“บิ๊กเด่น”มีคำสั่งด่วนส่งถึงรอง ผบ.ตร.ทั้ง 4 นาย แคนดิเดตผบ.ตร.คนที่ 14 ให้โชว์วิสัยทัศน์ ก่อนเสนอให้ “เศรษฐา” นายกฯ คนใหม่ พิจารณา ก่อนเคาะ จับตา บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ยังเป็นตัวเต็ง
เมื่อวันที่ 31สิงหาคมผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธาน ก.ตร.ได้ขอถอนวาระเกี่ยวกับการเสนอรายชื่อ ผบ.ต.คนที่ 14 ออกไป ในระหว่างการประชุม ก.ตร.เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และเป็นดุลพินิจของนายกฯ คนใหม่ นอกจากนี้การพิจารณาแต่งตั้ง รอง ผบ.ตร.-ผบก.ก็มีการขยายเวลาไปจนถึงปลายเดือนกันยายนนี้ ว่า ทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งลงวันที่ 29 สิงหาคม 2566เรื่อง การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ไปถึง พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์และพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.จัดทำผลการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งสรุปสภาพปัญหาการปฏิบัติงานหรือสภาพปัญหาของ ตร.ในปัจจุบันและแนวทางการแก้ปัยหาในอนาคต หากได้รับคัดเลือกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.
ทั้งนี้ ให้มีการจัดทำเป็นเอกสารรวมไม่เกิน 4 แผ่น (ขนาด A4) แล้วส่งไปยัง ตร.(ผ่าน สกพ.) ภายในวันที่ 1 กันยายน 2566 จึงแจ้งมาเพื่อทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับรายละเอียดของคำสั่งดังกล่าวจากพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ส่งถึง รอง ผบ.ตร.ทั้ง 4 นาย มีใจความว่า ด้วย ก.ตร.ในการประชุมครั้งที่ 9/2556 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 ได้มีมติให้ถอนเรื่องการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ออกจากระเบียบวาระการประชุมตามที่นายกฯ ในฐานะประธาน ก.ตร.เสนอ เพื่อให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลโดยให้นายกฯ คนใหม่เป็นผู้พิจารณาคัดเลือก ข้าราชการตำรวจที่จะดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ต่อไป
อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของนายกฯ ในการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่จะดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.จึงให้ท่านดำเนินการจัดทำผลการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งสรุปสภาพปัญหาการปฏิบัติงานหรือสภาพปัญหาของ ตร.ในปัจจุบัน และแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวในอนาคตหากได้รับการคัดเลือกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.โดยจัดทำเป็นเอกสารรวมไม่เกิน 4 แผ่น (ขนาด A4) แล้วส่งไปยัง ตร.(ผ่าน สกพ.) ภายในวันที่ 1 กันยายน 2566 จึงแจ้งมาเพื่อทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
มีรายงานว่า การที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ได้มีคำสั่ง เรื่อง การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการ ไปถึง พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์และพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.มีใจความว่า 1.ให้จัดทำผลการปฏิบัติงานเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของนายกฯ ในการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่จะดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.2.เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของนายกฯ ในการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.จึงให้ท่านดำเนินการจัดทำผลการปฏิบัติงานที่เห็นว่ามีความสำคัญ และเกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของ ตร.โดยจัดทำเป็นเอกสารรวมไม่เกิน 4 แผ่น (ขนาด A4) แล้วส่งไปยัง ตร.(ผ่าน สกพ.) ภายในวันที่ 1 กันยายน 2566 เพื่อทราบและดำเนินการนั้น เป็นที่สังเกตว่าการแต่งตั้งผบ.ตร.เจ้าของนามเรียกขาน ‘พิทักษ์ 1’ หรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ แทนที่พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ที่จะเกษียณอายุราชการสิ้นเดือนกันยายนนี้ เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ มาเป็นรัฐบาลที่มีแกนนำจัดตั้งคือพรรคเพื่อไทย ทำให้การแต่งตั้งดังกล่าว ได้เริ่มจัดทำใหม่ แต่เดิมก็มีการดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งน่าจับตาว่าเก้าอี้ ‘พิทักษ์ 1’ กับตัวเต็งอย่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะสามารถโชว์วิสัยทัศน์จนเป็นที่ถูกใจนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ หรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่า เนื่องจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯจะเดินทางไปประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ที่สหรัฐอเมริกา วันที่ 19-22กันยายน จึงต้องเลื่อนการประชุม ก.ตร.ที่ตอนแรกมีมติจะประชุมวันที่ 22กันยายน มีความพยายามขยับวันประชุมให้เร็วขึ้นเป็นวันที่ 14กันยายนนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี