1.โดยที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 76 กำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติลงความเห็นว่า
ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฯ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ให้คณะกรรมการป.ป.ช.ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน
และความเห็นพร้อมสำเนาอิเล็กทรอนิกส์ไปยังอัยการสูงสุด ภายในสามสิบวัน (30 วัน) นับแต่วันที่มีมติ เพื่อให้อัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป
มาตรา 77 วรรคหนึ่ง กำหนดให้ว่าเมื่ออัยการสูงสุดได้รับสำนวนคดีอาญาตามมาตรา 76 ไว้แล้ว ให้อัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน(180 วัน) นับแต่วันที่ได้รับสำนวน และ
มาตรา 81 กำหนดว่าในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประทับฟ้องตามมาตรา 77 ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา เว้นแต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น และ
มาตรา 93 วรรคสอง กำหนดให้นำมาตรา 77 และมาตรา 81 มาใช้บังคับกับการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยโดยอนุโลม
2. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ส่งกรณีหารือต่อกระทรวงมหาดไทย จำนวน 4 เรื่อง โดยสรุป ดังนี้
1) กรณีคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติชี้มูลนายส.1 ครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ปัจจุบันเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งหนึ่ง) เรื่องการออกโฉนดที่ดิน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติโดยมิชอบ และจังหวัดได้หารือว่า ผู้นี้จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 หรือไม่
2) กรณีคณะกรรมการป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดนายส. 2 ครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานปกครองว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ฯ และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้ประทับรับฟ้องและพิพากษาจำคุก 2 ปี แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ต่อมานายส.ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่ง นายกเทศมนตรีตำบลแห่งหนึ่ง ต่อมาจังหวัดได้สั่งให้นายส.หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะกรรมการป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ตามมาตรา 81 ดังกล่าว(ประกอบความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 1486/2564)
3) กรณีอัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องนายส 3. นายกเทศมนตรีเมืองแห่งหนึ่ง ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ และศาลได้พิพากษาว่า นายส.มีความผิดตามฟ้อง
ให้ลงโทษจำคุก 5 ปี และปรับ 20,000 บาทจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง และมีเหตุอันควรปรานีจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด2 ปี เช่นนี้ จังหวัดจะต้องสั่งให้นายส.หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือ กรณีที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯพิพากษาว่านายส.กระทำความผิดตามที่กล่าวหาให้พ้นจากตำแหน่งและหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 81 วรรคหนึ่ง และมาตรา 93วรรคสอง (พ.ร.ป.ป.ป.ช.)
(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี