ขยายเวลาสอบ‘พิธา’อีก15วัน
กกต.ไฟเขียว
ปมหุ้นสื่อ-รู้ตัวไม่มีสิทธิสมัครสส.
สว.ยื่นคำขาดพรรคก้าวไกล
ต้องลดเพดานแก้มาตรา112
เตือนอย่าเพิ่มเงื่อนไขขัดแย้ง
“ศปปส.-รามฯรักสถาบัน” ยื่นหนังสือถึงสมาชิกวุฒิสภา ผ่าน “สว.เสรี-สมชาย” ปม “โรม ก้าวไกล” จ้องเปลี่ยนวันชาติ-แก้ม.112 ให้พิจารณาหนุนเสียงโหวตนายกฯ สกัดกั้นบ่อนทำลาย
สถาบันหลักชาติ เช่นเดียวกับ “พี่ศรี”ไม่แฮปปี้’วันนอร์’นั่งประธานสภาฯอ้างเหตุประวัติไม่สง่างาม แนะอย่านั่งคุมประชุมถ้ามีวาระพิจารณาเรื่องแบ่งแยกดินแดน ซัดส.ส.โหวตเลือกรองประธานฯมีประวัติดันแก้112 ต้องคืนเครื่องราช เล็งฟ้องจริยธรรม ซัดสส.ชู 3 นิ้วงานรัฐพิธีไม่เหมาะสม จ่อยื่นฟันจริยธรรมร้ายแรง ขณะที่ “ส.ว.สมชาย”ยื่นคำขาด “ก้าวไกล”ต้องลดเพดานแก้ม.112วอนอย่าสร้างเงื่อนไขเพิ่มขัดแย้ง ทำชาติไปต่อไม่ได้ จี้แถลงให้ชัดแนวทาง‘นิรโทษกรรม’ มีรายละเอียดอะไรบ้าง ชงเอาผิดคนยุยงด้วย
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่รัฐสภา ตัวแทนกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา (ส.ว.) และนายสมชาย แสวงการ ประธานกมธ. สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค กรณีเรียกร้องสมาชิกวุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบบุคคลที่มีพฤติกรรมล้มล้างสถาบันหลักของชาติเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ศปปส.ร้องส.ว.สกัดล้มสถาบัน-แก้112
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณีการอภิปรายของนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในเวทีเสวนาหัวข้อ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ” ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันที่ 24 มิถุนายน เนื้อหาตอนหนึ่งระบุ “รอบนี้ฟ้าใหม่ ไม่ว่าประธานสภาก็คงจะไม่ใช่คนเดิม รวมถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าจะชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เราจะได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงและเราจะได้เฉลิมฉลองวันที่ 24 มิถุนายน ในฐานะวันชาติด้วยกัน” ซึ่งสร้างความไม่สบายใจให้คนไทยจำนวนมากว่าเป็นการสร้างเงื่อนไขนำไปสู่การล้มล้าง สร้างความแตกแยก ให้บ้านเมืองและคนในชาติ รวมถึงพฤติกรรมที่ผ่านมาของแกนนำพรรคคนอื่น ที่อ้างวาทกรรมปฏิรูปสถาบัน และสนับสนุนแก้มาตรา 112 ดังนั้น ศปปส.จึงขอเรียกร้องสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 คน โปรดพิจารณาข้อเท็จจริงข้างต้น และหวังว่าสมาชิกวุฒิสภาจะเป็นกลไกที่พึ่งของประชาชน สกัดกั้นความพยายามบ่อนทำลายสถาบันหลักของชาติ เพื่อหยุดวิกฤตความขัดแย้งของคนในชาติ โดยอาศัยกระบวนการรัฐสภา โปรดพิจารณาไม่ให้ความเห็นชอบต่อบุคคลมีมีพฤติกรรมล้มล้างสถาบันหลักของชาติมาเป็นนายกฯ
“ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลแล้วยังยืนยันจะยกเลิก แก้ไขหรือแตะต้องม.112 อุปสรรคของพรรคก้าวไกล ก็คือศปปส.”ตัวแทน ศปปส.ระบุ
รามรักสถาบันจี้ส.ว.ปกป้องสถาบัน
ต่อมากลุ่มรามคำแหงรักสถาบัน ได้ยื่นหนังสือกรณีเดียวกัน เพื่อขอให้ส.ว.ยึดหลักปกป้องสถาบันในการออกเสียงให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเข้าสู่ขั้นตอนตั้งรัฐบาลชุดใหม่ หลังการเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่านักการเมือง พรรคการเมืองบางพรรคที่มีโอกาสตั้งรัฐบาลสร้างประเด็นที่ส่อไปในทางสร้างความแตกแยกของคนในชาติด้อยค่าสถาบันหลักจากนโยบายแก้ไขมาตรา 112 กลุ่มรามคำแหงรักสถาบัน เห็นว่าพรรคก้าวไกล แกนนำตั้งรัฐบาล ยังไม่ได้แสดงท่าทีจุดยืนที่ชัดเจนต่อเรื่องดังกล่าว อ้างเพียงระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นมุข และยังมีพฤติกรรมปกป้องสมาชิกพรรครายดังกล่าว พวกเราจึงขอเรียกร้อง ส.ว.โปรดนำพฤติกรรมของสมาชิก และแกนนำพรรคก้าวไกลมาประกอบการตัดสินใจออกเสียงบนพื้นฐานยุติความขัดแย้งสร้างความรู้รักสามัคคีของคนในชาติ
สว.ยื่นคำขาดกก.ลดเพดานแก้ม.112
ด้านนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา พร้อมนายสมชาย แสวงการ ส.ว. ในฐานะประธานกมธ. สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวหลังรับยื่นหนังสือจากกลุ่มศปปส.และกลุ่มรามคำแหงรักสถาบัน กรณีพรรคก้าวไกลจะเสนอแก้กฎหมายมาตรา 112 โดยนายเสรีกล่าวว่า การโหวตคงต้องดูอีกหลายเรื่อง ส่วนการแก้มาตรา112 ถือเป็นเรื่องหลักและสำคัญในวุฒิสภา แม้จะยังไม่มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ส่วนใหญ่ที่พูดคุยกันก็ให้ความสำคัญเรื่องการบริหารประเทศ อีกทั้ง ยังเสนอแนวทางแก้กฎหมายที่กระทบกับพระราชอำนาจ
ด้านนายสมชายกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนไม่เชื่อว่า 14 ล้านเสียง จะต้องการให้แก้ไขหรือยกเลิกมาตรา112 หรือกระทบล้มล้างรัฐธรรมนูญและร่างใหม่ในหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งเป็นความมั่นคงของชาติ เราพยายามสื่อสารกับพรรคก้าวไกลอยู่แล้วว่า ให้ลดเพดานเรื่องนี้ลง เพราะมีผลกระทบต่อความสงบสุขของประเทศ ส.ว.แสดงเจตนารมณ์หลายครั้งว่าเรื่องเหล่านี้นำไปสู่ความขัดแย้ง ฉะนั้นฝ่ายการเมืองควรแก้ปัญหาในสภาฯง่ายที่สุดอย่าไปละเมิด หรือเอามาหาเสียง และกระทบประชาชนกลุ่มที่ไม่ได้เลือก แม้กระทั่งกลุ่มที่เลือกเองก็ไม่ได้เห็นด้วย
“ขอฝากพรรคก้าวไกลว่าเรื่องนี้เลิกไปเถอะ แล้วไปทำงานให้ประชาชนในเรื่องที่เขาฝากความหวังมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องปากท้องเศรษฐกิจ ที่เขาอยากได้ใน 300 นโยบาย มีตั้ง 290 กว่านโยบายที่เขาอยากได้ จากที่ไปหาเสียงไว้”นายสมชาย กล่าว
ห่วงหนักยกระดับปมวันชาติ-ประชามติ
และว่า เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ตนฟังการแถลงร่วม ตนยิ่งหนักใจ เพราะมีการยกระดับเรื่องวันชาติการสนับสนุนเรื่องการทำประชามติ รวมถึงการนิรโทษกรรมคดีการเมือง โดยเฉพาะมาตรา 12 ที่เราเห็นว่าเป็นปัญหาอยู่ ทำไมไม่ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมว่าไป หรือการแก้กฎหมายบางประการที่เกี่ยวกับความมั่นคง ตั้งแต่เลือกตั้งมาจนถึงวันนี้ ตนยังไม่เห็นการแก้นโยบายที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจปากท้องให้ประชาชนได้อย่างไร ส.ว.ก็รอฟังอยู่
“เรื่องนี้เราขอให้ลดเพดานลง ถ้าลดได้ เราก็เดินหน้าประเทศได้ แต่ถ้าเราเดินต่อ ยิ่งเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปเรื่อยๆ ก็นำไปสู่ความขัดแย้ง แล้วก็ทำให้ส.ว.ไม่สบายใจมากขึ้นในการโหวต” นายสมชาย กล่าว
ลั่นถ้ายังชงแก้112ไม่โหวตให้แน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ ส.ว.ให้พรรคก้าวไกลยอมถอยเรื่องแก้กฎหมายมาตรา 112 จะรวมถึงเรื่องวาระการนิรโทษกรรมคดีการเมืองด้วยหรือไม่ นายเสรีกล่าวว่า การนิรโทษกรรมไม่ใช่เรื่องของการเสนอแก้กฎหมาย แต่เป็นกระบวนการที่จะช่วยเยาวชนที่ถูกคดีในปัจจุบัน ซึ่งพวกเราไม่ได้ขัดข้อง เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นถ้าไม่มีผู้ใหญ่ไปให้ท้าย หรือมีนักการเมืองไปสร้างปัญหา ยุยงให้เด็กทำผิดจนเสียอนาคต เมื่อปัญหาเกิดขึ้น แนวทางออกได้คือ การนิรโทษกรรม ซึ่งทำให้เด็กเห็นว่า หากมีนิรโทษกรรม แสดงว่าการที่กลุ่มเด็กทำไปนั้นถูกหลอกใช้ ตกเป็นเครื่องมือ จะได้ไม่ทำอีก เพราะสังคมไทยพร้อมให้โอกาสทุกคน แต่ถ้าเป็นการเสนอแก้กฎหมาย 112 ยืนยันว่าไม่เห็นด้วย และไม่โหวตผ่านแน่นอน
ขณะที่นายสมชาย กล่าวถึงการเสนอวาระนิรโทษกรรมว่า ยังไม่ชัดเจนว่ามีคดีอะไร รวมคดีอื่นๆเช่น การทุจริตคอร์รัปชั่นทางการเมือง หรือการเผาทำลายต่างๆทางการเมืองด้วยหรือไม่ ต้องเอารายละเอียดให้ชัดเจน ส่วนเรื่องมาตรา 12 ตนมองว่ากฎหมายไม่ได้มีปัญหา เพราะคนไปแจ้งความ สุดท้ายสำนวนก็เป็นตำรวจอัยการ และศาลที่ทำ รวมถึงมีกระบวนการพิจารณา ศาลก็มีเมตตาให้ประกัน แต่ก็มีคนยุยงให้ทำต่อเนื่อง ตนจึงมองว่า ต้องเอาผิดคนยุยงด้วย
ติงชูนิรโทษกรรมขัดแย้งบานปลาย
“ผมคิดว่าการปลุกปั่นเพื่อต้องการที่จะดันให้สังคมไปสู่ความรุนแรงมากยิ่งขึ้นต่อสถาบันฯ และอาศัยเงื่อนไขที่อ้างว่าจะมีการนิรโทษกรรมให้ จะยิ่งทำให้ปัญหาบานปลาย และสอดรับกับสิ่งที่พวกคุณเสนอแก้ไข ม.112 ให้ฐานความผิดที่ลดลงไปกว่าบุคคลทั่วไป เราเสนอไปแล้วว่าให้ลดเพดานลง เพราะกระทบความสงบสุขของประเทศ มีคนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณเยอะมาก มากกว่าคนที่เลือกคุณอีก” นายสมชาย กล่าว และย้ำว่า เราเห็นด้วยที่ได้เสียงจากประชาชนมา และมีความคิดสมัยใหม่เรื่องเศรษฐกิจ เทคโนโลยี แต่ขอเรื่องนี้เรื่องเดียว เพราะประเทศไม่ได้มีปัญหาอะไร ถ้ายังวนอยู่แบบนี้ประเทศก็ไปไหนไม่ได้ ส่วนตัวตนยังมองว่าเรื่องนี้ยังไม่ผ่าน ไม่เห็นด้วย และจะไม่โหวตให้ผ่าน จนกว่าจะแถลงชัดเจนพูดต่อสาธารณะว่าจะลดเพดานลงให้สังคมเดินต่อไปได้
ไม่แฮปปี้ปธ.สภาคนใหม่แยกดินแดน
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนไม่แฮปปี้กับประธานสภาคนใหม่ แต่ต้องยอมรับเสียงของสภาที่มีมติเลือกแล้ว ที่ไม่แฮปปี้เพราะนายวันมูหะมัดนอร์ มีประวัติไม่ค่อยสง่างาม โดยเฉพาะมีบุคลากรในพรรคประชาชาติไปเกี่ยวข้องกับการจัดเสวนาวันที่ 7 มิถุนายน เกี่ยวกับการทำประชามติแบ่งแยกดินแดน ซึ่งทั้งหัวหน้าพรรคและพรรคถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้มาตลอด
ดังนั้น การเข้ามาเป็นประธานฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วนตัวยังเกรงว่าอาจไม่เป็นกลางต่อกรณีที่มีข้อเสนอแบ่งแยกดินแดน หากมีเรื่องแบ่งแยกดินแดนขึ้นมาจริงหรือมีการกระทำใด ที่ทำให้ประเทศ ไทยสูญเสียอำนาจอธิปไตย หรือการปกครองตนเอง การแบ่งแยกดินแดน ซึ่งต้องผ่านกฎหมายต่างๆนายวันมูหะมัดนอร์ ก็ไม่ควรมีส่วนร่วมพิจารณา โดยถอยไปให้รองประธานสภาที่เป็นกลางทำหน้าที่แทนจะเหมาะสมมากกว่าเช่นเดียวกับ คนที่เป็นรองประธานสภาฯคนที่ 1 และ 2 ต้องมีความสง่างามจงรักภักดีต่อสถาบัน การที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 500 คน จะเลือกคนมาเป็นผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติ ที่มีประวัติแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายคุ้มครองสถาบันก็ดูย้อนแย้งในการปฏิบัติหน้าที่ ความสง่างามไม่เกิดขึ้น
ขู่ฟันจริยธรรมส.ส.หนุน.แก้ม.112
“ส.ส.ส่วนใหญ่ครั้งนี้เป็นหน้าเดิม ได้รับโปรดเกล้าฯพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งไม่ว่าได้รับพระราชทานเครื่องราชชั้นใด กลับมายกมือเลือกบุคคลมีประวัติยกเลิกแก้ไขมาตรา 112 จึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ถ้าจะยกมือให้ก็ควรแสดงสปิริตขอทูลเกล้าฯถวายเครื่องราชคืน” นายศรีสุวรรณ กล่าว และว่า ในสัปดาห์นี้ตนจะเดินทางไปสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอรายชื่อคนที่ให้การรับรองรองประธานสภาฯว่ามีใครบ้าง และจะพิจารณาอีกครั้งว่าคนที่ยกมือให้และเคยได้รับเรื่องราชอิสริยาภรณ์เข้าข่ายผิดจริยธรรมหรือไม่ หากเห็นว่าผิดจะยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบจริยธรรม ส.ส.ดังกล่าวสัปดาห์ถัดไป
พ่วงร้องปปช.ฟันชู3นิ้วงานรัฐพิธี
ผู้สื่อข่าวถามถึงหลังเสร็จพระราชพิธีรัฐสภาระหว่างถ่ายภาพหมู่ มีส.ส.บางคนชู 3 นิ้ว นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ตนเห็นมี 2 คนที่ชู 3 นิ้ว คิดว่าคนเหล่านี้แสดงพฤติการณ์ไม่บังควร งานนี้เป็นงานรัฐพิธีเป็นเกียรติตนเองที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามา ประชาชนไว้วางใจให้มาทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ แต่กลับแสดงพฤติกรรมสะท้อนแนวคิดของตนเองในการชู 3 นิ้วในสถานที่รัฐพิธี คิดว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ไม่เหมาสม อาจเป็นการการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงด้วยซ้ำ เรื่องนี้อาจนำไปร้องป.ป.ช.ให้ตรวจสอบด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หน้าเฟซบุ๊กนายศรีสุวรรณโพสต์ข้อความว่า “ส.ส.ทั้งหลายจงจำไว้ว่าท่านไม่ควรเลือกรองประธานสภาคนที่ 1 ที่มีจุดยืนยกเลิก ม.112 ไม่เช่นนั้นต้องถวายคืนเรื่องราชฯ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี