‘นายกฯโลกความจริง ไม่ใช่โลกออนไลน์’
พปชร.ชู‘บิ๊กป้อม’
ยกทัพขึ้นรถไฟปราศรัยโคราช 22 เมษายน
‘บิ๊กตู่’ลุยเหนือพิษณุโลก-เชียงใหม่
‘ธีระชัย’ยันเงินดิจิทัลทำไม่ได้จริง
ขัดก.ม.-ธรรมาภิบาล-ข้อมูลรั่วไหล
พท.ดิ้นพล่านไม่ยกเลิกบัตรคนจน
คุยเตรียมแนวทางหางบไว้แจกแล้ว
“บิ๊กตู่”เมินผลโพลล์ยก“บิ๊กป้อม”อันดับ 1 ก้าวข้ามความขัดแย้ง ชี้ผลโพลล์เปลี่ยนทุกวัน ย้ำไม่ขัดแย้งกับใคร หรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เมื่อทำผิดก.ม. ต้องรับกติกา ประเทศไทยใช้กำลังเบาสุด ย้ำตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก อยากดีกว่าเดิม ต้องเตรียมยุทธศาสตร์ ถามสังเกตหรือไม่ มีรถไฟฟ้า-ถนน หนทาง“ธนกร”แนะ“เพื่อไทย”ทบทวนนโยบายเงินดิจิทัล เชื่อสุดท้ายไปต่อไม่ได้ ถึงไปต่อแต่ปชช.ไม่เอาด้วย สร้างความเสียหายแก่ชาติ “รทสช.”เผย“บิ๊กตู่”
ขึ้นเหนือหาเสียง‘พิษณุโลก-เชียงใหม่’ โวคะแนนนิยมยังดี เมินโพล มั่นใจปชช.ยังให้โอกาส‘บิ๊กตู่’ทำต่อ ‘บิ๊กป้อม’ขนทัพ พปชร.ขึ้นรถไฟ- ปราศรัยโคราช22เม.ย.แวะทักทายแฟนคลับรายทาง‘วิรัช’เมินโพลชี้ พปชร.คะแนนลด ย้อนเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เคยหักปากกาเซียนมาแล้ว ‘ธีระชัย’ชำแหละ 3ข้อ นโยบายดิจิทัล1หมื่น ไม่ถึงฝัน เชื่อไม่ได้นับหนึ่ง เข้าข่ายเงินตรา เสี่ยงข้อมูลปชช.รั่วไหล- ต้องคำนึงการค้าขายระหว่างปท. ขณะที่‘อุ๊งอิ๊ง’ปลุกปชช.อย่าแผ่ว ร่วมดัน แลนด์สไลด์ กั๊กไม่จับมือพรรคคนทำรัฐประหาร ยัน3แคนดิเดตฯพร้อมนั่งนายกฯ‘ภูมิธรรม’ลั่นไม่ยกเลิกบัตรคนจน เตรียมแนวทางหางบ แจกเงินดิจิทัล1หมื่นบาทแล้ว
เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงกรณีผลการสำรวจ สวนดุสิตโพล ประชาชนยกให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)มีคะแนนอันดับหนึ่งเกี่ยวกับนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งว่า“ก็ฟังกันไป ดูกันไป ผลสำรวจโพล ก็เปลี่ยนทุกวัน”
‘บิ๊กตู่’ย้ำไม่ขัดแย้งกับใคร-กลุ่มใด
เมื่อถามย้ำว่าโพลให้เรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง เป็นอันดับหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าก็ว่ากันไปเถอะ มันอยู่ที่พวกเราจะมองว่าขัดแย้ง หรือไม่ขัดแย้ง พวกเราก็ดูกันเอาเอง อย่างน้อย ตนก็ไม่ได้ขัดแย้งกับใคร พร้อมถามสื่อว่า ถูกหรือไม่ ตนไม่ขัดแย้งกับสื่อ ไม่ขัดแย้งกับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพียงแต่เมื่อทำผิดกฎหมาย ก็ต้องรับกติกา ถือเป็นประชาธิปไตย ทุกประเทศที่มีประชาธิปไตย เขาก็มีกฎหมายของเขา”
พร้อมถามว่า“ประเทศไหนไม่มีบ้าง แล้วประเทศไหนไม่ใช้กำลัง ในวันนี้ที่มีความรุนแรงเกิดขึ้น มีหรือไม่ ประเทศไทย ถือว่าเบาที่สุดแล้ว ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น ระมัดระวังอย่างที่สุดแล้ว เห็นใจเจ้าหน้าที่เขาบ้าง อันตรายก็เกิดกับเขา ลูกเมีย ครอบครัวเขาก็มี เขาอยากจะทะเลาะกับประชาชนหรือไง เข้าใจไหม ทุกอย่างต้องช่วยกันปรับพฤติกรรมทั้งหมด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ย้ำใครผิดไปตามกม.ต้องถูกลงโทษ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเจ้าหน้าที่ ตนได้เตือนอยู่เสมอว่า ให้โปร่งใส สุจริตเป็นธรรม เป็นไปตามกฏหมายทุกประการ ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ต้องถูกลงโทษ ประเทศถึงจะอยู่กันได้ ตอนนี้ประเทศอยู่ด้วยคนหลายกลุ่ม หลายฝ่าย ถ้ารังเกียจ ไม่ไว้ใจกัน ประเทศก็ไปไม่ได้ ติดอยู่อย่างนี้ ทั้งที่เรามีโอกาส มีศักยภาพมากมาย โดยช่วงนี้เป็นช่วงการหาเสียงก็ว่าไปซึ่งขึ้นอยู่กับประชาชน
ชี้อยากดีกว่าเดิมต้องเตรียมยุทธศาสตร์
“ผมขอให้ดูด้วยว่า ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน เคยบอกไปแล้ว หลายคนอาจไม่สังเกต มันเกิดขึ้นใหม่ บางคนก็ไม่รู้ตัว บางคนก็เกิดมาไม่ทัน เมื่อก่อนนี้เราลำบากแค่ไหน มีรถไฟฟ้าหรือไม่ มีถนนแบบนี้หรือไม่ บางคนก็ไม่สังเกต วันนี้อยากได้อะไรที่มันดีกว่าเดิม ต้องเตรียมยุทธศาสตร์ว่าจะเดินอย่างไรต่อไปสำหรับคนรุ่นใหม่ ไม่ได้หมายความว่าทำให้คนนู้นคนนี้เป็นพิเศษ ให้นักธุรกิจ คนรวย ไม่ใช่ ตนไม่ใช่คนแบบนั้นอยู่แล้ว”พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำ
‘ธนกร’แนะทบทวนนโยบายเงินดิจิทัล
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการปราศรัยที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 17เมษายนที่ผ่านมา กระแสเป็นอย่างไรว่า ดีมาก วันนี้นโยบายพรรคการเมืองบางพรรค ทําให้ประชาชนสับสน ตนและผู้สมัคร จะต้องทำความเข้าใจในนโยบายของพรรค อย่างนโยบายเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทย มีนักวิชาการและอดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติหลายคนซึ่งคนเหล่านั้น เขาไม่ได้ชอบพรรครทสช.แต่เขาเห็นว่านโยบายนี้ จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศ จึงออกมาให้สติว่าหากทำแบบนี้ประเทศจะเสียหายอย่างไร ซึ่งวันนี้มีข้อมูลรอบด้านแล้ว ซึ่งเข้าใจว่าพรรคที่ทำนโยบายเหล่านี้ คงจะต้องไปทบทวน
เชื่อไปต่อไม่ได้และปชช.ไม่เอาด้วย
“เห็นจากรายงานข่าวของสื่อมวลชนทีมนโยบายกับทีมกฎหมายของพรรค ยังไปกันคนละทิศคนละทางอยู่ เพราะแหล่งที่มาของเงินบอกไม่ได้แน่นอน เช่นที่บอกว่าจะได้ภาษี vat มาเป็นแสนล้านบาท แต่อดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติบอกว่าภาษี vat ได้แค่ 3 หมื่นกว่าล้าน และเงิน2แสนล้าน ที่รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯยังไงก็ไม่พออยู่ดี แล้วคุณจะไปกู้ก็ไม่กล้า เพราะโจมตีรัฐบาลนี้ตลอดว่ากู้”นายธนกรย้ำ
พร้อมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วนโยบายนี้ ไปไม่ได้ หรือถึงจะไปต่อ ประชาชนก็คงไม่เอาด้วย คิดว่านโยบายดังกล่าวต้องทบทวน ผมไม่ได้ก้าวล่วงพรรคท่าน แต่ท่านก็พูดถึงนโยบายพรรคผมอยู่ตลอดเวลา ก็มีความจำเป็นที่จะต้องชี้แจง
‘บิ๊กตู่’ขึ้นเหนือลุย‘พิษณุโลก-เชียงใหม่’
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า ในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน ได้จัดกำหนดการหาเสียงและการปราศรัย พร้อมเสนอแผนปราศรัยหาเสียงไปยัง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในฐานะหัวหน้าพรรค และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค เวลา14.00น.คณะทำงานชุดนี้จะมีการประชุมกำหนดแผนการปราศรัย โดยมีการเสนอให้เริ่มต้นที่ ภาคเหนือ คือ จ.พิษณุโลก และ จ.เชียงใหม่ ซึ่งจะเริ่มในสุดสัปดาห์นี้ จากนั้นเป็น ภาคอีสาน ต่อด้วย ภาคกลาง และไปพื้น ภาคใต้
ชูกาเบอร์22เลือกสส.รทสช.โหวตลุงตู่
นายธนกรกล่าวต่อว่า ภาคใต้ ถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่ตนดูแลมาโดยตลอดซึ่งต้องมีการปรับแผนหาเสียง โดยมีการพูดคุยกับคณะกรรมการภาคว่า จะมีการปรับแผนหาเสียงก่อนการเลือกตั้งประมาณ 10วันก่อนโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ส่วนความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ในพื้นที่ภาคใต้สูงมาก จากการลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.ในช่วงสงกรานต์ ที่ผ่านมาต้องมีการปรับยุทธศาสตร์อย่างที่ได้ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำให้ประชาชน กาหมายเลข 22 และต้องเลือกผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตของพรรคทุกเขต เพื่อให้ผู้สมัครเหล่านี้มาเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ
เมินโพล-มั่นใจปชช.ยังให้โอกาสบิ๊กตู่
นายธนกรกล่าวว่า ส่วนผลโพลที่ พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นลำดับที่3 คิดว่าประชาชนที่เลือกฝั่งนี้พอการเมืองในช่วงโค้งสุดท้ายจะเป็นลักษณะสองฝั่งอย่างชัดเจน คือ ฝั่งของ พล.อ.ประยุทธ์กับฝั่งของพรรคเพื่อไทย การเมืองจะบีบให้ประชาชนเลือกสองข้างนี้ ซึ่งคิดว่าความนิยมของประชาชนยังดีต่อเนื่อง ขณะที่ภาคอื่นๆ ค่อยๆ ดีขึ้น มั่นใจว่าประชาชนยังให้โอกาส พล.อ.ประยุทธ์และผู้สมัครของพรรค รทสช.ได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง
‘ลุงป้อม’ยิ้มผลโพลยกที่1ก้าวข้ามขัดแย้ง
ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรีด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมปฏิเสธการตอบคำถามถึงกรณีผลโพลที่ออกมาหลายสำนัก กรณีที่ยกให้พล.อ.ประวิตร ยกให้เป็นผู้นำ ลำดับ1 ที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง รวมไปถึงผลโพลที่พล.อ.ประวิตร จะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่มีรายชื่อติดโผเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้พล.อ.ประวิตร รีบเดินไปทันที
‘บิ๊กป้อม’ขอบคุณโหวตโดดเด่นแก้ขัดแย้ง
ด้าน นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่สวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ ในหัวข้อ “นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในสายตาประชาชน” ที่ยกให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ เป็นอันดับ 1 ของนายกรัฐมนตรี ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และเป็นอันดับ 1 ของนายกฯที่สามารถประสานงานจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างราบรื่น ว่าพล.อ.ประวิตร กล่าวขอบคุณประชาชนที่ร่วมกันโหวตให้ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีความโดดเด่นในทั้งสองด้านดังกล่าว ซึ่งผลโพลที่ออกมาสอดคล้องกับแนวคิด “ก้าวข้ามความขัดแย้ง”ที่ตนเองและพรรคพลังประชารัฐชูธงนำมาโดยตลอด พร้อมให้ความมั่นใจว่า จะพาคนไทยออกจากวังวนความขัดแย้งได้สำเร็จโดยเร็ว เพื่อเดินหน้าพลิกโฉมประเทศไทยต่อไป
โวพร้อมเป็นแกนจัดตั้งรบ.-หมดเวลาทะเลาะ
นายชาญกฤช กล่าวว่า แนวคิดการก้าวข้ามความขัดแย้งของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นความมุ่งมั่นที่พยายามทำลายกำแพงความแตกแยก และเป็นการประกาศเริ่มต้นประเทศไทยใหม่ ซึ่งได้เสียงตอบรับที่ดีจากสังคม โดยเฉพาะใจความสำคัญในจดหมายเปิดใจของ พล.อ.ประวิตรพูดถึงแนวทางสมานฉันท์ ที่น่าสนใจ คือ ภายหลังการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาคัดเลือกนโยบายที่ทุกพรรคการเมืองใช้ในการรณรงค์หาเสียง เพื่อนำมาปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริง โดยไม่ได้เกี่ยงว่าเป็นพรรคใหญ่ พรรคเล็ก หรือ เป็นพรรคการเมืองฝ่ายใด หากนโยบายเหล่านั้น เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เพราะเชื่อว่านโยบายของทุกพรรคการเมืองผ่านการกลั่นกรองมาในระดับหนึ่งแล้ว มองว่าการเมือง ไม่มีผู้ชนะเด็ดขาด และไม่มีฝ่ายใดต้องแพ้ราบคาบ ทุกคนทุกฝ่ายต้องตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องช่วยกัน ร่วมมือกันฟื้นฟูและพัฒนาประเทศให้เดินไปข้างหน้าอย่างเท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลก จึงหมดเวลาที่คนไทยจะทะเลาะกันเอง
ลุงป้อมพร้อมนั่งนายกฯยึด‘ช้า เร็ว หนัก เบา’
นายชาญกฤช ยังให้ความมั่นใจด้วยว่า พล.อ.ประวิตร มีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะอยู่ในวัย 78 ปีก็ไม่ถือเป็นอุปสรรค ดังคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร ที่เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการทำงานที่ประสบความสำเร็จ ผ่านเทคนิคการบริหาร คือ “ช้า เร็ว หนัก เบา” โดยยอมรับว่า ตัวเองเดินช้า แต่คิดเร็ว ทำเร็ว ตัดสินใจเร็ว เป็นคนหนักแน่น ไม่หูเบา ส่วนที่เบา คือ เป็นคนไม่มีภาระ ไม่มีครอบครัว ไม่มีห่วง จึงทำงานเพื่อประชาชนและส่วนรวมได้อย่างเต็มที่
ชี้เดินช้าขาไม่ดีแต่4ปีลงพื้นที่ไปทุกจว.
“ถึงแม้ พล.อ.ประวิตร จะเดินช้า ขาไม่ดี แต่ระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ขาทั้งสองข้างของ พล.อ.ประวิตร ได้ลงพื้นที่ไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง ปัญหาความยากจน รวมถึงการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย จนประเทศไทยสามารถปลดใบเหลืองจากสหภาพยุโรปได้สำเร็จ คนไทยไม่ต้องเดือดร้อนจากการถูกกีดกันการส่งออกสินค้าประมง เหล่านี้เป็นผลงานที่เป็นที่ประจักษ์” นายชาญกฤช กล่าว
‘บิ๊กป้อม’ขึ้นรถไฟปราศรัยโคราช22เม.ย.
ที่พรรคพลังประชารัฐ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประธานคณะกรรมการกิจกรรมและการปราศรัยหาเสียงแถลงถึงกำหนดการลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงพรรคว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค จะลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงวันที่ 19 เม.ย.เวลา17.00 น.ที่วัดสมานรัตนาราม อ.แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา จากนั้นวันที่ 22 เม.ย. พล.อ.ประวิตร จะนำคณะแกนนำพรรคพปชร.เดินทางโดยรถไฟ ลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครราชสีมา โดยขบวนรถไฟจะออกเดินทางจากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ เวลา 07.00 น.แวะ ที่สถานีดอนเมือง รังสิต พระนครศรีอยุธยา หนองแซง สระบุรี กลางดง ปากช่อง สีคิ้ว สูงเนิน ไปจบที่สถานีนครราชสีมา ระหว่างจุดพักแต่ละสถานี พล.อ.ประวิตรจะปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงจากบนรถไฟ ไปถึงประชาชนหากมีช่วงเวลาว่าง อาจจะแวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองโคราช ซึ่งแนวคิดนั่งรถไฟไปหาเสียงเป็นแนวคิดของพล.อ.ประวิตร ทั้งหมด
จัดคิวยาวล่องใต้-ต้นพ.ค.บุกอีสาน
จากนั้น พรรคมีกำหนดการปราศรัย ในพื้นที่อื่นๆ ในวันที่ 28 เม.ย.นี้จะเดินทางไป จ.สงขลา วันที่ 29 เม.ย.ไป จ.นครศรีธรรมราช และวันที่ 30 เม.ย.จะลงพื้นที่ภาคอีสานที่ จ.ขอนแก่น ส่วนวันที่ 1 พ.ค. แกนนำของพรรค จะช่วยกันลงพื้นที่ที่วางโปรแกรมไว้ที่ จ.ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ชัยภูมิ อุบลฯ ยโสธร อำนาจเจริญ อุดรธานี จากนั้น ยังมีภาคกลางเช่น จ.นครสวรรค์และจังหวัดรอบกรุงเทพ
เมินโพลชี้ครั้งที่แล้วหักปากกาเซียน
ถามในช่วงโค้งสุดท้าย จะปรับแผนหาเสียงหรือไม่ นายวิรัช ระบุว่าเราปรับมาตลอด ปรับมาทุกสัปดาห์และดูจากโพลสำนักต่างๆก็มีการปรับ และดูจากผู้สมัครในเขตต่างๆที่ลงไปให้พร้อมบัตรประชาชน 1,000 คนต่อวัน×300 เขต วันหนึ่งจะเจอประชาชนในนามของพรรคพปชร.จำนวนมากโดยผู้สมัครแต่ละคนได้แจ้งนโยบายทั้งบัตรประชารัฐ 700 บาท นโยบายเงินผู้สูงอายุ นโยบายลดราคาน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม 250 ต่อถัง เชื่อว่ากว่าจะถึงวันลงคะแนนวันที่ 14 พ.ค. ประชาชนจะเข้าใจนโยบายของพรรคมากขึ้น
เมื่อถามถึงความนิยม ที่สวนทางกับผลโพล นายวิรัช กล่าวว่าพรรคพปชร.มาช้าๆแต่ถึงเวลาจะเหมือนครั้งที่แล้ว ซึ่งผลโพลที่ออกมา ก็หักปากกาเซียนมาแล้ว แต่ไม่เห็นมีใครพูดอะไร เงียบกันหมดเชื่อว่าครั้งนี้ คงเหมือนกัน
‘ธีระชัย’ซัด3ข้อเงินดิจิทัล1หมื่นไม่ถึงฝัน
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบายพรรค พปชร.แถลงถึงนโยบายเงินดิจิทัล 1หมื่นบาท พรรคเพื่อไทยว่า เรื่องนี้เป็นจุดยืนส่วนตัว ไม่ใช่นโยบายพรรค พปชร.เนื่องจากเป็นโครงการที่มีคนสนใจจำนวนมาก จึงได้ดูในรายละเอียดแล้วมีความเห็นว่าเป็นโครงการที่มีอุปสรรคหลายประการ ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้จริง มีปัญหาที่คิดว่าจำเป็นจะต้องพิจารณาและต้องแก้ไขปรับปรุง 3 ประการ ได้แก่1.โครงการออกแบบให้ส่งเหรียญเข้าไปในกระเป๋าดิจิทัล โดยระบุว่ าเป็นแนวคิดเหมือนกันกับการใช้คูปอง ให้ประชาชนนำไปใช้ซื้อสินค้าหรือบริการ ลักษณะอย่างนั้นเป็นการใช้รอบเดียว แต่แนวทางในการออกแบบเหรียญดิจิทัลเพื่อไทยนั้น เป็นเหรียญที่สามารถนำมาใช้วน ชำระหนี้ระหว่างประชาชนด้วยกันได้
เข้าข่ายเงินตราชี้ธปท.มีอำนาจออกเท่านั้น
“ในความเห็นผม ลักษณะดังกล่าวเป็นการออกเงินตราอย่างหนึ่ง เมื่อมีสภาพเป็นเงินตรา จะเข้าข้อบังคับของ พ.รบ.เงินตรา พ.ศ.2501 ประเด็นนี้ อาจจะเป็นอุปสรรคจึงคิดว่าควรจะต้องศึกษาเพื่อจะหาทางออกให้เรียบร้อยก่อน ส่วนแง่กฎหมายนั้น ระบุไว้ว่าการออกอะไรที่เป็นเงินตรา ผู้ออกสามารถขออนุญาตรมว.คลัง แต่เห็นว่ารมว.คลังที่จะอนุญาตให้เอกชนรายใดรายหนึ่งอนุมัติสิ่งที่เป็นลักษณะเงินตรา ทำไม่ได้เพราะ พ.รบ.ธนาคารแห่งประเทศที่บัญญัติให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เป็นองค์เดียวที่มีอำนาจในการออกเงินตรา จึงขอแนะนำให้ไปศึกษาหาทางแก้ไขไว้แต่เนิ่นๆ”
เสี่ยงข้อมูลปชช.รั่วไหล-กระทบระหว่างปท.
2.เหรียญดิจิทัลออกแบบให้เป็นบล็อกเชน โดยมีการเก็บข้อมูลในการใช้จ่ายของผู้ใช้ จำนวนมากถึง 54 ล้านคนโดยที่ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากเจ้าของข้อมูลก่อน และถ้าเปิดให้เอกชนรายใดรายหนึ่งสามารถล้วงลึกเข้าไปในข้อมูลของการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน 54 ล้านคนได้ จะเป็นข้อมูลที่มีมูลค่าในการตลาด มีความเสี่ยงที่จะรั่วไหล และถ้าเกิดรั่วไหลขึ้นมาจะเป็นอันตรายต่อประชาชน 3.ตนมองดูว่ารัฐบาลหน้าถึงเวลาจำเป็นจะต้องมีการจัดทำแผนแม่บทเกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัลสำหรับประเทศไทย เพราะขณะนี้มีแนวโน้มในการดำเนินการในระดับสากลที่เกี่ยวข้องเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลหน้าจำเป็นต้องรับมือหลายประการ เมื่อไม่กี่วันเป็นครั้งแรกที่กองทุนระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ประกาศจัดตั้งเหรียญดิจิทัลขึ้นมา ให้มีการแลกเปลี่ยนกันข้ามพรมแดน ในขณะที่การค้าของประเทศไทย จะต้องมีการค้าขายที่สัมพันธ์กับจีนมากขึ้นในอนาคต บทบาทที่ไทยต้องคำนึงถึง คือ เงินดิจิทัลหยวนของจีนที่จะใช้อำนวยความสะดวกในการค้าขายระหว่างไทยกับจีนจึงต้องคิดและวางแผน อีกทั้งเวลานี้โลกแบ่งเป็นสองค่าย คือ ค่ายตะวันตกและค่ายบริกส์ ที่มีบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้ ค่าย บริกส์ศึกษาทำเงินดิจทัลเพื่อจะหลีกออกไปจากสกุลดอลลาร์ ไทยจึงจำเป็นต้องมีการวางแผนในการทำเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อรับมือการวางแผนตรงนี้
ฟันธงเกิดขึ้นยาก-มีปัญหาอุปสรรค
“ผมดูแล้วไม่สามารถวางแผนโดยใช้เหรียญดิจิทัลเพื่อไทยที่ออกโดยเอกชนรายใดรายหนึ่งได้ เพราะการวางแผนรับมือจำเป็นต้องใช้เหรียญดิจิทัลที่ออกโดย ธปท.เท่านั้น เท่าที่ตนดูในเชิงวิชาการ โครงการดิจิทัล1หมื่นบาท นับว่ายังมีปัญหาอุปสรรคที่สมควรจะต้องมีการศึกษาและวางแผนแก้ไข ประเด็นปัญหาที่ผมชี้ออกมา 3ข้อ การแก้ไขนั้นไม่ใช่ง่าย ลักษณะการแก้ไขโดยใช้เหรียญดิจิทัล ที่ออกมาโดยบริษัทเอกชนเป็นประเด็นในทางกฎหมาย และธรรมาภิบาลอยู่หลายจุด ในความเห็นผมถ้าไม่ดำเนินการป้องกันตั้งแต่ต้นๆ พอเดินแล้วจะสะดุดและเดินไม่ได้ ผมมีข้อกังวลว่าโครงการอันนี้จะปฏิบัติไม่ได้จริง วิธีปฏิบัติได้จริง”
ส่วน โครงการนี้เสี่ยงจะเกิดความเสียหายเหมือนโครงการรับจำนำข้าวในอดีตหรือไม่ นายธีระชัยกล่าวว่าคงไม่เกิดความเสียหายเพราะอาจไม่เกิดเลย เดินหน้าไม่ได้ ถือเป็นเงินตราอย่างหนึ่งจำเป็นต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีธปท.องค์กรเดียวที่มีสิทธิและอำนาจในการออกเงินตราให้กับประเทศ ถ้าไม่ดัดแปลงจากเอกชนให้เป็นธปท.ออกจะเดินหน้าได้ยาก ถ้าเดินหน้า ไม่ได้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
‘อุ๊งอิ๊ง’ป้องผู้สมัครส.ส.ยันไม่หายหัว
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. แถลงถึงยุทธศาสตร์หาเสียงเลือกตั้งโค้งสุดท้ายของพรรค พท.ว่า ขณะนี้มีกระแสต่างๆ มากมายถาโถมใส่พรรค ล่าสุดมีเสียงสะท้อนจากประชาชนถึงกระแสวิจารณ์ผู้สมัคร ส.ส.เขต พรรค พท.ไม่ลงพื้นที่หาเสียง ชาวบ้านหาตัวผู้สมัครพรรคไม่เจอะไม่ค่อยเห็นป้ายหาเสียงของพรรคนั้น ตนและพรรค พท.ไม่นิ่งนอนใจ ส่งทีมงานไปตรวจสอบข้อมูลในพื้นที่ต่างๆ พบว่า ส.ส.เขตลงพื้นที่สม่ำเสมอ อาจมีส่วนน้อยลงพื้นที่ไม่มากพอ แต่นโยบายต่างๆ ของพรรคที่ไปสู่ประชาชน อาทิ ค่าแรง 600บาท กระเป๋าเงินดิจิทัล10,000 บาท ก็เป็นผลมาจากการที่ ส.ส.ลงพื้นที่พบประชาชน เชื่อว่าผู้สมัครทุกคนอยากเข้าสภาก็ต้องพบปะประชาชน
ปลุกปชช.อย่าแผ่วร่วมดันแลนด์สไลด์
น.ส.แพทองธารกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องป้ายหาเสียงในบางพื้นที่ที่ไม่ค่อยพบเห็นมากนั้นเนื่องจากต้องทำตามกฎ กกต. ที่ยอมรับเป็นข้อจำกัด พรรค พท.เป็นพรรคใหญ่ ถูกเพ่งเล็งตลอด จำเป็นต้องทำตามกฎ แต่อีกไม่กี่วันจะมีป้ายหาเสียงชุดใหม่ออกมาอธิบายนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลและการเติมเงินให้ครอบครัวละ 20,000 บาทต่อเดือน ขอให้ประชาชนที่สนับสนุนพรรค พท.หนักแน่น เลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ จะเลือกพรรค ไม่เลือกคนไม่ได้ ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลง พรรคพท.เท่านั้นที่ตอบโจทย์ให้ได้ ประชาชนอย่าเพิ่งแผ่ว ต้องเลือกพรรค พท.ทั้งคนและพรรคให้แลนด์สไลด์ หลังมีฟีดแบ๊ก เชื่อว่าผู้สมัคร ส.ส.เขตจะกระตือรือร้นมากขึ้น ต้องทำงานซื้อใจชาวบ้านด้วยใจของผู้สมัครเช่นกัน
โวรวมเสียงพรรคซีกปชต.ยังนำขาด
เมื่อถามว่าผลโพลที่ออกมาล่าสุดแม้คะแนนพรรคเพื่อไทยยังนำแต่คะแนนไม่กระเตื้อง ขณะที่พรรคที่ตามมาอันดับ 2 แรงขึ้นน.ส.แพทองธาร กล่าวว่าขอบคุณประชาชนที่ยังไว้ใจพรรคพท.เราไม่หวั่นใจเพราะถ้ารวมคะแนนกับฝ่ายประชาธิปไตย เรายังนำขาด แต่ก็ไม่ประมาท อีก20กว่าวันที่เหลืออะไรก็เกิดขึ้นได้ ถึงบอกให้ทุกคนหนักแน่น ไม่แผ่ว ส่วนตัวอีกไม่เกิน2สัปดาห์ก็คลอดแล้ว แต่ไม่เป็นอุปสรรค พร้อมทำงานเต็มที่ในส่วนที่ยังทำได้
ลั่นไม่จับมือพรรคคนทำรัฐประหาร
เมื่อถามว่าผลโพลที่คะแนนพรรค พท.ลดลงจะเป็นปัจจัยต้องจับมือฝ่ายตรงข้ามเพื่อตั้งรัฐบาลหรือไม่น.ส.แพทองธารกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจังและน้ำเสียงหนักแน่นว่านายเศรษฐา ทวีสินเคยพูดว่ารังเกียจรัฐประหาร ขอให้ดูหน้าตนไว้การรัฐประหารที่เกิดขึ้น 2ครั้ง ตนก็ไม่ได้ชอบ แต่การไม่ตอบตรงๆ เพราะให้เกียรติประชาชน ผลเลือกตั้ง ยังไม่เกิดขึ้น แต่คนที่ทำรัฐประหารมาถ้าถามว่าอยากจับมือด้วยหรือไม่เชื่อว่าประชาชนย่อมทราบดีแต่ถ้าจะให้ตอบแบบใช้อารมณ์คงไม่ใช่แนว แต่คำตอบน่าจะชัดเจนอยู่แล้ว
พท.ยัน3แคนดิเดตฯพร้อมนั่งนายกฯ
ถามต่อว่าฝ่ายคู่แข่งมองว่าแม้ประชาชนจะเลือกพรรค พท. แต่คนที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคือนายเศรษฐา น.ส.แพทองธาร กล่าวว่าตนพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีแต่นายเศรษฐาและนายชัยเกษม นิติสิริก็พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีเช่นกัน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท.ทั้ง 3คน พร้อมเป็นนายกฯอยู่ที่ผลการเลือกตั้งจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครทราบได้
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงยุทธศาสตร์การหาเสียงและการรณรงค์เลือกตั้งของพรรค พท.และการทบทวนยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรค พท.ว่าทั้ง 3 แคนดิเดตนายกฯของพรรค พท.มีความพร้อมทุกด้าน และมีความหลากหลายทั้ง 3 คนรวมทั้งพร้อมบริหารประเทศ ทั้ง 3คน พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี และทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ
ลั่นพร้อมเปลี่ยนออกจากระบอบประยุทธ์
“ส่วนใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นกับสถานการณ์ขณะนั้น หากเลือกใคร 2คนที่ เหลือก็พร้อมสนับสนุน เชื่อว่าประชาชนอยากเปลี่ยนแปลง พรรค พท.พร้อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงออกจากระบอบประยุทธ์ เป็นพรรคเดียวที่มีศักยภาพไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้ประชาชน ขณะนี้ไม่เห็นพรรคใดจะชนะเป็นอันดับ1เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรค พท.ต้องการชัยชนะเด็ดขาดจึงเปลี่ยน แปลงระบบประยุทธ์ได้”
เล็งหางบแจกเงินดิจิทัล/ยันไม่ล้มบัตรคนจน
นายภูมิธรรมกล่าวว่าส่วนนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลนั้น พรรคต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นนโยบายที่ทุ่มครั้งเดียวแล้วให้เศรษฐกิจบูมขึ้น ยืนยันว่าพรรค พท.จะไม่ยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ประชาชนใช้อยู่ และประชาชน ยังได้รับสิทธิเดิมอยู่ ไม่เกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบนี้ สิ่งที่พรรค พท.ชี้แจงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ยืนยันว่าไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับโครงการเดิม รายได้ที่จะนำมาใช้ในโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลจะมาจากการเกลี่ยงบประมาณที่มีประสิทธิภาพ ตัดงบดูงานต่างประเทศ งบสุรุ่ยสุร่ายไม่กระทบงบประจำข้าราชการซึ่งพรรคเตรียมแนวทางไว้พร้อมหมดแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี