"เศรษฐา"มองก้าวไกล เปิดชื่อ"ปดิพัทธ์"นั่งประธานสภาฯ เป็นความชัดเจน ชี้แม้การตกลงออกมาทางใดทางหนึ่ง แต่เป้าหมายหลักจะไม่เสีย เชื่อฝ่ายปชต.จัดตั้งรัฐบาลได้
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท.และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการเลื่อนประชุมระหว่างพรรค พท.และพรรคก้าวไกล เรื่องประธานสภาฯ มองอย่างไร ว่า ขณะอยู่ในขั้นตอนการเจรจา แต่หากถามว่าจะจบอย่างไรนั้น ตนคิดว่าคงเหมือนเดิมคือ ฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ซึ่งเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ ยังมีเวลาอีก 3 - 4 วัน เชื่อว่าการเจรจาจะออกมาด้วยดี ไม่มีประเด็นอะไรมาหยุดยั้งการจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยได้
เมื่อถามว่า แม้ว่าพรรค พท.จะแสดงจุดยืนอย่างไร แต่ทัวร์ก็จะมาลงบอกว่าเพื่อไทยทรยศ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีหรอก เราไม่ทรยศ ซึ่งเราพูดมาตลอดมาว่าเราเคารพเสียงของประชาชน และเราฟังทุกเสียง ไม่ว่าจะเป็นเสียงของ ส.ส.หรือคณะกรรมการบริหาร ตนคิดว่าเรื่องสำคัญที่สุดคือเรื่องธงต้องไม่เปลี่ยน คือฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือกันและจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เพื่อจะได้มีรัฐบาลใหม่มาบริหารจัดการประเทศและช่วยเหลือประชาชน ส่วนหากการหาข้อยุติเรื่องประธานสภาฯ ที่ล่าช้าออกไปจะทำให้ประชาชนมองว่าเป็นการแย่งตำแหน่งกันหรือไม่นั้น ตนมองว่าคงไม่เป็นการแย่ง เราเซ็นเอ็มโอยูไปแล้ว จับมือกันแล้ว ขณะนี้คงต้องเป็นการคุยรายละเอียด ตนเชื่อว่าจะคุยกันรู้เรื่อง และมั่นใจว่าจะไม่มีการพลิกขั้ว อย่างไรพรรค พท.กับก้าวไกล ก็จับมือไปด้วยกัน จนกระทั่งไปถึงปลายทาง ซึ่งขณะนี้ขั้นตอนการเจรจายังไม่จบ แม้ตนจะไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการเจรจา แต่ก็ได้รับฟังว่าพูดคุยกันเป็นไปด้วยดี
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลมีการเปิดตัว นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล และมีการแสดงวิสัยทัศน์ สำหรับตำแหน่งประธานสภาฯ จนถูกมองว่าออกตัวแรงไปแล้วนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่ามองว่าเป็นการออกตัวแรง เขามีความชัดเจนมากกว่า เขามีการโหวตกันภายในเป็นไปตามครรลองของพรรค และยืนยันว่าการเลือกประธานสภาฯ ไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆ ในการจัดตั้งรัฐบาลของฝ่ายประชาธิปไตย
เมื่อถามว่า ท้ายที่สุดแล้วพรรค พท.หรือพรรคก้าวไกลจะต้องถอยหรือไม่ หรือต้องมีการปรับสูตรสมการ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าคิดว่าเป็นการเสียสละ การยกให้ หรือเป็นการถอย แต่เป็นการคุยกับฝ่ายที่มีเป้าหมายเดียวกัน และจับมือจัดตั้งรัฐบาลด้วยกัน และเชื่อว่าทั้ง 2 พรรคจะคุยกันรู้เรื่อง แม้ว่าการตกลงจะออกมาทางใดทางหนึ่ง แต่เป้าหมายหลักจะไม่เสีย สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้จะไม่กระทบกับการรีแบรนด์ของพรรค พท.เพราะเป็นเรื่องภายในของพรรค พท.เราก็ทำของเราต่อไป ส่วนพรรค พท.จะมีการเปิดรายชื่อประธานสภาฯ เมื่อไรนั้น ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้เป็นคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) และมั่นใจว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะได้รับฉันทามติโหวตให้เป็นนายกฯ อย่างแน่นอน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี