ส่องผลโพลกางที่นั่งส.ส.เลือกตั้ง 66! เทียบกันระหว่าง ‘บนดิน-ใต้ดิน’ ชัด ‘เพื่อไทย’ ได้เลือกก่อน แต่ถูกดับฝัน ‘แลนด์สไลด์’ ด้าน ‘ภูมิใจไทย’ ยิ้มกริ่มรอเป็น ‘ตาอยู่’ ขณะที่ ‘ปชป.-พรรค 2 ลุง 2 ป.’ เป็น “ตัวแปร” สำคัญ
อีกไม่ถึง 1 เดือน “ประเทศไทย” กำลังจะเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทางการเมือง “อาทิตย์ที่ 14พ.ค.2566” เป็นวัน “เข้าคูหาหย่อนบัตรเลือกตั้งใหญ่” ทั่วทุกภูมิภาค อนาคตประเทศจะถูกฝากไว้ที่ “ปลายปากกา” ของประชาชนอีกครั้ง
เพื่อให้ได้ “ผู้แทนฯที่รัก” ได้ “พรรคการเมืองที่ใช่” จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการต่างๆเพื่อนำไปสู่การเจรจา “จับขั้วเพื่อตั้งรัฐบาล” จนได้เป็นรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ
แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น บรรดา “คอการเมือง-สภากาแฟ” ก็ต่าง “จับจ้อง” ไปยังช่วงหลังปิดหีบหย่อนบัตรเลือกตั้ง เพื่อเข้าสู่การ “นับคะแนนเลือกตั้ง” ของแต่ละพรรคการเมืองที่ลงแข่งขัน ว่าจะได้จำนวนเท่าใด
ที่จะสามารถ “กะเก็ง” ได้แล้วคร่าวๆ ว่าพรรคไหน จะได้ที่นั่งมากที่สุดเป็นลำดับ1 เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบจากการเป็นลำดับ1 มีจำนวนส.ส.มากที่สุด
ได้โอกาส “แสดงฝีมือ” เจรจาพาทีรวมพรรคพวกตั้งรัฐบาลก่อน ถือเป็นไปตาม “มารยาททางการเมือง” ในวิถีทางการเมืองระบอบประชาธิปไตย
แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นอีกครั้ง ในห้วงเกือบ1เดือนก่อนจะเลือกตั้ง บรรรดา “นักทำโพล” จากหลากหลายสำนัก เริ่มที่จะเปิดผลสำรวจความนิยมของ “ชาวบ้าน” ต่อพรรคการเมือง
บางสำนัก ถึงขนาดเปิด “จำนวนที่นั่งส.ส.” ของพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อเป็นการ “เก็งข้อสอบ” ล่วงหน้า ให้สังคมได้เกิด “ประเด็นถกเถียง” กันล่วงหน้าก่อนว่า ใครมีโอกาสเข้าวินฟอร์มทีมรัฐบาลก่อน
“ซุปเปอร์โพล” โพลสำนักดังของเมืองไทย ได้เปิดผลสำรวจที่เป็น “ข้อมูลใหม่” ล่าสุดสดๆร้อนๆ เกี่ยวกับผลการศึกษาจำนวนที่นั่ง ส.ส.ที่คาดว่าจะได้ในปี2566นี้
เน้นไปที่ “6พรรคการเมืองระดับบิ๊ก” ที่มีโอกาสขับเคี่ยวกันสูสีที่สุด ทั้งส.ส.เขต 400คน และส.ส.แบบระบบบัญชีรายชื่อ อีก 10 คน รวมเป็น 500 คน
เริ่มกันที่ “พรรคเพื่อไทย” ที่ประกาศลั่นว่าจะขอ “แลนด์สไลด์” คว้า “310 เก้าอี้ส.ส.” มีความเป็นไปได้ที่จะได้ส.ส.เขต จำนวน 133 ที่นั่ง หรือร้อยละ 33.3 ของจำนวนทั้งหมดทั่วประเทศ
แบ่งเป็นส.ส.เขตภาคเหนือ 24 ที่นั่งหรือ ส.ส.เขตภาคอีสาน 78 ที่นั่งโดยอาจจะไม่ได้ ส.ส.ในภาคใต้ ขณะที่พื้นที่กทม.ได้ 8 ที่นั่ง ภาคกลาง 18 ที่นั่ง ภาคตะวันออก 4 ที่นั่ง และ 1 ที่นั่งในภาคตะวันตก และส.ส.บัญชีรายชื่อ27ที่นั่ง รวมทั้งสิ้นเป็น160ที่นั่ง
ที่น่าสนใจคือ “พรรคภูมิใจไทย” ที่คาดว่าจะได้จำนวนที่นั่งส.ส. เขตมาเป็นอันดับ 2 คือ 101 ที่นั่งทั่วประเทศหรือร้อยละ 25.3 ของจำนวนที่นั่ง ส.ส. เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ โดยจะกระจายไปในทุกกลุ่มจังหวัดของแต่ละภาค โดยจะได้ ส.ส.เขตมากที่สุด ในภาคตะวันตก จำนวน 10 ที่นั่ง
ส่วนที่เหลือกระจายแทรกเข้าไปแต่ละภูมิภาคจำนวนมาก ได้แก่ ภาคเหนือ จำนวน 5 ที่นั่งหรือ กรุงเทพฯ จำนวน 8 ที่นั่ง หรือ อีสานจำนวน 36 ที่นั่ง กลางจำนวน 26 ที่นั่ง ภาคตะวันออก จำนวน 6 ที่นั่ง ภาคใต้จำนวน 10 ที่นั่ง และส.ส.บัญชีรายชื่อ 20 ที่นั่ง รวมทั้งสิ้นเป็น 121 ที่นั่ง
“พรรคพลังประชารัฐ” ตามมาเป็นอันดับ 3 คาดว่าจะได้จำนวน ส.ส.เขต 53 ที่นั่งหรือร้อยละ 13.3 ของจำนวนที่นั่งส.ส.เขตทั่วประเทศ กระจายไปแต่ละกลุ่มจังหวัดของภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือจำนวน 6 ที่นั่ง 16.2 กรุงเทพฯ จำนวน 2 ที่นั่ง
อีสานจำนวน 10 ที่นั่งภาคกลางจำนวน 17 ที่นั่ง ตะวันออกจำนวน 8 ที่นั่ง ตะวันตกจำนวน 3 ที่นั่ง และภาคใต้ จำนวน 7 ที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 11 ที่นั่ง รวมทั้งสิ้นเป็น 64 ที่นั่ง
“พรรคประชาธิปัตย์” ตามมาอันดับที่ 4 คาดว่าจะได้จำนวน ส.ส.เขต 44 ที่นั่งหรือร้อยละ 11.0 ของจำนวนที่นั่ง ส.ส.เขตทั่วประเทศ แบ่งเป็น 1 ที่นั่งในภาคเหนือ 3 ที่นั่งในกรุงเทพฯ 2 ที่นั่งในอีสาน 1 ที่นั่งในภาคกลาง
7 ที่นั่งในภาคตะวันออก 2 ที่นั่งในภาคตะวันตก และ28 ที่นั่งในภาคใต้ที่อาจกล่าวได้ว่าประชาธิปัตย์อาจ “แลนด์สไลด์ภาคใต้” แบบยกจังหวัดก็เป็นไปได้ และส.ส.บัญชีรายชื่อ 8 ที่นั่งรวมทั้งสิ้นเป็น 52 ที่นั่ง
“พรรครวมไทยสร้างชาติ” ได้อันดับ5 คาดว่าจะได้จำนวน ส.ส.เขต 35 ที่นั่งหรือร้อยละ 8.8 ของจำนวนที่นั่ง ส.ส. เขตทั่วประเทศ แบ่งเป็น 1 ที่นั่งในภาคเหนือ 6 ที่นั่งในกรุงเทพฯ
1 ที่นั่งในอีสาน 13 ที่นั่งในภาคกลาง 2 ที่นั่งในภาคตะวันออก 3 ที่นั่งในภาคตะวันตก และ 9 ที่นั่งในภาคใต้ และส.ส.บัญชีรายชื่อ 8 ที่นั่ง รวมทั้งสิ้นเป็น 43 ที่นั่ง
“พรรคก้าวไกล” ได้อันดับที่ 6 คาดว่าจะได้จำนวน ส.ส.เขต 10 ที่นั่งหรือร้อยละ 2.5 ของจำนวนที่นั่ง ส.ส.เขตทั่วประเทศ โดยผลศึกษาครั้งนี้พบว่า ก้าวไกลจะไม่ได้ ส.ส.เขตเลยในภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้
แต่จะได้ 1 ที่นั่งในกรุงเทพฯ ได้ 2 ที่นั่งในอีสาน ได้ 5 ที่นั่งในภาคกลาง ได้ 2 ที่นั่งในภาคตะวันออก และส.ส.บัญชีรายชื่อ 12 ที่นั่ง รวมทั้งสิ้นเป็น 22 ที่นั่ง
แต่ในขณะเดียวกัน “รู้กันในทางลับๆ” กับบรรดาผลโพล “ใต้ดิน” ที่แว่วเสียงกระซิบกันมาว่า มีความ “แม่นยำ” สูงพอสมควร เพราะมาจากเสียงในพื้นที่แบบเจาะลึกสุดๆ
อัพเดทตัวอย่างพอเป็นน้ำจิ้มให้ดูก็ได้ อย่างเช่น เพื่อไทย 225 คน แต่ไม่ถึง 240 คน ภูมิใจไทย 65 คน แต่ไม่ถึง 80 คน ขณะที่ ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ ก้าวไกล และรวมไทยสร้างชาติ โพลใต้ดิน ณ ตอนนี้เซียนการเมืองยังให้ตัวเลขคู่คี่สูสีอยู่ที่ 38 คน แต่ไม่ถึง 48 คน เป็นต้น
เมื่อได้ผลโพลใต้ดิน ที่ว่า “เป็นเลิศ” ในความแม่นยำมาแล้ว นำไปเทียบกับของ “ซุปเปอร์โพล” ที่ร่ายมาก่อนหน้านี้
จะพบว่าตัวเลขที่นั่งส.ส.ของทั้ง “6 พรรคการเมืองใหญ่” มีความห่างกันประมาณ “เกือบ 1 เท่า”ใน “2 พรรคแรก” คือ “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” ตามลำดับ
ส่วนอีก 4 พรรคที่เหลือ ได้แก่ พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ รวมไทยสร้างชาติ และก้าวไกล ไล่ตามลำดับ เมื่อเทียบกันทั้งโพล “บนดิน” กับ “ใต้ดิน” เรียกได้ว่าตัวเลขแทบไม่แตกต่างทิ้งหนีกันไปมาก
“สูง-ต่ำ” กว่ากันอย่างมากไม่เกิน 10 ที่นั่ง จะมีก็แต่ ก้าวไกล ที่รั้งท้าย ดูจะมีระยะห่างระหว่างกันของทั้ 2 โพลมากเกิน 10 ที่นั่งขึ้นไป
เมื่อเป็นแบบนี้ หากอ้างอิงตามผลโพล ไม่ว่าจะสำนักไหน จะแม่นหรือไม่ สามารถประมวลได้ว่า ตัวเลขของพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถก้าวไปสู่ “แลนด์สไลด์” ได้เลย เพราะห่างกับที่เคยประกาศไว้ 310 ที่นั่ง ถึงเกือบ 1 เท่าตัว
แต่โอกาสที่จะได้รับการ “ให้เกียรติ” ตาม “มารยาททางการเมืองไทย” เพื่อจัดตั้งรัฐบาลก่อน เป็นไปได้ “สูงมาก” เพราะคะแนนยังคงมาเป็นลำดับ1
ถ้ามองตาม “แกนซีก” จากการเลือกตั้งรอบที่แล้ว หาก “เพื่อไทย” จะต้องจับกะ “ก้าวไกล” ที่เป็น “ฝ่ายค้าน” มาด้วยกัน ก็เสี่ยงที่จะเสียงไม่ถึง 250 หรือถึงก็แทบจะ “ปริ่มเป๊ะๆ”
ถ้าหันไปดีลคุยกับ “ภูมิใจไทย” ก็ดูจะมี “บางจุดยืน” ที่ต่างกันพอสมควร แต่ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะในทางการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้
เรียกได้ว่าหากรวมกันได้ขึ้นมา บรรดาพรรค “ซีกรัฐบาล” จากคราวที่แล้ว เตรียมเป็น “ฝ่ายค้าน” ในรอบนี้ได้เลย
แล้วถ้าหาก “เพื่อไทย” จัดไม่ได้จริงๆล่ะ แน่นอนว่าจะต้องเป็น “ภูมิใจไทย” ลำดับ2 ที่จะมาเป็นผู้จัด พอเป็นภูมิใจไทยปุ๊บ ทีนี้ “เปิดกว้าง” เลย จะหันไปหาใครก็ “ไม่น่าเกลียด”
เพราะด้วยชูภาพลักษณ์ “ไม่(อยาก)ขัดแย้งกับใคร ไม่อยากทะเลาะกับใคร” มุ่ง “พูดแล้วทำ” เน้นขายนโยบาย แม้ที่ผ่านมาจะเป็น “พรรคซุปเปอร์ดูดพลังไดโว่” ดึงตัวบุคคลจากสารพัดพรรคมาเข้าพวกก็ตาม
แถม “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็มีโอกาสก้าวขึ้นเป็น “นายกรัฐมนตรี” คนที่ 30 ของประเทศไทยอีกด้วย เชื่อว่าภูมิใจไทยก็คงแอบหวัง “รอโอกาส” อย่างเงียบๆภายใต้หน้า “เปื้อนยิ้มกริ่ม”
ส่วนพรรคที่เหลือ ทั้ง พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ หรือแม้แต่รวมไทยสร้างชาติ ที่มี “ลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯคนปัจจุบัน ชูโรงอยู่ หากยึดตามโพล คงต้องรอเป็น “พรรคตัวแปร” ในการจับขั้วตั้งรัฐบาล
ผลโพลก็เป็นทางเลือกหนึ่ง ทั้งทางลับ รวมถึงทางเปิดเผย เพื่อใช้เป็น “สูตร” ในการจับขั้วตั้งรัฐบาล หรือเป็นตัวเก็งข้อสอบของบรรดา “นักรบห้องแอร์” ไปจนถึง “คอการเมืองตาดำๆ”
แต่สุดท้ายแล้ว ปลายปากกาของประชาชน ลากไปจนถึงปิดหีบเลือกตั้ง นับคะแนน จนประกาศผลทางการ ถึงตอนนั้นแหล่ะที่เราจะได้รู้ว่า สูตรเก็งข้อสอบจากผลโพล เป็นไปตามนั้นหรือไม่
หรือจะมี “อภินิหารพลิกฝ่ามือ” จากฝักฝ่ายทางการเมืองต่างๆเกิดขึ้น ให้ร้องโห ร้องว้าวกันอีกหรือไม่ อีกไม่นานก็คงจะได้รู้กัน
ทีมข่าวการเมองรายงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี