"วิโรจน์"ชี้ปัญหาส่วยทำขรก.น้ำดีไม่มีโอกาสโต ย้ำต้องทำให้องค์กรอิสระยึดโยงกับปชช. ชม"ผู้ว่าฯชัชชาติ"ทำงานดี แต่พ.ร.บ.กทม.เก่าเกิน
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีส่วยและปัญหาของกรุงเทพมหานคร ว่า เราต้องรื้อฟื้นความเชื่อมั่นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งปัญหาที่ถูกซุกอยู่ในวงการข้าราชการในภาพรวม นั่นคือเรื่องซื้อขายตำแหน่ง ที่ทำให้ข้าราชการที่ตั้งใจทำงานไม่มีโอกาสที่จะเติบโต โดยเฉพาะในวงการตำรวจ โดย พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจก็ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี ที่เคยพูดถึงการซื้อขายตำแหน่ง
“ระบบตั๋วที่มันสืบทอดยาวนานมาในแวดวงข้าราชการ 8 - 9 ปี ทำให้เกิดการถักทอเครือข่ายจากรุ่นสู่รุ่น และกลายเป็นคอร์รัปชั่นระบบการส่งส่วยแบบฝังรากลึก ที่ไม่ใช่แค่การส่งจากล่างขึ้นบน แต่เป็นการส่งข้ามรุ่นด้วย คิดว่ารัฐบาลก้าวไกลจะทำให้ข้าราชการที่มีความสุจริตและตั้งใจทำงานกลับมามีรอยยิ้ม และภาคภูมิใจในความเป็นข้าราชการได้อีกครั้งหนึ่ง” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวว่า การแต่งตั้งโยกย้ายต้องมีความเป็นธรรม แต่ก็ต้องทบทวนโครงสร้างของ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (กตร.) ให้มีความโปร่งใสเป็นธรรม และในส่วนขององค์กรอิสระที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบ การทุจริต ตรงนี้สิ่งที่ต้องแก้คือต้องแก้รัฐธรรมนูญ เช่น คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถาม ว่าในเมื่อที่มาของท่านไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนประชาชนก็ไว้วางใจท่านให้จัดการ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ ป.ป.ช.มีโครงสร้างที่ยึดโยงกับประชาชน ประชาชนก็สามารถถอดถอนได้ การที่องค์กรอิสระต่างๆ มาจากกลไกของเผด็จการ ก็จะเป็นวันที่ท่านต้องมาตรวจกลุ่มเผด็จการ ก็จะเหมือนกับลูกน้องต้องมาตรวจเจ้านาย ซึ่งไม่ควรเป็นแบบนั้น เลยทำให้ความคาดหวังของประชาชนที่มีต่อ ป.ป.ช.และองค์กรอิสระต่างๆ ค่อนข้างจำกัดซึ่งต้องแก้รัฐธรรมนูญให้มีการยึดโยงกับประชาชน คือต้องมีความอิสระแต่ก็ต้องยึดโยงกับประชาชน
เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับการทำงานขององค์กรอิสระในรัฐบาลนี้ ที่ปล่อยให้มีการคอร์รัปชั่นและส่วย นายวิโรจน์ กล่าวว่า ก็ทำงานแต่ทำงานภายใต้ข้อจำกัดพอไปแตะก็พบว่าบุคคลนั้นเป็นคนของคนนี้ความไวของพิจารณาคดีก็ถูกตั้งข้อสงสัย เราไม่ได้กล่าวหาแต่ประชาชนก็มีสิทธิ์ที่จะตั้งข้อสงสัย
เมื่อถามว่า ตนมายุ่งเรื่องส่วยมีการโดนข่มขู่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่าก็มีสายแปลกๆ ซึ่งเป็นยุคที่แปลกที่คนที่ทำอย่างถูกต้องต้องมากลัวแต่บอกเสมอว่าเมื่อมีคอมเมนต์ที่ฝากมาถึงตนหรือพรรคก้าวไกลให้ระวังตัวเอง หรือเป็นห่วงจังเลย ตนคิดว่าอย่าคอมเมนต์แบบนั้นเลย ขอแค่ยินดียืนข้างวิโรจน์เต็มใจที่จะยืนข้างพรรคก้าวไกล และถ้ามีใครทำอะไรวิโรจน์หรือทำอะไรพรรคก้าวไกล ประชาชนจะเป็นเกราะกำบัง ซึ่งก็มีทั้งโทรมาด่าและมีการโทรมาคุยกันสองคนบ้าง คล้ายทำให้เราแอบฟัง
“เปลี่ยนจากคำว่าเป็นห่วงและระวังตัว คำว่าระวังตัวเป็นคำพูดไปเปิดแต่ไม่มีวิธีแก้ เปลี่ยนเป็นคำพูดที่ว่าคุณทำตามหน้าที่ไปเถอะประชาชนจะปกป้องคุณเองและประชาชนทุกคนส่งสัญญาณเตือนไปยังบุคคลที่กระทำผิดกฏหมายอยู่ด้วย ว่าไม่ว่าจะนานแค่ไหนถ้าคุณทำอะไรวิโรจน์ทำอะไรก้าวไกล หรือทำอะไรส.ส.ที่ทำตามหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริตประชาชนจะไม่ปล่อยคุณเอาไว้แน่” นายวิโรจน์ กล่าว
ส่วนในกรณีที่ ส.ก.ก้าวไกล ยื่นหนังสือให้ ผู้ว่าฯ กทม.ในการสั่งย้ายข้าราชการ 4 คน นายวิโรจน์ กล่าวว่า เรื่องนั้นต้องคุยกับทาง ส.ก.และทาง กทม.แต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นเรื่องของข้อสงสัย และเป็นเรื่องของความโปร่งใสของโครงการต่างๆ ภายในเขต จากการชี้แจงล่าสุดของ ส.ก.ก็บอกว่าเป็นการ ทำหนังสือเสนอและความโปร่งใสในกระบวนการตรวจสอบและข้อเท็จจริง จึงเสนอทางเลือกในการพิจารณาว่าอาจจะโยกย้ายไปอยู่ในตำแหน่งอื่นไปก่อนหรือเปล่า แต่ในรายละเอียดให้คุยกับทาง ส.ก.เองมากกว่า เพราะตนทราบเรื่องเท่ากับสื่อมวลชน
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ทางผู้ว่าฯ ทำงานได้ดี แต่ พ.ร.บ.กทม.เป็นฉบับเก่ามากตั้งแต่ 2528 บางเรื่องท่านผู้ว่าฯ ก็อยากจะทำแต่ตามกฎหมายก็มีข้อจำกัด วันนี้เลยมาหารือกันว่าจะทำยังไงในการแก้ไข พ.ร.บ.กทม.ที่จะทำให้ผู้ว่าฯ มีอำนาจเต็มมากขึ้นในการที่จะดูแล สาธารณูปโภค และแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน รวมถึงประชาชนที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ใน กทม. ผู้ว่าฯ กทม.ไม่ใช่แค่ผู้ว่าฯ สำหรับคนที่บ้านอยู่ กทม.แต่ยังเป็นผู้ว่าของคนทุกคนที่อาศัยอยู่ใน กทม.หรือแวะเวียนมาเที่ยว กทม.
นายวิโรจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เบื้องต้นเป็นการดูแลในเรื่องของสาธารณูปโภคและเรื่องของการแก้กฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.กรุงเทพมหานคร ก็เหลื่อมล้ำจากจังหวัดอื่นทั้งทั้งที่เป็นเมืองใหญ่ อย่างกรณีของภาษีที่ดิน ที่นายชัชชาติได้สะท้อนมาปรากฏว่าภาษีที่ดิน กทม.เก็บได้เป็นการเก็บจากประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อย ในขณะที่นายทุนใหญ่จ่ายน้อยลงซึ่งเป็นความเหลื่อมล้ำที่ต้องมาทบทวนกฎหมายภาษีที่ดินให้มีความเป็นธรรมกับประชาชนมากขึ้น
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี