กมธ.สภาสูงถก25ก.ย.
ปม‘ทักษิณ’ป่วยทิพย์
ต้องอยู่ในรพ.ตลอด 1 ปีเลยหรือ! “กมธ.สิทธิฯ สว.” เรียกฝ่ายเกี่ยวข้องเค้นถามคืบหน้าอาการ “ทักษิณ” 25 กันยายน เตือนดันทุรังพักโทษระวังลามกระทบรัฐบาล
เมื่อวันที่ 23 กันยายน นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวว่า ในวันที่25ก.ย.นี้ เวลา13.00น. คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ ได้เชิญ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ผอ.โรงพยาบาลตำรวจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และผอ.ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ มาให้ข้อมูลต่อกมธ. กรณีการติดตามดูแลนักโทษระบบราชทัณฑ์ จะสอบถามฝ่ายที่เกี่ยวข้องกรณีการดูแลรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจมา 1เดือนแล้ว เพราะถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องอาการป่วยนั้น อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจไปตลอดจนครบ1ปีหรือไม่ จะสอบถามอาการป่วยนายทักษิณตามหลักสิทธิมนุษยชน คงไม่ถึงขั้นก้าวล่วงข้อมูลมากมาย แต่ให้พอรู้เรื่องในบางระดับว่า อาการมีความน่าห่วงหรือเล็กน้อย สามารถนำกลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้หรือไม่ เพราะตอนที่นายทักษิณเดินทางกลับประเทศยังแข็งแรง ผลตรวจทางการแพทย์ก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรรุนแรงรวมถึงขั้นตอนการพักโทษของนายทักษิณหลังจากนี้จะกระทำได้หรือไม่ หรือจะการแก้ไขหลักเกณฑ์การพักโทษหรือไม่ อยากให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องชี้แจงให้เกิดความชัดเจน เพราะสังคมสงสัยเรื่องอาการป่วยของนายทักษิณว่า มีอาการป่วยหนักจริงหรือไม่
นายสมชาย กล่าวว่า ส่วนขั้นตอนการขอยื่นพักโทษ เพื่อให้สามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้นั้น กรณีนายทักษิณไม่อยู่ในเงื่อนไขขอพักโทษได้ แม้จะมีอายุ70ปีขึ้นไป และมีอาการป่วย แต่ผู้ได้รับการพักโทษต้องได้ ตามกฎหมายระบุต้องได้รับโทษมาแล้ว 1ใน3 นายทักษิณมีโทษจำคุก1ปี ต้องติดคุกก่อน 4เดือน จึงอยู่ในเกณฑ์พักโทษได้ อย่างน้อยต้องรอไปถึงปลายเดือนธ.ค.จึงจะเข้าข่ายได้พักโทษ รวมถึงการจะพักโทษได้ต้องเป็นนักโทษชั้นดี เหลือโทษไม่เกิน1ใน5 แต่นายทักษิณเป็นนักโทษชั้นกลาง ติดคุกไม่ถึง1ใน3 ไม่สามารถเลื่อนเป็นนักโทษชั้นดีได้ หากจะขอพักโทษโดยอ้างเหตุเคยทำความดีความชอบให้ประเทศ ขอให้ระวังเพราะไม่อยู่ในเกณฑ์ให้พักโทษได้ เว้นแต่จะมีการแก้ระเบียบใหม่จากกระทรวงยุติธรรม อยากเห็นนายทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างแท้จริงเหมือนคนอื่น อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายจตุพร พรหมพันธุ์ อย่าหาเหตุพักโทษ ถ้าโทษ11เดือนที่เหลือ จะให้อยู่โรงพยาบาลตำรวจหรือกลับบ้าน ตนไม่เห็นด้วย เต็มที่ควรกลับมาอยู่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ให้มาช่วยงานแพทย์ เจ้าหน้าที่ ใช้ห้องพักชั้น9 ที่เป็นของแพทย์ เจ้าหน้าที่ มีแอร์ ทีวี อดทนอยู่จนครบ 11เดือนเชื่อว่าสังคมรับได้ แต่ถ้ายังหาเหตุพักโทษหรือลดโทษ ถอยออกมาก่อนกำหนด ระวังจะเป็นคลื่นใต้น้ำกระทบรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสินที่เคยประกาศจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดหลักความยุติธรรม
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ได้กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลว่า รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เป็นภาพรวมกว้างๆ ไม่มีรายละเอียดที่จะสามารถทำให้เห็นความชัดเจนในภาคปฎิบัติว่าจะนำไปสู่การขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมได้อย่างไร นโยบายต่าง ๆ ไม่มีการชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบายซึ่งขัดรัฐธรรมนูญที่ระบุไว้ชัดว่ารัฐบาลต้องแจงรายละเอียดในส่วนนี้ จึงทำให้เห็นข้อเท็จจริงในนโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่จะมีการแจกเงิน 10,000 บาท ปัจจุบันรัฐบาลยังแจงรายละเอียดต่อสังคมไม่ได้ว่าจะมีหลักการใช้จ่ายงบประมาณอย่างไร งบประมาณจะใช้จากส่วนไหน มิหนำซ้ำวิธีการดำเนินการยังกลับไปกลับมา พูดไม่ตรงกันแม้แต่วันเดียว แสดงให้เห็นถึงการคิดทำที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการตรึกตรองที่รอบคอบ ที่สำคัญโครงการนี้ปลายทางจะมีใครได้รับประโยชน์จากนโยบาย สุดท้ายความจริงก็จะปรากฏ
รัฐบาลอ้างหลักนิติธรรมเสมือนว่าใช้นำทางในการบริหารราชการแผ่นดินแต่นับแต่รัฐบาลเข้ามาบริหารงาน จะเห็นว่าหลักนิติธรรมเป็นเพียงลมปากถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากนายกรัฐมนตรี ไร้ซึ่งความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปฏิบัติให้ได้จริง
ที่เห็นชัดคือ สองมาตรฐานในการบังคับใช้กฎหมาย กรณีนายทักษิณ ชินวัตร ที่ทุกคนเห็นได้ชัดว่ารัฐบาลไม่สนใจใยดีต่อหลักนิติธรรม โทษจำคุกหนึ่งปีนายทักษิณจะได้รับโทษจริงหรือไม่ ที่อ้างว่ามีเหตุเจ็บป่วยที่ต้องรักษาโรงพยาบาลที่อยู่นอกเรือนจำมีเหตุเจ็บป่วยจริงหรือไม่ เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ต้องขังรายอื่นทุกคนเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความเท่าเทียมกับประชาชนทุกคน
ประเทศนี้ถ้าคนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมตอบว่าไม่ทราบรายละเอียดการเจ็บป่วยของนายทักษิณเลย นั่นคือความล้มเหลวต่อการบังคับใช้กฎหมายอย่างสิ้นเชิง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็พลอยรับกรรมจากเหตุนี้ไปด้วย ไม่ช้าเรื่องต่าง ๆ ความจริงก็จะปรากฏว่าที่อ้างหลักนิติธรรมนั้น สุดท้ายก็คือ รัฐบาลอ้าง นิติธรรมจอมปลอม เท่านั้นเอง
นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า จะให้เวลารัฐบาลได้เริ่มต้นทำงาน หน้าที่ฝ่ายค้านคือการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล สิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ต้องติติงคัดค้าน สิ่งที่ดีที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนเราจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ ขณะนี้ในส่วนของพรรคได้เก็บข้อมูลทั้งหมด ทุกรายละเอียด เพื่อทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศให้มากที่สุด ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม หากมีข้อมูลสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ยินดีรับฟัง ซึ่งขณะนี้ก็ต้องขอบพระคุณข้อมูลที่ส่งมาให้เป็นระยะ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า ทุกคนต้องเสมอภาคกันต่อหน้ากฎหมาย มีคนจำนวนมาก ไม่เชื่อว่า คุณทักษิณป่วยถึงขนาดต้องไปนอนโรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ซึ่งรองรับผู้ป่วย วีไอพี
หากคุณทักษิณ ไม่ป่วยถึงขนาดนั้น การกระทำของกรมราชทัณฑ์/คณะแพทย์ และ ผอ.รพ.ตำรวจ อาจถือว่า เป็นการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลอย่างไม่เสมอภาค ซึ่งในยุคปัจจุบัน การกระทำแบบนี้ถือว่าร้ายแรง และ อาจถือว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ในหมวด 2 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ส่วนจะไปไกลถึงขนาดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 หรือไม่ ผมยังไม่วิเคราะห์ไปถึงขนาดนั้น
แต่ผมเชื่อว่า การที่คุณทักษิณ ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว และเข้ารพ.แบบวี.ไอ.พี.ในคืนนั้นเลย “ผิดปกติ”การตรวจสอบเรื่องนี้ ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก ตามหลักไม่มีฆาตกรไหนที่ทำผิดแล้วไม่ทิ้งร่องรอย ผมแนะนำ การตรวจสอบอย่างนี้
1.ยื่นเรื่องต่อ ปปช.ซึ่งผมคิดว่า น่าจะมีผู้ยื่นแล้ว การยื่นต่อปปช.ไม่จำเป็นต้องระบุเลขมาตราการกระทำผิด ระบุเพียงข้อเท็จจริง เจ้าหน้าที่จะเป็นคนสรุปข้อเท็จจริง เข้ากับข้อกฎหมายเอง
2.ยื่นเรื่องต่อผอ.รพ.ตร.ขอให้เก็บภาพในกล้องวงจรปิดไว้ตลอดเวลาที่คุณทักษิณพักอยู่ในรพ.ให้สามารถตรวจสอบได้ว่า ใครเข้าพบวันไหน เวลา เท่าไหร่ แพทย์,พยาบาล คนไหน เข้าตรวจเวลาเท่าไหร่
3.ยื่นเรื่องต่ออธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้บันทึกรายละเอียดตั้งแต่การรับตัวคุณทักษิณ จนถึงการส่งตัวคุณทักษิณไปรพ.ตร.
4.ขอให้รพ.ตร.เก็บหลักฐานทางการแพทย์ ของผู้ป่วยไว้ทุกอย่าง รวมทั้งการวินิจฉัย และ ผลการประชุมของคณะแพทย์ว่าแต่ละคนมีความเห็นอย่างไร
5.ขอให้ปปช.กันบุคคลที่เป็นประโยชน์ต่อคดีไว้เป็นพยาน
6.ในกรณีที่ ปปช.จงใจไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ตามข้อ 1. ประชาชนสามารถลงชื่อกันให้ได้ 20,000 คน เพื่อยื่นต่อประธานศาลฎีกาเพื่อแต่งตั้งผู้ไต่สวนอิสระ ตามรธน.มาตรา 236 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพ.ศ. 2560 มาตรา 49 ผมเชื่อว่า ปปช.คงไม่กล้าที่จะปฏิเสธการตรวจสอบเรื่องนี้
ใครที่คิดว่า เป็นผู้กล้า เดิน ตามข้อ 1-6 เถอะครับ ผมยินดีเป็นที่ปรึกษาให้ อย่าให้บ้านเมืองของคุณเลอะเทอะไปกว่านี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี