เพียงระยะเวลาไม่ถึงเดือนท่านผู้นำประเทศ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยนายเศรษฐา ทวีสิน ก็ได้นำพาประชาชน และ ประเทศชาติมาอยู่บนทางสองแพร่ง ทางหนึ่งไปสู่สวรรค์ชั่ววูบแต่ตกเหวนรกยาวนาน ด้วยการดำเนินนโยบายประชานิยม จ่ายเงิน 10,000 บาทแก่ประชาชนทั่วทั้งแผ่นดินที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปี ขึ้นไป ซึ่งเป็นนโยบายในการหาเสียงของพรรคท่าน แต่อีกเส้นทางหนึ่งนั้น เป็นวิถีทางที่จะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน ซึ่งดูเหมือนว่าท่านจะไม่สันทัดที่จะนำพาประชาชนเดินไปตามเส้นทางนี้เพราะมันต้องใช้เวลา และ ปัญญาของผู้บริหารในคณะรัฐบาลของท่านเป็นอย่างมาก และ ยากยิ่งกว่าการวิ่งขอกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างๆ มาแจกจ่ายกัน
นายเศรษฐา ทวีสิน ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งของประเทศ เมื่อได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำของประเทศ ประชาชนคนไทยมากกว่าร้อยละเจ็ดสิบของประชากรทั้งประเทศ70 ล้านคน ท่ีมีหนี้สินล้นพ้นตัว ต่างมีความหวังว่าท่านและรัฐบาลของท่าน จะช่วยให้พวกเขามีกำลังความสามารถที่จะลดหนี้สินลงไปได้บ้าง หรือ สามารถ ปลดหนี้ได้สำเร็จ มีสุขอนามัยขั้นพื้นฐานที่ดี ปราศจากการเบียดเบียนจากโรคภัยไข้เจ็บ มีความรู้ ความคิด มีความสามารถที่จะอยู่ในสังคมไทยได้อย่างมีความสุข มีเกียรติ และมีศักดิ์ศรี ตามสมควรแก่อัตภาพของแต่ละคน
แต่เพียงระยะเวลาไม่ถึงเดือน ในฐานะการเป็นผู้นำของประเทศ ท่านได้พิสูจน์ตัวท่านเองแล้วว่าท่านหมกมุ่นยํ้าคิดยํ้าทำในการดำเนินนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น คือ การนำประชาชนและประเทศชาติไปสู่ฐานะล้มละลาย
การแจกเงิน 10,000 บาท แก่ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร จะเป็นยาจก หรือ เศรษฐี จะเป็น สส. ผู้ทรงเกียรติข้าราชการ หรือกรรมกรที่หาเช้ากินคํ่า อาบเหงื่อต่างนํ้าทุกคนก็จะมีสิทธินั้นทันที ซึ่งการดำเนินงานตามนโยบายนี้ รัฐบาลจะต้องใช้เงินงบประมาณ “ไม่น้อยกว่าห้าแสนล้านบาท” ในขณะที่ประเทศก็มีหนี้สินอยู่ในเกณฑ์ หรือ ในระดับที่ไม่สามารถจะก่อหนี้เพิ่มขึ้นได้อีกต่อไป เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการล้มละลาย
แต่ดูเหมือนท่านผู้นำค่อนข้างจะมั่นใจว่า ท่านสามารถหาเงิน “กว่าห้าแสนล้านบาท” มาแจกจ่ายได้ในขณะที่ประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ เห็นว่าท่านจะหาเงินมาจากไหน? ถ้าไม่กู้เพิ่มและสถาบันการเงินแห่งใดจะยินยอมให้กู้ หากแม้นว่าท่านผู้นำ และ รัฐบาลของท่าน สามารถหาเงินกู้ “กว่าห้าแสนล้านบาท” มาแจกจ่ายแก่ประชาชนดังกล่าวได้ ก็เท่ากับว่าท่านกำลังโยนยาพิษให้แก่ประชาชน และ บ่อนทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติ ในที่สุดประชาชนและประเทศชาติก็จะเดินทางไปสู่เหวนรก และกำลังจะตายอย่างผ่อนส่ง เพราะทั้งประชาชน และรัฐจะต้องมีหนี้ล้นพ้นตัวเพิ่มมากขึ้น เสี่ยงต่อการล้มละลายดังเช่นประเทศอื่นๆ ที่นำนโยบายประชานิยมมาใช้แบบไม่ยั้งคิด จนประเทศต้องล้มละลายในที่สุดดังที่ได้รู้ได้เห็นกันมาแล้ว
มีนักวิชาการ และนักบริหารทั้งทางด้านการเงินและทางเศรษฐศาสตร์ของสถาบันระดับชาติจำนวนไม่น้อย ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล ที่จะแจกเงิน 10,000 บาท อย่างไร้ทิศทาง และไร้สามัญสำนึกแห่งความรับผิดชอบ ท่านผู้มีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติเหล่านั้น ได้ท้วงติง และขอให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนนโยบายนี้ให้ละเอียดรอบคอบถึงความเหมาะสม และความเป็นไปได้เสียใหม่ด้วยความไม่ประมาทแต่ท่านผู้นำก็มิได้ตระหนักถึงข้อท้วงติงต่างๆ เหล่านั้น
ในเวลาเดียวกัน ก็มีสามัญชนคนไทยจำนวนไม่น้อย ถึงแม้เขาเหล่านั้นจะมีรายได้ไม่มากนักแต่ก็มีวุฒิภาวะ มีความรับผิดชอบ เห็นถึงภยันอันตรายต่อการดำเนินนโยบายนี้ และเห็นว่ารัฐบาลกำลังจะหว่านแหให้พวกเขาต้องรับเงินตามสิทธินี้ด้วย ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่มีความปรารถนาที่จะได้รับสิทธินี้เลย เพราะไม่ต้องการที่จะเห็นประเทศชาติต้องล้มละลาย
กล่าวโดยสรุปได้ว่า การที่ท่านผู้นำรัฐบาลจะหาเงิน “กว่าห้าแสนล้านบาท” มาแจกประชาชนเพื่อสนองนโยบายประชานิยมตามที่พรรคได้เคยหาเสียงไว้ ก็คงจะหนีไม่พ้นวิธีการกู้เงินโดยไม่คำนึงถึง “วินัยในการบริหารการเงินของประเทศ” ซึ่งผลที่จะตามมาก็คือ การพอกหนี้ให้แก่ประเทศชาติ และ ประชาชน จนถึงขั้นล้มละลายในที่สุด
เมื่อท่านนายกรัฐมนตรี ยังคงทิฐิมานะที่จะนำประชาชนไปสู่เหวนรกข้างหน้าแล้วไซร้ ในฐานะประชาชนคนหนึ่งเห็นมีอยู่หนทางเดียว ที่ท่านผู้นำประเทศจะช่วยชาติ ประชาชน และรักษาคำมั่นสัญญาที่จะดำเนินการตามนโยบายประชานิยมที่ให้ไว้ก่อนการเลือกตั้งได้ “โดยไม่ต้องกู้เงินใคร” ก็คือไปขอเงิน “ห้าแสนกว่าล้านบาท” จากเจ้าของพรรค(ที่รํ่ารวยมากๆ) มาแจกจ่ายให้ประชาชนตามคำมั่นสัญญาเสียเถิด เพื่อให้เจ้าของพรรคได้มีโอกาสถ่ายโทษที่เคยเสนอ“นโยบายจำนำข้าว” ตำรับ “ทักษิณคิด - ยิ่งลักษณ์ทำ”จนบ้านเมืองฉิบหายไปหลายแสนล้านบาท
ไปขอเงินเขาเถอะนะนิด ไหนๆ ก็เป็นผู้นำประเทศที่บริหารงานตามใบสั่ง น.ช. (นักโทษชาย) เทวดาอยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี