เพื่อไทยห่วง‘พิธา’ถูกเชือด
กระทบตั้งรัฐบาล
ออกตัวยังไม่ได้คิดนำทัพเอง
‘ก้าวไกล’อ้างเสียงประชาชน
มั่นใจไม่มีใครกล้าคิดทำลาย
‘บิ๊กป้อม’ราศีจับฟิตโชว์พลัง
เดินสายลุยเหนือแก้ปัญหาน้ำ
อาการหนัก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ว่าที่นายกฯ แม้พรรคเพื่อไทยยังเป็นห่วงหลังโดนกกต.ประเคนข้อหาถึงคุกกระทบตั้งรัฐบาล ออกตัวยังไม่ได้คิดเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลเอง ด้านก้าวไกล อ้างเสียงประชาชนเชื่อไม่มีใครทำลายได้ ในขณะที่ “บิ๊กป้อม” ราศีจับ
โชว์ฟิตจัดคิวเดินสายเพชรบูรณ์จันทร์นี้
สืบเนื่องจากกรณี คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)มีมติเอกฉันท์ไม่รับ3คำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญในการสมัครรับเลือกตั้งกรณีถือหุ้นไอทีวี42,000หุ้นแต่มีมติรับเรื่องไว้ในประเด็นการฝ่าฝืนมาตรา42(3)และมาตรา 151 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 เหตุรู้อยู่แล้วว่า ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแต่ยังฝืนลงสมัครโดยจะมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนต่อไป
เปิดมาตรา151ยาแรงเชือด‘พิธา’
สำหรับ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา151 ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด ยี่สิบปี
ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้นั้นคืนเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมาเนื่องจากการดํารงตำแหน่งดังกล่าวให้แก่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรด้วย
‘ส.ว.สมชาย’วิเคราะห์เดือด
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กมีรายละเอียดดังนี้#ปริศนาธรรมการเมือง เรื่องหุ้นITVข้อที่ 5 นิตินิยายนิติกรรมอำพรางเรื่องหุ้นitvจะไปต่ออย่างไรเมื่อคณะกรรมการเลือกตั้งหรือกกต.ไม่รับคำร้องหุ้นสื่อITVของ3ผู้ร้องแล้วแต่รับไว้เองในฐานะความปรากฏ ต่อกกต.เพื่อดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตราตรา151 แล้ว
นายสมชายได้เสนอความเห็นเพื่อกกต.พิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควรในขั้นตอนต่างๆดังนี้1.รับรองผลการเลือกตั้งสส.ของนายพิธา โดยเร็วหรือภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไม่เกิน 60 วันนับแต่วันเลือกตั้ง 2.หลังการรับรอง ส.ส.แล้ว กกต.ต้องเป็นผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเองในฐานะความปรากฎแก่กกต โดยใช้ตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า 2.1นายพิธาขาดคุณสมบัติและขัดรัฐธรรมนูญตามลักษณะต้องห้ามการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรตามรัฐธรรมนูญมาตรา101 (6)ประกอบมาตรา98(3) 2.2ขาดคุณสมบัติแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา88 มาตรา89 และมาตรา160
กรณีนี้ จึงไม่จำเป็นต้องให้ส.ส.เข้าชื่อ1ใน10ร้องต่อประธานสภา เพื่อขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญมาตรา82 อีก เพราะความปรากฏตามที่ กกต.รับไว้เอง และกกต.ต้องสอบสวนจนมีพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นายพิธาน่ามีลักษณะต้องห้ามอันเป็นการขาดคุณสมบัติส.ส.และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้วจึงร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย
ร้องศาลฯให้‘พิธา’หยุดปฏิบัติหน้าที่
3.กกต.ร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ เช่นเดียวกับคดีอื่นๆที่ผ่านมา เช่นคดีที่กกต.ร้องคดีนายธนาธร หรือคดีที่ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน เข้าชื่อร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ คดีวาระ 8 ปี ของพลเอกประยุทธ์ฯลฯ โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง และขอให้มีคำสั่งกำหนดมาตรการ หรือวิธีการใดๆเป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญพ.ศ.2561มาตรา71
ฟันคดีอาญา โทษหนัก-ถึงตัดสิทธิ20ปี
4.กกต.ยื่นดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าพนักงาน ตำรวจ อัยการ ในความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตรา151 ประกอบมาตรา42(3)ในข้อหารู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อของตนเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ กรณีถือหุ้นสื่อITV คดีนี้มีบทลงโทษจำคุก1-10ปีโทษปรับ20,000-200,000 บาท และตัดสิทธิการเมือง 20 ปี
ลุ้นขั้นอัยการสั่งฟ้องฟันผิดอาญา‘พิธา’
5.อัยการพิจารณาคำสั่งฟ้องตามความผิดฐานดังกล่าวต่อนายพิธาหรือไม่ เรื่องนี้เป็นกรณีที่กกต.ควรต้องสอบสวนและมีพยานหลักฐานให้หนักแน่นชัดเจนอย่างยิ่งเพราะอัยการสูงสุด เคยมีคำสั่งชี้ขาดไม่ฟ้องนายธนาธร มาแล้ว โดยคดีดังกล่าว อัยการระบุว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสั่งฟ้องและดูเจตนาจากพยานหลักฐานแล้ว น่าจะไม่มีความผิดกฎหมายอาญา
ถึงแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)ของนายธนาธรให้พ้นสมาชิกภาพความเป็นส.ส.ไปแล้วก็ตาม แต่อัยการสูงสุดก็ยืนยันมีคำสั่งชี้ขาดไม่ฟ้องนายธนาธรมาแล้วโดยถือว่าเป็นการพิจารณากฎหมายคนละฉบับกัน#เชื่อมั่นในหลักนิติธรรมเชื่อมั่นในศาลรัฐธรรมนูญ#คำวินิจศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่สุดและผูกพันทุกองค์กร
‘สมชัย’เชื่อส.ว.ไม่โหวต‘พิธา’
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.และอดีตสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย โพสต์เฟซบุ๊กให้ความเห็นว่า คดีอาญาเป็นกระบวนการที่ยาวนานและเป็นหลักประกันความยุติธรรมว่าต้องผิดจริงจึงถูกลงโทษ ไม่สามารถเอาผิดได้ง่าย แต่มีโทษที่รุนแรงเพราะจำคุกสูงสุด 10 ปี และตัดสิทธิ์การเมือง 20 ปี อย่างไรก็ตาม แม้กรณีดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการ แต่เป็น“วัตถุดิบ”เพียงพอต่อเหล่า ส.ว.ที่ตั้งใจไม่เลือกนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นข้ออ้างแบบไม่ตะขิดตะขวงใจในการไม่ยกมือให้
ส่วนการยกคำร้องคดีถือหุ้นสื่อของนายพิธา ยังไม่“ตายสนิท”เพราะมีโอกาสยื่นตรวจสอบได้อีกหลังการรับรอง ส.ส.
นายสมชัย ยังระบุเพิ่มเติมว่า“อาวุธหนักต่างๆ กำลังลำเลียงสู่สมรภูมิสนามรบ และไม่จบแค่ปืนต่อสู้อากาศยาน151 แต่แพ้ชนะกลับอยู่ที่ฝ่ายเสนาธิการผู้วางแผน”
ก.ก.โวเสียงปชช.ธงชัยใครกล้าทำลาย
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ทวิตเตอร์ว่า ฝ่ายอนุรักษนิยมอยากแช่แข็งประเทศต่อแต่ก็กังวลว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย กลัวว่าค่านิยมทางสังคม ความเชื่อ ที่คอยค้ำยันเครือข่ายศักดินามาช้านาน จะเปลี่ยนแปลงแบบกู่ไม่กลับ องค์กรที่เป็นนั่งร้าน ตอนนี้ก็งงว่าจะไปต่อยังไง ระหว่างที่รอคำสั่ง ก็ต้องทำนิติสงคราม เอาชนักมาปักหลังไว้ก่อน เมื่อมีเสียงของประชาเป็นธงชัย มันผู้ใดจะหาญกล้ามาทำลาย
อัดองค์กรนั่งร้านใช้นิติสงคราม
“องค์กรนั่งร้านเขาไม่คิดอะไรมากอยู่แล้ว ถ้ามีคำสั่งมา ก็พร้อมที่จะใช้นิติสงคราม ฝืนมติของประชาชนอยู่แล้ว เพียงแต่ด้วยนิสัยความเป็นลูกน้องก็คงแจ้งหัวหน้ากลับไปว่า“ทำน่ะทำให้ได้ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น ไม่ขอรับผิดชอบนะ”หัวหน้าก็เลยหันรีหันขวาง ไม่กล้ากดปุ่ม การใช้กฎหมายที่ถูกต้อง คือ การดำเนินการไปตามกฎหมาย ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น แต่การใช้กฎหมายที่เลว คือ การล็อกผล ตั้งธง ให้เป็นไปตามอำเภอใจของผู้มีอิทธิพลไว้ก่อน แล้วก็ก้มหน้าก้มตา หาช่องของกฎหมาย สร้างเหตุ ให้ผลเป็นไปตามธงให้ได้”
อย่าไปเครียด ตอนนี้เราทำดีที่สุดแล้ว
นอกจากนี้ นายวิโรจน์ยังระบุอีกว่า“อย่าไปเครียด ตอนนี้เราทำดีที่สุดแล้ว เหมือนสอบได้คะแนนดีแล้ว ก็รอประกาศขึ้นบอร์ดอย่างเดียว คนที่เครียด คือ คนที่พยายามหาช่องให้คนที่สอบตกแซงขึ้นมาเป็นที่หนึ่ง ตอนนี้คนพวกนี้เครียดมาก เรื่องทำน่ะหน้าด้านทำได้อยู่แล้ว แต่กลัวว่า จะถูกจับได้ กลัวจะต้องรับผิดชอบ ระแวงไปหมด คนที่สั่งให้คุณทำความผิด ถึงเวลาเขาไม่ช่วยคุณหรอก มีแต่จะถีบหัวส่ง ให้ความผิดไม่พันมาถึงตัวเอง”
“โรม”โวยโดนเจาะยาง
นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า ว่า ขณะนี้ก็ต้องบอกว่ามันมีความพยายามกลั่นแกล้งทางการเมืองอย่างแน่นอน เป็นกรณีที่ต้องการเตะตัดขาพรรคก้าวไกลในการตั้งรัฐบาลและเตะตัดขาไม่ให้นายพิธา มาเป็นนายกรัฐมนตรี ในส่วนของพรรคก้าวไกลก็ยืนยันเต็มที่ว่าเราจะสู้ตามกระบวนการ จะพิสูจน์ในเรื่องของคดีความต่างๆ ตามพยานหลักฐานที่มี และยืนยันในความบริสุทธิ์ของเรา อย่างไรก็ตามต้องบอกว่าการทำแบบนี้ ประชาชนเขาดูออก เขารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่มันมีจุดมุ่งทางการเมืองของคนบางกลุ่มที่ต้องการทำลายพรรคก้าวไกล ซึ่งเมื่อ 4 ปีที่แล้วสมัยพรรคอนาคตใหม่เขาก็พยายามทำแบบนี้ วันเวลาผ่านมาถึงขนาดนี้เราก็มองว่าประชาชนยิ่งเห็นอย่างชัดเจนสว่างจ้าในดวงตาว่ากรณีแบบนี้เป็นความพยายามทำให้เหมือนกับที่มันเคยเกิดขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่ แต่เชื่อว่าคงทำไม่ได้
‘เสรีพิศุทธ์’เชื่อไม่กระทบตั้งรบ.
ในประเด็นของนายพิธา ที่โดนมรสุมหนักนั้นทาง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แต่ไม่ได้สนใจ ไม่ได้เข้าไปยุ่ง แต่ก็มีบ้างเวลาประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่นายพิธานำเรื่องดังกล่าวมาเล่า หรือปรารภให้ฟังในฐานะผู้รับมอบอำนาจจัดการมรดก เพราะช่วงนี้พิธากำลังรวบรวมเสียงตั้งรัฐบาล ไม่อยากให้มีปัญหาอุปสรรคอะไร
เมื่อถามว่า กังวลกับการจัดตั้งรัฐบาล และจะกระทบมาถึงพรรคเสรีรวมไทยหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้กังวลจริงๆและมั่นใจว่าไม่มีผลกระทบจนทำให้เกิดความวุ่นวายกับพรรคเสรีรวมไทย ส่วนเรื่องที่วุ่นวายนั้นเป็นเพราะรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มันเลวร้ายที่สุด คนเขียนเจ้าเล่ห์ มีความรู้ความชำนาญ แต่แทนที่จะทำให้เกิดผลดีกับชาติบ้านเมืองกลับไปรับใช้เผด็จการ
เมื่อถามว่าการที่ กกต. จะส่งฟ้องศาลอาญาซึ่งใช้ระยะเวลานานในการพิจารณาคดี จะกลายเป็นช่องโหว่ทำให้ ส.ว. ไม่โหวต พิธา เป็นนายกฯ หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เวลาส่งไปฟ้องศาล ศาลรับคำฟ้อง กว่าจะนัดวันไต่สวน แต่ย้ำว่า ส.ว.จะเอามาอ้างไม่ได้เพราะกฎหมายระบุไว้ชัดว่าถ้าคดียังไม่ถึงที่สุด ถือว่าไม่มีความผิด
จุรินทร์ปัดตอบเปลี่ยนขั้วรัฐบาล
วันเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ กกต.รับว่าจะสอบ นายพิธา ตามมาตรา 151 จะมีผลต่อ การโหวตนายกรัฐมนตรีในสภา หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีผลต่อการโหวตมากน้อยเพียงใด แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และเป็นไปตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับพรรคที่ได้คะแนนมากที่สุด จะมีการพลิกขั้วตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่าตนไม่สามารถตอบล่วงหน้าได้ แต่ขณะนี้ต้องถือว่าพรรคก้าวไกล เป็นแกนตั้งรัฐบาล ก็ขอให้ตั้งสำเร็จ ตนถือหลักชัดเจนในทางการเมือง กับ ทางกฎหมาย ในทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง พรรคใดรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ ก็มีสิทธิ์ที่จัดตั้งรัฐบาล ส่วนในทางกฎหมายทุกคนมีหน้าที่ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฏหมาย หากทำผิดกฏหมาย กลไกลที่บังคับใช้กฎหมายก็มีหน้าที่ในการที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฏหมายเพราะหลักมีชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งทางการเมือง และตามหลักกฏหมาย
พท.ห่วง‘พิธา’ถูกกกต.เชือด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.)ว่าจากกรณีที่กกต.ไม่รับ 3 คำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯมีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญในการลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.กรณีการถือหุ้นสื่อไอทีวี 42,000 หุ้นแต่มีมติรับเรื่องไว้ไต่ส่วนปมฝ่าฝืนม.42(3)และ ม.151 ตามกม.เลือกตั้ง
โดยในวงหารือของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ ไม่เคยนำกรณีที่นายพิธา ถูกร้องปมหุ้นสื่อขึ้นมาหารือ เพราะเป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล เมื่อตั้งกรรมการไต่ส่วนเรื่องนี้ขึ้นมา ทางแกนนำพรรค พท.มีความเป็นห่วงว่าประเด็นดังกล่าว จะกระทบกับการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลจะต้องจัดการเอง
โดยทางพรรคเพื่อไทยได้เพียงแต่ให้กำลังใจ และขออย่าให้ประเด็นนี้เป็นอุปสรรคกับการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีความมุ่งมั่นให้การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จไปได้ด้วยดี ทั้งนี้ ทางพรรคเพื่อไทยยังไม่คิดต่อไปว่า หากเกิดอะไรขึ้น ทางออกของการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เพราะวันนี้พรรคเพื่อไทยยังเชื่อมั่นว่าพรรคก้าวไกลจะเดินหน้าในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้
พท.ชี้ส่อทุจริตถึงสั่งนับคะแนนใหม่
นายสุทิน คลังแสง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติสั่งให้มีการนับคะแนนเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขต 16 หน่วย และแบบบัญชีรายชื่อ 31 หน่วย ใหม่ รวม47หน่วยเลือกตั้งใน16 จังหวัด ในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ว่า ถือว่าเป็นการสั่งนับคะแนนใหม่ที่เยอะมากกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านๆมา แสดงให้เห็นว่า มีความผิดปกติและมีความพยายามที่จะกระทำทุจริตในหน่วยเลือกตั้งนั้นๆหรือไม่ ส่วนจะผิดปกติในขั้นตอนใด กกต.ควรจะเข้าไปตรวจสอบด้วยนอกเหนือไปจากการสั่งนับคะแนนใหม่
ไม่กระทบพท.-ทุกพรรคจับตา
เมื่อถามว่าการนับคะแนนใหม่จะมีผลต่อสัดส่วน ส.ส.ของพรรคพท.หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่คาดหมายยากเพราะเราไม่รู้ว่าปัญหาที่ต้องนับคะแนนใหม่เกิดจากอะไร เมื่อนับคะแนนใหม่ ก็จะเกิดความไม่แน่นอน ส่วนจะเกิดผลดี หรือ ผลเสียกับพรรคการเมืองหรือไม่นั้น มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกพรรค ทุกคนต้องช่วยกันเฝ้าจับตาดูแต่ในส่วนของพรรคพท.นั้น เท่าที่ได้พูดคุยกับว่าที่ส.ส.ที่อยู่ในเขตที่ต้องนับคะแนนใหม่ ไม่มีใครหนักใจกับเรื่องดังกล่าว จึงเชื่อว่าการนับคะแนนใหม่ คงไม่กระทบกับพรรคพท.ในส่วนที่กกต.อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อร้องเรียนว่าที่ส.ส.ประมาณ20กว่าคนก็ถือเป็นจำนวนน้อย เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา
กำชับลูกพรรคเกาะติดใกล้ชิด
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ถึงการนับคะแนนใหม่ 47 เขตเลือกตั้งว่าเรื่องนี้พรรคพท.จับตาดูอยู่ โดยให้ผู้สมัครส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ต้องนับคะแนนใหม่ทั้งหมด ติดตามการนับคะแนนอย่างใกล้ชิดเพราะการนับใหม่ที่เกิดขึ้น อาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งทั้งระบบเขตระบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคพท. ได้
‘ลุงป้อม’ฟิตลุยเพชรบูรณ์12มิย.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 12 มิ.ย.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.เพชรบูรณ์ โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ร่วมคณะ
ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร จะลงพื้นที่ไปอ.หนองไผ่เพื่อร่วมพิธีมอบหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในป่าสงวนแห่งชาติโดยมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาล คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.)และหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน(ส.ป.ก.4-01)ที่อาคารอเนกภิรมย์ที่ว่าการอำเภอหนองไผ่พร้อมมอบนโยบายและพบปะประชาชน
จากนั้นพล.อ.ประวิตรเดินทางไปติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำคลองลำกง ต.วังท่าดี อ.หนองไผ่ พร้อมกล่าวมอบนโยบายและพบปะประชาชนก่อนเดินทางกลับกทม.
บุกเยือนจว.ที่สองที่ชนะยกจังหวัด
ทั้งนี้ สำหรับจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นอีก 1 จังหวัดที่พรรคพลังประชารัฐชนะการเลือกตั้งทั้ง6 เขต แบบยกจังหวัดและเป็นจังหวัดที่2ที่พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่ภายหลังการเลือกตั้งต่อจากจังหวัดแรกที่ จ.กำแพงเพชรที่ชนะกวาดมายกจังหวัดเช่นกัน
โดยผลการเลือกตั้ง ส.ส.เพชรบูรณ์ อย่างไม่เป็นทางการ ประกอบด้วย น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ เขต 1นายจักรัตน์ พั้วช่วย เขต 2 นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ เขต 3 นายวรโชติ สุคนธ์ขจร เขต 4 นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ เขต 5 และนายอัคร ทองใจสด เขต 6
‘ประชาชาติ’ติวเข้มว่าที่ส.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชาติได้จัดงานสัมมนาการเตรียมตัวสำหรับบทบาทหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯระหว่างวันที่10-11มิ.ย. นำโดย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค พร้อมคณะ ว่าที่ส.ส.ของพรรคทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบเขตเลือกตั้ง โดยนายวันนอร์ได้กล่าวขอบคุณ และให้กำลังใจ ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค และทีมงานเบื้องหน้าเบื้องหลัง ของผู้สมัคร ส.ส.ทุกคน พร้อมแสดงความยินดีกับ ว่าที่ส.ส.ของพรรคประชาชาติ ที่ร่วมกันแสดงถึงความมุ่งมั่นในการทำเพื่อประชาชน
นอกจากนี้ได้มีการเสวนาถึงการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อเสนอต่อ กกต.ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ว่าที่ ส.ส. ของพรรคประชาชาติ มีทั้งหมด 9 คน ประกอบด้วย 1. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค และ ว่าที่ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 2. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค และ ว่าที่ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 3. นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ว่าที่ ส.ส. จังหวัดนราธิวาส 4. นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ ว่าที่ ส.ส. จังหวัดปัตตานี 5. นายวรวิทย์ บารู ว่าที่ ส.ส. จังหวัดปัตตานี 6. นาย สาเหะมูหามัด อัลอิดรุส ว่าที่ ส.ส. จังหวัดปัตตานี 7. นายซูการ์โน มะทา ว่าที่ ส.ส. จังหวัดยะลา 8. นายอับดุลอายี สาแม็ง ว่าที่ ส.ส. จังหวัดยะลา 9. นายสุไลมาน บือแนปีแน ว่าที่ ส.ส. จังหวัดยะลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี