ผ่านพ้นไปแล้วกับการเปิดรับสมัครตัวแทนพรรคการเมืองชิงเก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ช่วงวันที่ 3-7 เม.ย. 2566 ที่ผ่านมา ซึ่ง กรุงเทพมหานคร (กทม.) ครั้งนี้แบ่งเป็น 33 เขตเลือกตั้ง หรือมี สส. ได้ 33 คน โดยหนึ่งในเขตที่น่าจะมีการแข่งขันสูงคือ “เขต 30” ประกอบด้วย เขตบางแค (ยกเว้นแขวงบางแคเหนือและแขวงบางไผ่) เขตภาษีเจริญ (เฉพาะแขวงบางหว้า แขวงบางด้วน และแขวงคลองขวาง) เนื่องด้วยบรรดาพรรคการเมืองขนาดใหญ่ รวมถึงไปถึงพรรคการเมืองตั้งใหม่มาแรง ส่งตัวแทนลงชิงชัยกันอย่างพร้อมเพรียง
สำหรับการเลือกตั้ง สส. ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2562 ครั้งนั้น กทม. มีที่นั่ง สส. ในสภา 30 ที่นั่ง ซึ่ง “สุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา” จากพรรคเพื่อไทย เป็นหนึ่งในผู้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ในฐานะ สส. เขต 29 พื้นที่เขตภาษีเจริญ และเขตตลิ่งชัน (ยกเว้นแขวงฉิมพลี และแขวงตลิ่งชัน)
แต่มาคราวนี้ ในการเลือกตั้ง สส. ที่นัดวันเข้าคูหาหย่อนบัตรในวันที่ 14 พ.ค. 2566 มีการแบ่งเขตและพื้นที่เลือกตั้งใหม่ “สุภาภรณ์” ได้ลงสมัครในเขต 30 โดยยังคงสวมเสื้อพรรคเพื่อไทยเช่นเดิม และได้เบอร์ผู้สมัครหมายเลข 13 และยังเป็นหนึ่งในผู้สมัครระดับตัวเต็ง
ตระกูล “คงวุฒิปัญญา” เป็นที่คุ้นเคยของประชาชนในเขตภาษีเจริญ โดยเฉพาะ “มานะ คงวุฒิปัญญา” อดีต สส. ที่ทำงานกับประชาชนในพื้นที่มาตั้งแต่ยังเป็นผู้ใหญ่บ้าน-กำนัน ซึ่ง สุภาภรณ์ ในฐานะภรรยา ได้ทำงานด้านพัฒนาชุมชนร่วมกับสามีมานานกว่า 30 ปี และมองเห็นความสำคัญของ “ผู้แทนราษฎร” ในการทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงยามที่ประชาชนเดือดร้อน
“เราเรียนรัฐศาสตร์มา เรามีความรู้ว่าการจัดการตรงจุดไหนจะเป็นจุดที่ช่วยเหลือพวกเค้าได้ ซึ่งก็ได้ช่วยเหลือผลักดันมาตลอด บวกกับพื้นฐานที่ทางสามีเป็นผู้แทนท้องถิ่น แล้วก็เป็นอดีตสส.อยู่แล้ว ทำให้เราคุ้นเคยกับการทำงานเพื่อดูแลและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องในชุมชน และการที่เราสามารถช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความรู้ความสามารถที่เรามี มันเป็นสิ่งที่ดี ก็ค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์และพัฒนาความคิดขึ้นมาเรื่อยๆ เรารู้สึกว่าการที่ได้ทำอะไรยากขึ้นและใหญ่ขึ้นอย่างการเป็นผู้แทน มันคือการที่ได้ช่วยเหลือคนได้จำนวนมากขึ้น” สุภาภรณ์ กล่าว
สุภาภรณ์ กล่าวต่อไปว่า จากเดิมที่คิดเพียงอยากพัฒนารอบๆ บ้านที่ตนเองอาศัยให้น่าอยู่ ให้ลูกหลานได้เติบโตมาในพื้นที่ที่มีความปลอดภัยและมีสิ่งแวดล้อมที่ดี แต่การได้รับโอกาสจากประชาชนในฐานะผู้แทนราษฎร ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าสามารถผลักดันนโยบายเพื่อประชาชนได้มากขึ้น เช่น กรณี สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ยกเลิกสิทธิ์การรักษา 30 บาท จากโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่ ทำให้ประชาชนเข้าไม่ถึงการบริการ จึงได้เกิดแนวคิด 1 อำเภอ 1 โรงพยาบาลและผลักดันเรื่องนี้ร่วมกับทาง กทม.
โดยในเขตภาษีเจริญ ได้รับความเมตตาจาก พระพรหมโมลีเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เป็นพื้นที่จำนวน 17 ไร่ เพื่อสร้างโรงพยาบาล ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการเขียนโครงการเพื่อของบประมาณจาก กทม. นอกจากนั้นยังใช้กลไกสภาผู้แทนราษฎร ผลักดันการปรับปรุงยกระดับถนนพุทธมณฑลสาย 1 ทั้งการทำทางเท้า วางท่อระบายน้ำ ปรับพื้นถนน และไฟส่องสว่าง ทำให้การสัญจรไปมาสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น เป็นความภาคภูมิใจที่ได้ประสานปัญหาของประชาชนไปยังหน่วยงาน แล้วได้รับการตอบรับที่เกิดความเปลี่ยนแปลงกับชีวิตประชาชนอย่างแท้จริง
เกี่ยวกับเขตภาษีเจริญสุภาภรณ์ มองว่า “ภาษีเจริญเป็นเมืองเก่า และมีวัดมากถึง 27 วัด” อีกทั้งหลายวัดยังสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและถือว่าเป็น “ซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power)” ของพื้นที่ สามารถส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้ ขณะเดียวกัน “เขตภาษีเจริญ ยังมีคลองมากถึง 100 คลอง” จึงเป็นโอกาสทั้งการพัฒนาตลาดน้ำเพื่อการท่องเที่ยว และพัฒนาเส้นทางคมนาคม โดยเฉพาะ “คลองภาษีเจริญ” ที่ยาวไปจนถึงแม่น้ำท่าจีน สามารถทำเส้นทางเดินเรือไปจนถึงเขตหนองแขมได้
“ได้ทำการสำรวจและเสนอแผน รถ-ราง-เรือ ในเขตภาษีเจริญ เพื่อสนับสนุนทั้งการคมนาคมของประชาชนในพื้นที่ให้มีทางเลือกมากขึ้น และสนับสนุนการท่องเที่ยวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หากดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาได้เยอะ ก็จะเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน รวมถึงสามารถพัฒนาตลาดน้ำเพิ่มได้อีกหลายจุดมาก และพัฒนาตลอดเส้นทางรถไฟฟ้าถนนเพชรเกษม ซึ่งตัวพื้นที่เองมีศักยภาพมาก สามารถพัฒนาได้หลากหลายรูปแบบ และเรายังมีพื้นที่กว้างอีกเยอะที่รอการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะที่คนฝั่งธนฯอยากได้ เรายังมีพื้นที่ที่ยังสามารถทำได้”สุภาภรณ์ ระบุ
กับคำถามสุดท้าย “มองช่วงเวลา 4 ปีข้างหน้านับจากนี้อย่างไร?” สุภาภรณ์ กล่าวว่า 4 ปี ข้างหน้ามองว่ามันเป็นโอกาสเป็นความหวัง ผู้คนจะกลับมากล้ามีความฝันอีกครั้ง พรรคเพื่อไทยมีแผนพัฒนาและแก้ไขปัญหาหลายแผนมาก มันจะรองรับสอดคล้องต่อเนื่องกัน ดังนั้น 4 ปีข้างหน้าคงเป็นเรื่องตื่นเต้น เพราะจะได้พบความเปลี่ยนแปลงที่คาดหวังได้ว่าจะนำพาประชาชนให้สู่ความกินดีอยู่ดีอีกครั้ง
“เศรษฐกิจจะกลับมาดี เราไม่ต้องถูกบังคับให้จน ให้ยอมรับว่าเราทำได้แค่นี้ ชีวิตเราควรมีความหวัง ภาษีเจริญ บางแค ฝั่งธนฯ และคนทั้งประเทศควรกลับไปมีความหวัง พรรคเพื่อไทยทำสิ่งนั้นได้” สุภาภรณ์กล่าวในตอนท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี