นายกฯเฟิร์มถก‘ครม.นัดแรก’ชงด่วน‘พักหนี้อุ้มเกษตรกร’ทันที ทั้งต้นทั้งดอก รับปากช่วยรายได้‘ข้าราชการ-ครู’ ยึดเหมาะสมกับวินัยเงินคลัง ด้าน‘รมช.คลัง’ปลุกตื่นจากฝันอยู่กับความจริง เงินไม่พอทำ‘สวัสดิการถ้วนหน้า’
เมื่อเวลา 13.12 น.วันที่ 12 กันยายน 2566 ที่รัฐสภา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงถึงนโยบายพักหนี้เกษตรกร ในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า เรื่องการเกษตรเป็นเรื่องสำคัญ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ครั้งแรก จะมีเรื่องการพักหนี้เข้าสู่ที่ประชุมเป็นเรื่องเร่งด่วนจะทำให้ได้ในไตรมาสสี่ปีนี้ โดยเป็นการพักหนี้ทั้งต้นและดอก พร้อมแผนสร้างรายได้ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างปลูกและผลิตตามที่ตลาดโลกต้องการ และการพักหนี้ทั้งต้นทั้งดอกนี้จะทำให้เกษตรกรมีแรงทำมาหากินสร้างรายได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และไม่เสียวินัยการเงินการคลัง เช่น การใช้ปุ๋ยตามการวิเคราะห์ดิน ลดจำนวนปุ๋ยเคมีและเพิ่มผลผลิตเพื่อเพิ่มรายได้ ส่วนเรื่องการใช้ดาต้าเข้ามาสนับสนุนการเพาะปลูกนั้น เราจำเป็นต้องถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกษตรกรปรับใช้ให้มีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการให้ความรู้เกษตรกรทั่วไป
นายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นเรื่องหมูเถื่อนที่เข้ามานั้น ตนได้รับฟังปัญหานี้มาก่อนแล้วเป็นปัญหาใหญ่ที่ลามไปทั่วประเทศจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อหาแผนสั่งการต่อไป ขณะที่เรื่องของรายได้ครูและข้าราชการนั้นถือเป็นภาคส่วนสำคัญในการดูแลประชาชน ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ และรับปากว่าจะไปดูแลเรื่องรายได้ให้เหมาะสมกับงบประมาณโดยรักษาไว้ซึ่งวินัยการเงินการคลัง
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า การแก้ปัญหาการพักหนี้เกษตรกร สมาชิกหลายท่านอภิปรายให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ตนในฐานะรมช.คลัง รวมถึงนายกฯ เน้นย้ำการเดินหน้าเรื่องการพักหนี้ เราเตรียมการล่วงหน้าไปมากแล้ว โดยเชื่อมั่นว่าภายในไตรมาสนี้จะเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องการพักหนี้เกษตรได้ การพักหนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะต่อชีวิตให้พี่น้องภาคการเกษตร หลังจากนั้นรัฐบาลจะมีโครงการอีกจำนวนมาก พร้อมกับวางเป้าเพิ่มมูลค่าทางเกษตรภายใน 4 ปี เพื่อให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้อย่างแท้จริง รวมถึงจะมีการเจรจาการค้าเอฟทีเอกับหลายๆประเทศเพื่อเปิดประตูการค้า เพราะรัฐบาลมองสถานการณ์เอญนีโญที่จะเกิดขึ้นเป็นโอกาส เพราะจะเกิดภาวะขาดแคลนด้านอาหารจำนวนมากในโลก ถ้าประเทศไทยสร้างความแข็งแกร่งด้านการเกษตรได้ เราจะกลับมาเป็นครัวโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ เกษตรกรจะลืมตาอ้าปากได้
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการพูดถึงสวัสดิการถ้วนหน้า เราต้องตื่นจากความฝันและอยู่กับความเป็นจริง เนื่องจากจีดีพีของไทยต่ำกว่าประเทศที่ทำสวัสดิการถ้วนหน้ามาก ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในสภาวะที่การจัดเก็บภาษี ยังไม่สามารถอยู่ในจุดที่เราจะทำสวัสดิการถ้วนหน้าได้จริงๆ เราเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลกันมาช่วงหนึ่ง ทราบดีว่าข้อจำกัดคืออะไร ตนอยากถามกลับว่าหากท่านต้องการให้ทำสวัสดิการถ้วนหน้า ท่านคาดว่าจะเอางบประมาณมาจากไหน หรือท่านจะเอาเงินมาจากการขายทรัพย์สินของรัฐมาทำสวัสดิการถ้วนหน้า หรือจะขายกองทุน กู้แบงก์ แต่สำหรับรัฐบาลนี้เราตระหนักเรื่องวินัยการเงิน การคลัง ฉะนั้น เราคงจะทำแบบนั้นไม่ได้
“ด้วยภาระของรัฐบาลปัจจุบันหากทำสวัสดิการถ้วนหน้าจะเกิดปัญหาขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้ ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีงบประมาณมากเพียงพอ ที่จะรองรับการจัดสวัสดิการถ้วนหน้า สิ่งสำคัญที่ทุกท่านทราบคือรัฐจะต้องจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น ยืนยันว่ารัฐบาลมีความตั้งใจเดินหน้าสวัสดิการโดยรัฐให้กับประชาชนในระดับที่เหมาะสม และจะทำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแน่นอน” รมช.คลัง กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี