นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่นประจำปี 2566 หรือ “Prime Minister’s Export Award 2023” ครั้งที่ 31เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติและสร้างกำลังใจให้แก่ผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจส่งออกสินค้าและบริการดีเด่นภายใต้ชื่อทางการค้าของตนเอง มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเอง นำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้และดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด BCG EconomyModel สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)ขององค์การสหประชาชาติ(UN) และเป็นเครื่องมือรับรองด้านการดำเนินธุรกิจ การสร้างมาตรฐานสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ โดยผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกนับเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ให้สามารถแข่งขันได้ภายใต้บริบทโลกยุคใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
นายเศรษฐากล่าวว่า รัฐบาลเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกโดยใช้ “การทูตเชิงรุก”สร้างเครือข่ายการค้าระหว่างประเทศด้วยการเจรจา เพื่อสร้างตลาดใหม่ และรักษาตลาดเดิม รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยการเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ สร้างอัตลักษณ์ความเป็นไทย และสินค้าในภาค จากนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” สร้างการเกษตรให้มีมูลค่าเพิ่มโดยใช้นวัตกรรม รวมทั้งสร้างผู้ประกอบการยุคใหม่ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน มีอัตลักษณ์ที่ชัดเจนในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายในการส่งเสริม “Soft Power” เพื่อเฟ้นหาและยกระดับคนไทยให้มีแรงงานที่มีทักษะขั้นสูงและเปิดตลาดใหม่ใน 11 ภาคอุตสาหกรรม โดยมุ่งสานต่อนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality มุ่งใช้แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้เศรษฐกิจฐานรากมีความเข้มแข็ง ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งเสริมให้ผู้ประการธุรกิจส่งออกมีความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ปรับตัว เปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อพัฒนาสินค้า และบริการ ให้สอดคล้องกับความต้องการของโลก
“รางวัล PM’s Export Award ประจำปีนี้ นับเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุด และเป็นรางวัลเชิดชูผู้ประกอบการไทยที่มุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อพัฒนาสินค้า และบริการให้มีคุณภาพในมาตรฐานในทุกมิติ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งด้านการประกอบธุรกิจนวัตกรรม แบรนด์ การส่งออก การออกแบบ และคุณภาพ ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพการดำเนินธุรกิจ และส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ จึงเชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการภาคส่งออกของไทย จะสามารถต่อยอดและประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในตลาดต่างประเทศได้เป็นอย่างดี” นายเศรษฐา กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ทางรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญทูตพาณิชย์ และเอกอัครราชทูตจากทั่วโลกมาประชุมใหญ่ เพื่อมอบนโยบายที่จะช่วยผู้ส่งออกได้เปิดตลาดที่ดีขึ้น รวดเร็ว และสะดวกมากขึ้น โดยมีทูตพาณิชย์เป็นผู้นำในการนำรายได้เข้าประเทศ
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ทางกระทรวง ได้จัดพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น PM’s Export Award ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตลอด 30 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2535 มีผู้ได้รับรางวัลรวมทั้งสิ้น จำนวน 798 รางวัลจาก 257 บริษัท และในทศวรรษใหม่กับการก้าวเข้าสู่ปีที่ 31ภายใต้แนวคิด “Better Vision Brighter Future :เปิดมุมมองใหม่ ขับเคลื่อนธุรกิจไทยมุ่งสู่เศรษฐกิจแห่งอนาคตอย่างเต็มภาคภูมิ” โดยได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน (Environmental,Social and Governance: ESG) ทั้งนี้ การคัดสรรผู้ประกอบการภาคส่งออกในปี2566 มีผู้สมัครเข้ารับรางวัลทั้งหมดจำนวน 162 ราย มีผู้ประกอบการผ่านการพิจารณาคัดเลือกและตัดสินให้เข้ารับรางวัลรวมจำนวน 40 รางวัล 37 บริษัท ใน 7 สาขา
รางวัลทั้งหมด ประกอบด้วย 1.รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกยอดเยี่ยม (Best Exporter) 6 รางวัล 2.รางวัลแบรนด์ไทยยอดเยี่ยม (Best Thai Brand) 10 รางวัล 3.รางวัลธุรกิจ BCG ส่งออกยอดเยี่ยม (Best BCG Exporter) 7 รางวัล 4.รางวัลออกแบบยอดเยี่ยม(Best Design) 7 รางวัล 5.รางวัลธุรกิจบริการยอดเยี่ยม(Best Service Enterprise) ประกอบด้วย สาขาโรงพยาบาล/ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง/คลินิกเฉพาะทาง (Health & Wellness) สาขาดิจิทัลคอนเทนท์และซอฟต์แวร์ (Digital Content & Software) และสาขาธุรกิจ สิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ (Printing and Packaging) รวม 4 รางวัล 6.รางวัลสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยม (Best OTOP) 1 รางวัล และ OTOP New Face Exporter 1 รางวัล รวม 2 รางวัล 7.รางวัลสินค้าฮาลาลยอดเยี่ยม (Best Halal) 4 รางวัล
จากข้อมูลการส่งออกของผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลในปีนี้ มีส่วนในการสร้างรายได้เข้าประเทศในปี 2565 คิดเป็นมูลค่า 14,567.65 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.79 จากปีก่อนหน้า และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม-กันยายน) ได้สร้างรายได้ให้แก่ประเทศแล้วประมาณ 12,257.24 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการสนับสนุนการจ้างงานไม่น้อยกว่า 7,654 ราย เป็นเครื่องการันตีแล้วว่า Prime Minister’sExport Award นี้ เป็นรางวัลแห่งความสำเร็จ ความภาคภูมิใจของภาครัฐและภาคเอกชนที่ได้ร่วมแรงร่วมใจสนับสนุนธุรกิจส่งออกของไทยให้เติบโต และเข้มแข็งบนเวทีการค้าโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี