เซราะกราวพาร์ท1! ส่อง 5 เขตเลือกตั้งแรกบุรีรัมย์ ‘ภูมิใจเน’ ยังยึดหัวหาดแข็งโป๊ก หลายพรรคคอยจ้อง‘ดับฝัน’ ดูแล้วทำได้แค่‘สอดแทรก’

“เจาะสนามเลือกตั้ง” กับอีกไม่กี่อึดใจแล้วที่ “ถนนทุกสายการเมือง” จะมุ่งเข้าสู่ “คูหาเลือกตั้ง” อาทิตย์ที่ 14 พ.ค.66 วันนี้จึงพามาที่อีก 1 จังหวัดใหญ่ โซน “อีสานใต้” ที่ถูกจับตามองว่าเป็นพื้นที่ที่สู้กันอย่าง…

ทะลักเดือด!!!

นั่นคือ...บุรีรัมย์!!!

มีการแข่งขันกันค่อนข้าง “เข้มข้น” จากผู้สมัครของพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะ “พรรคภูมิใจไทย” ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เครือข่ายบ้านใหญ่ชิดชอบ” เป็นตัวยืน และมีอิทธิพลอย่างสูง ยึดครองพื้นที่มายาวนาน

ขณะที่บรรดาผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคการเมืองอื่น อย่าง “พรรคเพื่อไทย-พรรคพลังประชารัฐ -พรรคก้าวไกล” ต่างก็เป็นคู่แข่งคนสำคัญเช่นเดียวกัน ที่จะประมาทไม่ได้แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวกับบุรีรัมย์ที่มี 23อำเภอ ถือเป็นจังหวัด “ขนาดบิ๊ก” แท้จริง

การเลือกตั้งรอบนี้ได้จำนวนเขตเลือกตั้งเพิ่มจากเดิม “8 เขต” เป็น “10 เขต” กับ “10ที่นั่งส.ส.” ดังนั้น “ใครเป็นใคร” และ “ใครต้องแข่งกับใคร” ล้วนเป็นที่สนใจของ “คอการเมือง” ทั้งนั้น เพราะพรรคภูมิใจไทยในสายชิดชอบ ประกาศลั่นขอปักธง “ยกจังหวัด” เลยทีเดียว

เริ่มกันที่เขตที่ 1 ประกอบด้วย อำเภอเมืองบุรีรัมย์ (เฉพาะตำบลในเมือง ตำบลบ้านบัว ตำบลพระครู ตำบลถลุงเหล็ก ตำบลหนองตาด ตำบลบ้านยาง ตำบลบัวทอง ตำบลชุมเห็ด ตำบลกลันทา ตำบลกระสัง ตำบลสะแกโพรง และ ตำบลลุมปุ๊ก) อำเภอบ้านด่าน (เฉพาะ ตำบลปราสาท และ ตำบลบ้านด่าน) ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 123,334 คน เขตนี้มีผู้สมัคร 11 คน

เดิมทีเขตนี้มี “สนอง เทพอักษรณรงค์” แชมป์เดิมจากภูมิใจไทยหลายสมัย ยังขยันลงพื้นที่พบปะกับพี่น้องประชาชนมาโดยตลอดต่อเนื่อง มี “ฐานเสียงปึ้ก” เกือบทุกหมู่บ้าน โดยเฉพาะ “นักการเมืองท้องถิ่น” ที่ยังคงเป็น “แกนนำฐานคะแนนหลัก” ให้กับสนองมาอย่างเหนียวแน่น

หากใครคิดจะโค่นค่อนข้าง “ยากลำบาก”พอสมควร แต่เลือกตั้งคราวนี้เส้นทางการแข่งขันของสนอง ใช่ว่าจะสบาย ต้องเจอกับ “ศึกหนัก” เมื่อ “พรรคพลังประชารัฐ”ส่ง “เจษฎากร เขียนนิลศิริ” อดีตรองนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์  หวังจะมา “ล้มช้าง” ให้ได้

ทำให้เขตนี้มี “สีสัน” ขึ้นมาทันที เพราะเจษฎากร เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ไฟแรง ลงพื้นที่พบปะชาวบ้านมาอย่างต่อเนื่อง  มีกระแสตอบรับที่ดี ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในพื้นที่ ขณะที่ “พรรคเพื่อไทย” ส่ง “พีรภัทร ทองธีรสกุล” หรือทนายปีเตอร์  คอยเป็นตัว “สอดแทรก” ที่หวังมาล้มช้างด้วยเช่นกัน

ส่วน “พรรคก้าวไกล” ส่ง “ธนายุทธ ยืนยั่ง” หวังคะแนนเสียงจาก “คนรุ่นใหม่” ด้าน “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ส่ง “วุฒิพงษ์ เหลืองอุดมชัย” อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ ที่ผ่านสนามการเมืองมาอย่างโชกโชน ลงขับเคี่ยว

นอกจากนี้ ยังมีผู้สมัครจากอีกหลายพรรคการเมือง ไล่ตั้งแต่ “วิเชียร ลานทอง” จาก “พรรคเสรีรวมไทย” “โอภาส ศุภจิตเมตตา” จาก “พรรคไทยสร้างไทย” “พชรพรรณ ลิ้มโฆษิต”  จาก “พรรคประชาธิปัตย์”

“กฤษฎา ชูตาลัด” จาก “พรรคแนวทางใหม่”  “นเวศร์ เกิดดี” จาก “พรรครวมแผ่นดิน” และ “พรศักดิ์ แดงทรัพย์” จาก “พรรคไทยภักดี” แม้ว่าทุกคนจะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ แต่ขอเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับคนบุรีรัมย์ในเขตนี้

จึงเป็นการ “ชิงดำ 4 คน” แต่ยังต้อง “ยกเครดิต” ให้สนอง ส่วน เจษฎากร , พีรภัทร และธนายุทธ  คอยเป็นตัวสอดแทรก ที่หวังล้มช้างด้วยเช่นกัน แต่หากสนอง “แผ่วปลาย” ทั้ง 3คนจาก3พรรค  อาจแซงช่วงโค้งสุดท้ายก็เป็นได้ รวมถึงผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่นก็มีสิทธิ์เข้าป้ายได้ด้วยเช่นกัน

ต่อกันที่เขต2 ประกอบด้วย อำเภอเมืองบุรีรัมย์  เฉพาะ ตำบลหลักเขต ตำบลสวายจีก ตำบลเสม็ด ตำบลสองห้อง ตำบลสะแกซำ ตำบลเมืองฝาง และ ตำบลอิสาณ) อำเภอพลับพลาชัย (เฉพาะ ตำบลสำโรง ตำบลสะเดา และ ตำบลจันดุม) อำเภอชำนิ และอำเภอประโคนชัย (เฉพาะ ตำบลไพศาล) ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 125,617 คน เขตนี้มีผู้สมัคร 11 คน

เขตนี้ล้วนเป็น “ผู้สมัครหน้าใหม่-ยังบลัด” พรรคภูมิใจไทย ส่ง “ไชยชนก ชิดชอบ” หรือ “นก” บุตรชายคนโตทายาท “ลุงเน เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่แห่งบุรีรัมย์ โดยใช้ชีวิตและศึกษาที่ประเทศอังกฤษนานถึง 17 ปี ตั้งแต่ 8 ขวบ

หลังเรียนจบไชยชนก กลับมาช่วยดูแลทีมฟุตบอลและสนามแข่งรถ Chang International Circuit ในฐานะรองผู้อำนวยการสายงานการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด ทั้งจัดการแข่งขัน สร้างระบบ และหาทีมมาแข่งขัน และยังมีส่วนสำคัญพาบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก้าวกระโดดจากสนามฟุตบอล สนามแข่งรถ มาสู่โลกของเกมส์จัดตั้งทีม E-Sports โดยได้นำทีม E-Sports ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ประเทศไทย ทั้งยังได้เปิดอะคาเดมีให้ผู้มีใจรักในกีฬาอีสปอร์ตอีกด้วย

ไชยชนก “เปิดซิง” ลงสนามการเมืองระดับชาติเป็นครั้งแรก ตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็ขยันลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนตามงานต่างๆ ที่มีฐานคะแนนจากนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ จึงถูกยกให้เป็น “ตัวยืน” ในเขตนี้

ส่วนคู่แข่งก็ไม่ธรรมดา “ปรัชญา ตรีกาญจนา” จากพรรคเพื่อไทย ก็ได้ลงพื้นที่พบปะประชาชน แบบไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน และยังถือว่ามีกระแสตอบรับที่ดีไม่น้อย อีกทั้งยังมี พรรคพลังประชารัฐ ส่ง “นภดล อังคสุภณ” พรรคก้าวไกล ส่ง “วิทธิลักษณ์ จันทร์สมบัติ” พรรครวมไทยสร้างชาติ ส่ง “พ.ต.ท.กิตติฤทธิ์ พูนสวัสดิ์”

แม้ว่าฐานเสียง จะสู้ "ไชยชนก" ไม่ได้ แต่จะสร้างสีสันการแข่งขันให้คึกคักมากยิ่งขึ้น เขตนี้จึงยกให้นายไชยชนก “นอนมา” โดยมีปรัชญา , นภดล ,วิทธิลักษณ์ และ พ.ต.ท.กิตติฤทธิ์ จาก4พรรคการเมือง เป็นตัวสอดแทรก

ด้านเขต 3 ประกอบด้วย อำเภอกระสัง อำเภอห้วยราช และอำเภอพลับพลาชัย (เฉพาะ ตำบลโคกขมิ้น และ ตำบลป่าชัน) ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 124,152 คน เขตนี้มีผู้สมัคร 12 คน  โดยเฉพาะ “แชมป์เก่า2สมัย” อย่าง “อดิพงษ์ ฐิติพิทยา” จากภูมิใจไทย ใช้ “ลูกขยัน” ลงพื้นที่พบปะกับพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง มีฐานเสียงแน่นเกือบทุกหมู่บ้าน โดยเฉพาะนักการเมืองท้องถิ่น ที่ยังคงเป็นแกนนำฐานคะแนนหลักในพื้นที่ หากใครคิดจะโค่นค่อนข้างยากลำบากพอสมควร

พรรคเพื่อไทย ส่ง “ว่าที่ร.ต.เสนาะ พรหมสวัสดิ์” ที่คราวก่อนสวมเสื้อ “ไทยรักษาชาติ” แต่ถูกยุบพรรค ยังหวังล้มช้าง สร้างเซอร์ไพรส์ ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ส่ง “อิทธิศักดิ์ ปาทาน” พรรคก้าวไกล ส่ง “ทรงพล ทะรารัมย์”

พรรครวมไทยสร้างชาติ ส่ง “สุประดิษฐ์ แสนทวีสุข” ฟันธงได้เลยว่าเขตนี้ ภูมิใจไทย “เข้าป้ายชัวร์” โดยมีเพื่อไทยไล่หลังมาห่างๆ รวมถึงพรรคก้าวไกล พรรคพลังประชารัฐ ส่วนพรรคอื่นหวังเล็กๆ แต่คงยากทำได้แค่เป็น “ตัวสอดแทรก” เท่านั้น

ขณะที่เขต4 ประกอบด้วย อำเภอสตึก อำเภอแคนดง และอำเภอบ้านด่าน (เฉพาะตำบลโนนขวาง และตำบลวังเหนือ) ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 120,551 คน เขตนี้มีผู้สมัคร 11 คน ถูกตัดสิทธิ์ 1 คน เหลือผู้สมัคร 10 คน

“แชมป์เก่า” หลายสมัยจากภูมิใจไทยอีกแล้ว อย่าง “รังสิกร ทิมาตฤกะ” หรือเสี่ยหนุ่ม ถือว่าเป็นนักการเมืองอีกคนหนึ่งที่มีความใกล้ชิดกับ “ตระกูลชิดชอบ” การเลือกตั้งครั้งนี้ จึงเป็นที่คาดหมายว่าจะรักษาแชมป์ได้อีกสมัย

เพราะมีกลุ่มการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ให้การสนับสนุน มีฐานคะแนนเสียงเกือบเต็มพื้นที่ อีกทั้งยังขยันลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ต้องพบศึกหนักพอสมควร เมื่อมีหลายพรรคการเมืองต่างขันอาสาเสนอตัวมาสู้ศึกคราวนี้

พรรคเพื่อไทย ส่ง “สุรศักดิ์ นาคดี” อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ มาเป็นคู่แข่งคนสำคัญ ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดี ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในพื้นที่ ประกอบกับสุรศักดิ์ ก็ขยันลงพื้นที่พบปะชาวบ้านอย่างสม่ำเสมอ หากเสี่ยหนุ่ม รังสิกร จะรักษาแชมป์ไว้ได้ก็คงต้อง “หืดขึ้นคอ” เป็นแน่

อีกทั้งเขตนี้ยังมีพรรคพลังประชารัฐ ส่ง “สุเทพ ใสงาม” ลงชิงเก้าอี้ด้วย รวมทั้ง “นันทภพ มองนุ่น” จากพรรคก้าวไกล  และ พรรครวมไทยสร้างชาติ ส่ง “กริชเทพ อุปจันแพงวงศ์” แม้ว่าฐานเสียงทั้งสุเทพ , นันทภพ และกริชเทพ จะสู้ รังสิกร และสุรศักดิ์ ไม่ได้

แต่จะสร้างสีสันการแข่งขันในเขตนี้ให้คึกคักมากยิ่งขึ้นมาเป็นคู่แข่งอีกคน เขตนี้จึงเป็นการชิงดำระหว่าง รังสิกร กับสุรศักดิ์ โดยมีสุเทพ , นันทภพ และกริชเทพ เป็นตัวสอดแทรก ซึ่งพรรคภูมิใจไทย จะรักษาแชมป์เขตนี้ได้หรือไม่ 14พ.ค.นี้ จะชี้ชะตา

สุดท้ายของพาร์ทแรก...

เขต 5 ประกอบด้วย อำเภอนาโพธิ์ อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ อำเภอพุทไธสง และอำเภอคูเมือง (ยกเว้น ตำบลพรสำราญ) ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 131,591 คน เขตนี้มีผู้สมัคร 10 คน เมื่อ “โสภณ ซารัมย์” อดีตรมว.คมนาคม แกนนำจากภูมิใจไทย โยกตัวมาลงแข่งขันเอง

หลังตัดสินใจไม่ส่ง “สมบูรณ์ ซารัมย์” อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ “พี่ชาย” ลงสมัครในเขตนี้ โดยโสภณ มีฐานคะแนนเสียงจากกลุ่มผู้นำท้องถิ่น กลุ่มสตรี และ อสม. ลงพื้นที่หาเสียงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องพบศึกหนักเมื่อพรรคเพื่อไทย ส่ง “เล็ง พยุงแสนกุล”

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ส่ง “สมคิด สินไธสง” พรรคก้าวไกล ส่ง “ธนากร สัมมาสาโก” และพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่ง “สรุศักดิ์ เลี้ยงผ่องพันธุ์” ต้องยอมรับว่าหากใครคิดจะโค่นโสภณ คงยากพอสมควร

เมื่อดูจากชื่อชั้นของผู้สมัครทั้งหมดแล้ว หากจะสู้ต่อกรกับโสภณ จากภูมิใจไทย หรือเล็ง จากเพื่อไทย คงลำบาก สนามเขตนี้จึงยกให้โสภณ เป็นตัวยืน โดยมีเล็ง เป็นตัวสอดแทรก เพราะได้ฐานคะแนนแน่นปึ้กทุกพื้นที่ ส่วนผู้สมัครจากพรรคอื่น นั้นคงจะทำได้แต่ “แชร์คะแนนแต้ม” กันไปมากกว่า

สำหรับเจาะสนามเลือกตั้งกับพื้นที่บุรีรัมย์ ยังไม่หมดแค่นี้ เราจะมาต่อกับ “เซาะกราวพาร์ท2” ในลำดับถัดไป ที่จะมาส่องดูอีก5เขตที่เหลือ ไล่ไปตั้งแต่ “เขต6-เขต10” ว่าใครเป็นใคร จะขับเคี่ยวชิงดำกันแค่ไหน หรือจะมีล้มช้างให้เห็นหรือไม่ อย่าพลาดติดตาม เข้มข้นแน่นอน