"อนุสิษฐ"ชี้แก้ไขปากท้องประชาชนมาก่อนจัดตั้งรัฐบาล เชื่อนโยบายพรรคก้าวไกลบางอย่างทำได้ บอกประชาประธิปไตยมีทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าย เชื่อก้าวไกลเป็นคนรุ่นใหม่มีคุณภาพ ทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้ มองประเทศต้องเดินหน้า ออกมาชุมนุมอย่างผิดกฎหมาย ติงคนยั่วยุต้องรับผิดชอบ ย้ำประเทศพัฒนามาได้เพราะคนเก่า
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ที่รัฐสภา นายอนุสิษฐ คุณากร สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึง จัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ว่า เป็นเรื่องของ ส.ส.จะไปพูดคุยกันให้ได้ข้อยุติ ซึ่งจากเดิมที่เคยตกลงว่าให้พรรคอันดับที่ 1 มาจากตั้งรัฐบาลตามมารยาททางการเมือง ซึ่งไม่มีข้อตกลงอะไรเป็นพิเศษทางกฎหมาย และเมื่อจัดตั้งไม่สำเร็จก็เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ตามมารยาททางการเมือง ขณะนี้เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยว่าจะตัดสินใจจัดตั้งรัฐบาลรูปแบบไหน จะรวมหรือไม่รวมก้าวไกล ซึ่งพรรคเพื่อไทยคงพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อผลผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยดี ซึ่งตรงนี้มองว่าถือเป็นทางออกที่ดีพอสมควร
ส่วน ส.ส.จะรอดูท่าทีการจัดตั้งรัฐบาล ก่อนโหวตในวันที่ 27 ก.ค.ว่ามีพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ นายอนุสิษฐ กล่าวว่า ขณะนี้เป็นเรื่อง ส.ส.แต่ สว.ก็มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ อย่าคิดว่า สว.เป็นพรรคการเมืองหนึ่ง หรือ สว.มาจากเผด็จการ ดังนั้น สว.มีหน้าที่ในการตัดสินใจ เพราะการทำหน้าที่ของ สว.มีรัฐธรรมนูญบังคับอยู่ภายใต้เงื่อนไข การรักษาชาติและอธิปไตย รักษาสถาบันหลักของชาติตามหลักรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มีการมอบฉันทามติให้เรามา ตนอยากให้ประชาชนทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชาติ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มด้อมส้ม หรือคนเสื้อแดง คนเสื้อเหลือง และกลุ่มคนใส่เสื้อทุกๆ สี เพราะเขาเป็นคนไทยทั้งสิ้น ฉะนั้น บ้านเมืองจะเจริญก้าวหน้าต่อไปได้ เป็นเรื่องของความสงบเรียบร้อย ต้องมีเอกภาพ และบูรภาพในสังคมไทย ในฐานะที่ตนเคยเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ มองว่า ผลประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ตามวิถีการเเสดงออกตามวิถีทางประชาธิปไตยถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากแสดงออกที่ก่อให้เกิดความไม่สงบ มีการกระทำผิดทางกฎหมาย เพราะเฉพาะกลุ่มเยาวชน เราต้องมีการอบรบ กระบวนการทางประชาธิปไตยที่เยาวชนมีการเคลื่อนไหว ว่าต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขอะไรบ้าง ปฏิบัติตามกฎหมาย การเป็นพลเมืองที่ดี ใช้เสรีภาพโดย ไม่ทำให้สังคมเดือดร้อน และไม่กระทบเสรีภาพของผู้อื่น การอ้างประชาธิปไตยโดยการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวคงไม่แฟร์กับประเทศชาติ ตนเห็นด้วยที่เยาวชนต้องการเปลี่ยนแปลง และเชื่อว่าพรรคที่จะเข้ามาบริหารประเทศต้องใช้เสียงประชาชน หากก้าวไกลเข้ามาก็จะเดินไปได้ และไม่เชื่อว่า พรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะไม่ใช้นโยบายของพรรคก้าวไกลมาดำเนินการ เพราะบางสิ่งทำได้ ก็เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสิ้น
ทั้งนี้ หากเพื่อไทยยังเจรจาไม่ได้จะทำให้มีการเลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีออกไปหลังวันที่ 27 ก.ค.หรือไม่ นายอนุสิษฐ ระบุว่า เป็นหน้าที่ของประธานสภาและพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลร่วมพูดคุยกัน เพราะ สว.ไม่มีหน้าที่ในการเสนอชื่อและรับรองตัวบุคคลเพื่อโหวตนายกฯ เพราะเป็นบทบาทของ ส.ส.
ส่วนท่าทีของหลายพรรคการเมือง ที่ดูจะสบายใจกหากไม่มีพรรคก้าวไกลเข้ามาร่วมรัฐบาลด้วยนั่น และจะส่งผลให้กลุ่มที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลไม่พอใจหรือไม่ นายอนุสิษฐ ระบุว่าเข้าใจถึง ความเปลี่ยนแปลงที่ต้องการให้เป็นไปตามนโยบายที่ก้าวไกลที่ได้หาเสียงไว้ ไม่เชื่อว่าหากไม่มีพรรคก้าวไกลการเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิด เพราะหลายสิ่งถูกสะท้อนปัญหาของประเทศชาติบ้านเมือง จากการมองของคนหลายกลุ่ม โดยพรรคก้าวไกลกล้ามองและกล้านำเสนอ ซึ่งเป็นประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ซึ่งประชาชนต้องเข้าใจว่า ประชาธิปไตยมีสองมุมคือ เป็นรัฐบาลไปบริหารประเทศ หากเป็นฝ่ายค้านก็เข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบ ยื่นข้อเสนอและความต้องการในฐานะเสียงของประชาชนได้อยู่ดี
ส่วนเป็นห่วงหรือไม่ หากพรรคก้าวไกลถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้านและประชาชนจะลงถนน นายอนุสิษฐ กล่าวว่า ส่วนตัวยอมรับว่ากังวลในฐานะผู้ที่ดูแลบ้านเมือง อย่างภาคราชการ เพราะการเคลื่อนไหวของมวลชนคือลูกหลานและเพื่อนร่วมชาติของเรา ตอนนี้ขอเพียงว่าอยากให้บ้านเมืองเกิดวิกฤต สังคมเกิดความไม่สงบ เพราะคนที่รับผิดชอบคือผู้ใหญ่ ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่การเอาชนะเพื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลเท่านั้น เพราะบางยุคสมัยมีฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ซึ่งที่ผ่านมาตนก็มองว่าพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง และ ส.ส.ของพรรคก้าวไกลมีคุณภาพสูงเป็นคนรุ่นใหม่ ประชาชนได้ประโยชน์ แต่แม้จะมีประสบการณ์ในเวลาอันน้อยนิด แต่ขออย่าหลงลืม ละเลย เพราะการสร้างชาติของพวกเรา มีมาตั้งแต่ผู้เฒ่า ผู้อาวุโส คนแก่ที่บอกว่า กะโหลกกะลา แต่ความจริงคนเหล่านี้สร้างชาติบ้านเมืองมาให้เราอยู่รอดปลอดภัย พัฒนามาได้จนถึงทุกวันนี้ ขอให้ทุกคนกลับไปคิด ซึ่งการเคลื่อนไหว ต้องออกมารับผิดชอบเฉพาะตัว แต่ตนเป็นห่วงคนที่ไปชี้นำการกระทำที่ผิดกฎหมาย เป็นสิ่งที่อันตราย
เมื่อถามว่า สว.จะมีการพูดคุยกันก่อนโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้ว นายอนุสิษฐ กล่าวว่า ที่ผ่านมา สว.มีความเห็นตรงกันหลายเรื่อง เช่น เรื่องมาตรา 112 เรื่องการปกครองตนเองในสามจังหวัดใช้แดนภาคใต้ และกฏหมายอาญาระหว่างประเทศที่ต้องมีการเข้ารวม ซึ่งประชาชนบางส่วนยังไม่เข้าใจ ดังนั้น ต้องอธิบายผลได้ผลเสียที่ประชาชนจะได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลประโยชน์ของประเทศชาติว่าจะส่งผลกระทบอย่างไร อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าการเร่งรัดเข้ามาบริหารประเทศ ต้องเร่งรัดเรื่องปากท้องพี่น้องประชาชนเพราะเป็นสิ่งที่สำคัญ ดังนั้น ขึ้นอยู่กับหลักการของผู้ที่จะจัดตั้งรัฐบาล ว่าจะดำเนินการอย่างไร
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี