ได้มาขี้โม้โอ้อวด แต่เราทำให้เห็นมาแล้ว เราไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยการลด แลก แจก แถม เพราะมันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง การแก้ไขปัญหาที่แท้จริงคือ ไปรับฟังปัญหาแล้วแปรสภาพมาเป็นแนวทางแก้ไข เป็นการเปลี่ยนวิธีคิด เพราะถ้าไม่เปลี่ยนวิธีคิด ถ้ายังคิดแบบเดิม ไม่เปลี่ยนวิธีคิด จะเลือกตั้งกี่รอบ นายกรัฐมนตรีกี่คน จะลุงคนไหน น้าคนไหน ผลที่ได้คือ ปัญหาเดิมๆ ดังนั้น ต้องเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำ ไม่ใช่เอะอะแก้ปัญหาแบบขายผ้าเอาหน้ารอด ทิ้งปัญหาไว้ให้คนรุ่นหลัง แบบนั้นไม่ใช่นโยบายของ ชทพ. เพราะเราต้องการสร้างประเทศไทยให้เป็นประเทศที่ยั่งยืน ทำเพื่อลูกหลาน
ให้จับตาพรรคกำลังพัฒนาทีละก้าว
“ไม่ใช่เลือกตั้งกันทีเสนอแนวทางอย่างนั้นอย่างนี้ การเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ใช่วันที่ 14 พ.ค.นี้ แต่หมายถึงอีกสองปี หรืออีกกี่ปีจากนี้ไป ถ้านโยบายเราไม่สำเร็จ เราจะทำอยู่ เพราะเราไม่ได้ทำเพื่อหาเสียงไปวันๆ เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้คนรุ่นต่อไปมองเห็นความหวังในประเทศ เห็นโอกาสที่จะเติบโตอย่างมีคุณภาพ” นายวราวุธ กล่าว
นายวราวุธ ยังกล่าวถึงการแต่งตั้งนายชาติชาย นายกนก และนายสันติ เป็นรองหัวหน้าพรรค ว่า การมาของ 3คนนี้ เมื่อผนวกกับผู้ใหญ่ที่อยู่ในพรรค ทำให้จากนี้ไปขอให้จับตาดู ชทพ.เพราะเรากำลังพัฒนาจริงๆ จะก้าวทีละก้าว คอยดูว่าแต่ละก้าวที่เราย่างเดินนั้นจะเป็นอย่างไร
พท.ปราศรัยใหญ่5เม.ย.เปิดชื่อ3นายกฯ
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท.แถลงงานปราศรัยใหญ่ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 5เม.ย.ที่ธันเดอร์โดม สเตเดียม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เวลา 18.00-21.00น.โดย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในงานปราศรัยใหญ่ครั้งนี้จะเป็นการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3คน จากพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่องาน คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ตอน”ONE TEAM FOR ALL THAIS:หนึ่งทีม เพื่อไทยทุกคน”โดยชื่องานนี้มาจากความหมายที่ว่า3แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย คือ”หนึ่งทีม” ที่จะร่วมกันทำงานเพื่อประเทศไทย เพื่อคนไทยทุกคน ถือเป็นการแสดงความพร้อมทำงานเป็นทีมของพรรคเพื่อไทย และเป็นจุดแข็งของพรรค โดยในงานจะให้รายละเอียดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ นั่นคือ”ทุกครัวเรือนมีรายได้ไม่น้อยกว่า 20,000บาท”และ”กระเป๋าเงินดิจิทัล”ในงานวันนั้นจะระบุตัวของกระเป๋าเงินที่ชัดเจน เรียกว่าจะเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศไทย วันนี้พรรคเพื่อไทยเราพร้อมแล้วที่จะประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทั้ง 3ท่าน ส่วนทั้ง 3ท่านจะเป็นใคร พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนโปรดติดตามในวันที่ 5เมษายน” นพ.ชลน่าน กล่าว
‘บิ๊กป้อม’ลงตรวจ’ประจวบฯ-เพชรบุรี’
เวลา11.30น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พร้อมคณะ เดินทางไปปฏิบัติราชการพื้นที่จ.ประจวบคีรีขันธ์และเพชรบุรีเพื่อติดตามการพัฒนาแหล่งน้ำ การบริหารจัดการน้ำ และการผลิตน้ำประปาคุณภาพ เมื่อพล.อ.ประวิตรเดินทางถึงวัดห้วยมงคล อ.หัวหินได้เข้าสักการะองค์หลวงปู่ทวดและถวายสังฆทาน แด่เจ้าอาวาสเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้น ได้เดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยมงคลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ และสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 14 เพื่อประชุมหารือร่วมกับจังหวัด ,สทนช.,กรมชลประทานและผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาคพร้อมรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดซึ่งมีลำน้ำทั้งหมด 6 ลุ่มสาขา
จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวมอบนโยบาย โดยกำชับ สทนช. ให้เร่งรัดการดำเนินงานตาม 10 มาตรการรองรับฤดูแล้ง พร้อมย้ำให้ กรมชลประทาน เร่งบริหารจัดการแหล่งเก็บน้ำให้มีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการใช้น้ำ ให้เพียงพอทุกพื้นที่ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพระบบประปา ต้องผลิตน้ำที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพ สำหรับบริการประชาชนและนักท่องเที่ยวด้วย
ชาวบ้านเชียร์ให้เป็นนายกฯคนต่อไป
ต่อมาพล.อ.ประวิตรได้พบปะกับพี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและรับฟังข้อเรียกร้องข้อคิดเห็นอย่างเป็นกันเอง เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาให้สอดคล้อง ตรงตามความต้องการของประชาชน ต่อไปซึ่งได้มีชาวบ้านสะท้อนความรู้สึกและขอบคุณ พล.อ.ประวิตรและรัฐบาล ที่มีความจริงใจ ทุ่มเทแก้ปัญหาน้ำและอื่นๆอย่างได้ผลและรวดเร็ว สามารถลดความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดีทำให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในปัจจุบันพร้อมยังได้กล่าวสนับสนุนลุงป้อม อยากให้เป็นนายกฯ คนต่อไปด้วยจากนั้นพล.ประวิตร และคณะได้เดินทางไปตรวจราชการต่อในพื้นที่ จ.เพชรบุรี
‘สนธิญา’ยื่นหลักฐานร้องยุบเพื่อไทย
นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎร นำคลิปและถอดเนื้อหาการปราศรัยของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย เมื่อวันที่ 26 มี.ค.66 ที่จ.นครปฐม ยื่นเรื่องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และบทกำหนดโทษ ตามมาตรา158และมาตรา159 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 20 มาตรา21และมาตรา22 ที่มีผลใช้บังคับ เนื่องจากมีการยุบสภา ประกาศวันเลือกตั้งใหม่แล้วซึ่งการกระทำของนายณัฐวุฒิมีการกล่าวหาแบบรื่นเริงร้องเพลงบนเวทีข้อความว่า “ลุงตู่ ลุงตู่อยู่ไหน ลุงตู่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่ในวงจรอุบาทว์” และ“เลือกลุงตู่ เลือกลุงตู่ ไม่เชื่อเลือกดู จะชิบหายตลอดชาติ“ซึ่งเป็นการใส่ร้าย โกหก ทำให้เกิดคะแนนเสียแก่ผู้สมัครผู้หนึ่งผู้ใด เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯปัจจุบันเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรครวมไทยสร้างชาติ
‘ณัฐวุฒิ’ถูกตัดสิทธิแต่โผล่ช่วยหาเสียง
จึงเห็นว่าการกระทำของ นายณัฐวุฒิ ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยปล่อยให้ปราศรัยบนเวทีมาโดยตลอดและทำผิดเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งนี้หากกรรมการบริหารพรรคเห็นด้วย กับที่ นายณัฐวุฒิ ปราศรัยเท่ากับ ยินยอมพร้อมใจให้ดำเนินการซึ่งสามารถนำไปสู่กระบวนการพิจารณาถึงขั้นยุบพรรคการเมืองตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ยอมรับว่าเป็นผู้สนับสนุนและศรัทธาในตัว พล.อ.ประยุทธ์ แต่การมายื่นเรื่องร้องเรียนครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เพราะเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต มีผลงาน ทั้งนี้ นายสนธิญา ยังเตรียมนำผู้เสียหายเดินทางไปยื่นหนังสือถึงผู้บริหารพรรครวมไทยสร้างชาติเพื่อให้พิจารณาทบทวนเรื่องการส่งตัวผู้สมัคร สส.รายหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นนักการเมืองท้องถิ่นแต่ไปมีส่วนเกี่ยวพันกับปัญหาที่ดินของชาวบ้าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี