รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ย้ำอุดมการณ์พรรคต้องรักษาเสาหลักของชาติ แม้ไม่ตรงกับพรรคอื่น แต่ไม่ขัดแย้ง ชู ลุงป้อม เข้าถึงง่าย เป็นที่รักของชาวบ้าน แม้ไม่มีชื่อติดโพลต่างๆ 

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยเอกสารผลสอบคดีนาฬิกาหรู ของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าจะมีผลกระทบกับพรรคในช่วงเลือกตั้งหรือไม่ว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบรายละเอียด ขอศึกษาก่อน และไม่ทราบว่าจะกระทบกับพรรคหรือไม่ เพราะยังไม่ได้เห็นข่าว นอกจากนี้เกมรุกของพรรคพลังประชารัฐ ก็จะลงพื้นที่ปราศรัยใกล้ชิดประชาชน และเปิดนโยบายต่างๆ ให้เข้าถึงประชาชนมากขึ้น 

เมื่อถามถึงการปราศรัยของตนเองที่ช่วงหลังจะดุเดือดมากขึ้นนั้น นายชัยวุฒิ ระบุว่า ตนพูดแต่ข้อเท็จจริงไม่มีอะไรที่เดือดเลย ต้องพูดอุดมการณ์เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ เพราะการเลือกตั้งจะต้องมีความชัดเจนในอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยไม่ต้องลังเล และมีความชัดเจน หากสื่อฯ ถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ตนสามารถตอบได้ทันทีไม่ต้องคิดก่อน 

เมื่อถามว่านโยบายพรรค ก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่การปราศรัยทำให้หลายฝ่ายทะเลาะกันหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่คิดจะทะเลาะกับใคร ตนพูดแต่อุดมการณ์ของตัวเอง  และเปรียบเทียบให้เห็นว่าอุดมการณ์เราตรงข้ามกับพรรคอื่นอย่างไร โดยเฉพาะในเรื่องที่อยากทำให้ประเทศชาติมั่นคงเข้มแข็ง และมีการเมืองการปกครองที่เข้มแข็ง อย่ามองว่าเป็นความขัดแย้ง 

ส่วนอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และเรือดำน้ำในกองทัพ ยังคงมีความสำคัญใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า สำคัญ จากที่ตนเคยเป็นกรรมาธิการพิจารณางบประมาณ เรือดำน้ำชุดแรกได้ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว เพราะมีความจำเป็น พร้อมเปรียบว่า เรือดำน้ำหนึ่งลำซื้อเรือรบได้ 5 ลำ และในบางยุทธวิธีมีการใช้เรือดำน้ำ เพราะถ้ามีการรบกันด้วยเรือดำน้ำ เราก็ต้องส่งเรือดำน้ำไปสู้ หรือในภาวะที่มีคลื่นลมแรง ก็จำเป็น

“เป็นแผนพัฒนากองทัพของฝ่ายความมั่นคง ซึ่งทุกแผนได้มีการศึกษามาเป็นอย่างดี การซื้อแต่ละอย่างไม่ได้ใช้เวลา 1-2 วัน แต่ศึกษามาอย่างรอบด้านหลายปี”

ส่วนตัวยืนยันว่า การเมืองไทยต้องมองความมั่นคง เราเดินมาได้ดีมาก ก็อยากให้คชสีห์ (กระทรวงมหาดไทย) และราชสีห์ (กระทรวงกลาโหม) เข้มแข็งคงอยู่ เราไม่มีอคติกับใคร รวมถึงตนและ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่เกลียดใคร แต่เราคุยด้วยอุดมการณ์ และแนวทางการทำงาน อะไรที่เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง ความมั่นคงของชาติ ตนไม่ลังเลตัดสินใจทันที ซึ่งพรรคพลังประชารัฐมีความชัดเจนแม้บางพรรคจะไม่ชัดเจน และมีอุดมการณ์ที่น่าเป็นห่วง ต้องพูดให้ประชาชนเข้าใจ ยืนยันว่าไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่เป็นแนวคิดตามระบอบประชาธิปไตย

ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะแก้เกมอย่างไร หลังชื่อของ พล.อ.ประวิตร ไม่ติดโพล นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนก็ไม่รู้ทำอย่างไรเช่นกัน พร้อมขอให้นักข่าวช่วยแนะนำ

“พรรคพลังประชารัฐ ทำดีที่สุดแล้ว เชื่อว่าลงพื้นที่และโพลของพรรคมีคะแนนนิยมดีอยู่ พอไปได้ ตนไม่อยากไปพูดให้เว่อร์วังอลังการ เชื่อว่า พล.อ.ประวิตร เป็นที่รักและที่รู้จักของประชาชน เวลาลงพื้นที่ก็มีคนมาห้อมล้อม มากอด หอมแก้ม ไม่เห็นมีใครมาต่อต้าน ยกเว้นพวกที่จัดตั้งมา ลุงป้อมเป็นคนใจดี เข้าถึงง่าย เป็นมิตรกับทุกคน ที่ผ่านมาทุกพรรคการเมืองเข้ามาปรึกษา ท่านก็ให้การช่วยเหลือทุกคน”

ส่วนจะปรับกลยุทธ์เพื่อเอาใจคนรุ่นใหม่ (New Voter) อย่างไร นายชัยวุฒิ กล่าวว่า คนทำโพลมีเพียรหลักพันหลักหมื่นไม่ได้สะท้อนการกระจายตัวของประชากร หรือสะท้อนโพลแบบวิชาการ เราอยู่ในโลกความเป็นจริงดีกว่า วันเลือกตั้งก็รู้ผล

เมื่อถามว่า ปลายเดือนเมษายน พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ จะลงพื้นที่หาเสียงแข่งกันในภาคใต้ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่หาเสียงปาดไปมาตลอด ก็ไม่มีปัญหาอะไร เจอทุกพรรคก็วนกันไปวนกันมา พร้อมถามกลับสื่อมวลชนว่า พล.อ.ประวิตร และพล.อ.ประยุทธ์ เจอกันไม่ได้หรือ ส่วนจะเป็นการตัดคะแนนกันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับประชาชน

ส่วนกรณีมีการเผยแพร่คลิปการซื้อเสียงในพื้นที่ภาคอีสาน ที่หัวคะแนนได้มีการจดชื่อของชาวบ้านในพื้นที่นั้น นายชัยวุฒิ ระบุว่า มันก็ไม่ดีเพราะผิดกฎหมาย อยากให้เลือกที่ตัวบุคคลที่เป็นคนดีมาทำงานให้ประชาชน และเลือกพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ มีนโยบายที่ดีให้บ้านเมืองดีขึ้น ไม่ควรเลือกจากอามิสสินจ้าง เพราะประชาธิปไตยจะไปต่อไม่ได้ หากเราไม่รักษากันไว้ ประชาธิปไตยสุจริตก็จะได้ประชาธิปไตยที่ดี และประชาชนจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น