‘กู้เงินมาแจก’ยังวุ่นหนัก!
ร้องสตง.สอบ
รัฐบาลแจกเงินดิจิทัล1หมื่น
ส่อขัดรธน./ทำลายวินัยคลัง
‘เศรษฐา’รับห่วงศก.ปลายปี
ชี้ทุกอย่างเลวร้ายกว่าที่คิด
“กู้เงินมาแจก” ยังวุ่นหนัก เปิด 5 คำร้อง รุมยื่น“ผู้ตรวจการแผ่นดิน”ชง“ศาลรธน.-ศาลปกครอง”วินิจฉัย สอบแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทผู้ร้องมาครบ ทั้ง “ศรีสุวรรณ-สนธิญา-หมอวรงค์’ ล่าสุด‘พี่ศรีฯ’ร้องผู้ว่าฯสตง.จี้ใช้ ม.245 สอบรัฐบาลปม‘กู้มาแจก’ทำลายวินัยการเงินการคลังรัฐหรือไม่ ส่อขัด รธน.-ก.ม. ด้านนายกฯ‘เศรษฐา’เข้ากระทรวงคลังถกหลายเรื่อง รับห่วงตัวเลข ศก.ไตรมาส3 โตแค่1.5 ชี้ทุกอย่างเลวร้ายกว่าคิด ขอลุยไตรมาสสุดท้าย ย้ำจุดยืนชัด‘วิกฤติ-จำเป็น’ แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต1หมื่น ‘ภูมิธรรม’ชี้ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน5แสนล้าน ยังอยู่ขั้นตอนกฤษฎีกา โดยกฤษฎีกาไม่ได้ค้าน ช่วยดูให้รอบคอบ เร่งพิจารณา เชื่อไม่มีใครดึงให้ช้า ยินดี‘บิ๊กธุรกิจ’สนับสนุน ซัดรัฐบาลก่อนหน้านี้ กู้มหาศาล ไม่เห็นมีปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้าการยื่นคำร้องให้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน พิจารณาส่งเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีดำเนินการตามโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้แก่บุคคลที่มีอายุ16ปีขึ้นไปทุกคน มีลักษณะเป็นการสร้างความเสียหาย และสร้างภาระแก่งบประมาณประเทศ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อระบบการเงินการคลังของประเทศในระยะยาว และกรณีรัฐบาลตราพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)เงินกู้5แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ2560 มาตรา140ประกอบพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)วินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2560 มาตรา 53 หรือไม่
เปิด5คำร้องสตง.สอบกู้เงินมาแจก
เบื้องต้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบและแสวงหาข้อเท็จจริงของผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งขณะนี้มีการยื่นให้ผู้ตรวจการฯดำเนินการตรวจสอบด้วยกัน 5 คำร้อง ประกอบด้วย 1.วันที่ 28 เมษายน นายสนธิญา สวัสดี ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญกรณีพรรคเพื่อไท ยกำหนดนโยบายการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต จำนวน 10,000 บาท เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 258 ก. ด้านการเมือง (3) 2.วันที่ 9 ตุลาคม นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ยื่นขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลปกครอง กรณีคณะรัฐมนตรีกำหนดนโยบายแจกเงินดิจิทัลจำนวน 10,000 บาท ให้กับประชาชน มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2560 หมวด 5 หน้าที่ของรัฐ และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
3.วันที่ 18 ตุลาคม นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดีและคณะร้อง 2 ประเด็น คือ ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาตามมาตรา 22 (1)และ (2)พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2560 แสวงหาข้อเท็จจริงและเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรีและหน่วยงาน อื่นที่เกี่ยวข้อง กรณีดำเนินการตามโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้แก่บุคคลที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน อันมีลักษณะเป็นการสร้างความเสียหาย และสร้างภาระแก่งบประมาณประเทศ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อระบบการเงินการคลังของประเทศในระยะยาว
หวั่นทำเสียหายระบบการคลังปท.
นอกจากนี้ ยังขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลปกครอง ตามมาตรา 23 (2) พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2560 เพื่อขอให้ศาลปกครองพิจารณาวินิจฉัย กรณีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อแจกเงิน ดิจิทัลวอลเล็ตให้แก่บุคคลที่มีอายุ16 ปีขึ้นไปทุกคน มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 164 (2) และพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 6 และมาตรา 9 และขอให้ศาลปกครองกำหนดมาตรการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาให้ระงับการ ดำเนินการโครงการดังกล่าวไว้ก่อนระหว่างการพิจารณา เพราะหากมีการ แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตดังกล่าวไปแล้วจะเกิดความเสียหายต่องบประมาณ และระบบการคลังของประเทศ
ศรีสุวรรณ ยื่นผู้ตรวจฯส่งศาลตีความ
4.วันที่ 25 ตุลาคม ผู้ร้อง(ไม่ระบุชื่อ)ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาตามมาตรา 22 (1) และ (2) พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2560 แสวงหาข้อเท็จจริงและเสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง กรณีดำเนินการตามโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้แก่บุคคลที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน มีลักษณะเป็นการสร้างความเสียหาย และสร้างภาระแก่งบประมาณประเทศ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อระบบการเงิน การคลังของประเทศในระยะยาว และ 5.วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้เสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีรัฐบาลตราพระราชบัญญัติเงินกู้ 5 แสนล้าน เพื่อนำไปใช้ในโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรม นูญ 2560 มาตรา 140 ประกอบพ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2560 มาตรา 53 หรือไม่
พี่ศรีฯร้องสตง.สอบกู้มาแจกจ่อขัดกม.
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เดินทางเข้ายื่นคำร้องถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่า ด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ และอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรง กรณีที่รัฐบาลจะออกพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)เงินกู้5แสนล้านบาท มาแจกให้ประชาชนทั่วประเทศประมาณ 50ล้านคนๆ ละ 10,000บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านดิจิทัลวอลเล็ต
โดยนายศรีสุวรรณ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวแม้รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลังจะได้แถลงเป็นนโยบายต่อต่อรัฐสภาเมื่อวันที่11ก.ย.2566แล้ว แต่ทว่ากลับไม่สอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายแห่งรัฐ และยุทธศาสตร์ชาติ ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.162 บัญญัติไว้แต่อย่างใด อีกทั้งการกู้เงิน5แสนล้านบาท มาแจก มิได้เป็นการรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฐานะทางการเงินการคลังของรัฐมีเสถียรภาพและมั่นคงอย่างยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ ถือได้ว่าเป็นการดำเนินการที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ ม.62วรรคแรกและไม่เป็นเหตุเร่งด่วนตามรัฐธรรมนูญ ม.140ประกอบ พ.ร.บ.วินับการเงินการคลังของรัฐ 2561 ม.53 ที่ระบุไว้ชัดเจนว่ารัฐบาลจะกู้เงินได้ก็แต่เฉพาะเข้าเงื่อนไข4ข้อเท่านั้น คือ 1.ต้องเร่งด่วน 2.ต้องต่อเนื่อง 3.ต้องเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศ และ 4.ต้องไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทันเท่านั้น
พร้อมว่าการที่นายเศรษฐาและพลพรรคเพื่อไทย รีบเร่งในการผลักดันนโยบายดังกล่าว ทั้งๆที่บอกมาโดยตลอดว่าจะไม่กู้ แต่กลับอ้างปัญหาเศรษฐกิจของประเทศนั้น ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลบล้างหรือฝ่าฝืนกฎหมายได้ หากแต่มีความมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่ได้เคยหาเสียงไว้เท่านั้น ซึ่งหากปล่อยไปอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาวได้
จี้เร่งสอบหวังยับยั้งความเสียหาย
“เนื่องจากรัฐธรรมนูญ2560ม.245บัญญัติไว้ว่า เพื่อประโยชน์ในการระงับหรือยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเสนอผลการตรวจสอบการกระทําที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรงต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.)เพื่อพิจารณาและหากคณะกรรมการคตง.เห็นพ้องด้วยกับผลการตรวจสอบดังกล่าว ให้ปรึกษาหารือร่วมกับคณะกรรมการกกต.และคณะกรรมการป.ป.ช.หากที่ประชุมร่วมเห็นพ้องกับผลการตรวจสอบนั้น ให้ร่วมกันมีหนังสือแจ้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภาและคณะรัฐมนตรี เพื่อทราบโดยไม่ชักช้า และให้เปิดเผยผลการตรวจสอบดังกล่าวต่อประชาชนเพื่อทราบด้วย ด้วยเหตุดังกล่าวองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงต้องรีบนำความมาร้องต่อผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อให้ปฏิบัติให้เป็นไปตาม ม.245 ข้างต้นโดยเคร่งครัด เพื่อระงับหรือยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐต่อไป”นายศรีสุวรรณย้ำทิ้งท้าย
‘เศรษฐา’ห่วงเศรษฐกิจไตรมาส3
ช่วงบ่ายที่กระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าเพื่อมอบนโยบายและติดตามงานที่กระทรวงการคลัง ถึงกรณีเรียกเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาลได้มีการรายงานเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจบ้างหรือไม่ว่า” ใช่ ตามที่เสนอไป พวกท่านก็ทราบอยู่แล้วว่าตัวเลขออกมาเท่าไหร่”
เมื่อถามว่าไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นห่วงอย่างมาก เพราะเท่าที่ตนสอบถามเลขาธิการสภาพัฒน์ว่าเป็นอย่างไร ตัวเลขจีดีพีออกมา 1.5% ในไตรมาส3ซึ่งเลขาธิการสภาพัฒน์ก็บอกว่าท่านเองก็ตกใจเพราะนึกว่าความจริงแล้วจะเห็นเลข 2
ชี้ทุกอย่างเลวร้ายกว่าที่คิดไว้เยอะ
ถามว่า เลขาสภาพัฒน์ได้ระบุถึงอุปสรรคหรือไม่ว่าติดปัญหาอะไร นายกฯกล่าวว่า“ก็มีเหตุผลหลายอย่างทั้งเรื่องการใช้จ่าย การลงทุน และเรื่องการผลิตของโรงงาน ทุกอย่างก็เลวร้ายกว่าที่คิดไว้เยอะ”
เมื่อถามว่าจะส่งผลถึงไตรมาสแรกในปีหน้าบ้างหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตนว่าทุกอย่างส่งผลหมด แต่อย่าเพิ่งข้ามไปไตรมาสแรก เพราะไตรมาสที่ 4 ปีนี้ก็ยังเหลืออีกครึ่งไตรมาส เราก็ต้องพยายามทำให้ตัวเลขดีขึ้น
ย้ำชัดจุดยืนวิกฤตจำเป็น แจก1หมื่น
เมื่อถามต่อว่าที่บอกว่าจะดีขึ้นเกี่ยวกับนโยบายเงินดิจิทัล1หมื่นบาทหรือไม่ นายกฯตอบว่า“ผมว่าเราพูดกันเยอะแล้ว และเราก็ทราบว่าขั้นตอนต่อไป เป็นอย่างไรและตัวเลขก็บ่งบอกชัดเจน สำหรับผมก็ขอให้เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจุดยืนของผมนั้นชัดเจน วิกฤตและจำเป็น
เมื่อถามว่าจะมีการหารือกันเรื่องแหล่งเงินกู้ของโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “วันนี้เอาเรื่องหนี้ก่อน เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต พูดชัดเจนแล้วเรื่องแหล่งเงินกู้ ก็ชัดเจนแล้วว่า จะออกเป็นพระราชบัญญัติ”
“เศรษฐา”โต้”นิด้าโพล” เปิดผลสำรวจปชช.ไม่เห็นด้วย”กู้มาแจก” ชี้กลุ่มเห็นด้วยก็มี มองเป็นส่วนหนึ่งสะท้อนความเห็น ลั่นไม่ทำให้เสียสมาธิหรือเป็นข้ออ้างไม่ทำงาน
โต้นิด้าโพลปชช.ไม่เห็นด้วยกู้มาแจก
นายเศรษฐากล่าวถึงกรณีศูนย์สำรวจความคิดเห็น“นิด้าโพล”สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า)เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง“OKไหมกับนายกฯสรุปเอง เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท”และการออก พ.ร.บ.กู้เงิน ซึ่งพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย จะต้องชี้แจงอย่างไรกับประชาชนเพิ่มเติมด้วยหรือไม่ว่า ตนดูคร่าวๆไม่ใช่เป็นเรื่องนั้น อย่างเดียว แต่ที่เห็นด้วยก็มี อยากให้แจกก็มี อะไรก็มี คิดว่าเป็นการสะท้อนความคิดเห็น เราก็ได้มีการแถลงไปเรียบร้อยแล้ว เรื่องก็อยู่ในมือของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว และวันนี้เวลา13.30น.ได้คุยกันถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมา 1.5%คู่แข่งประเทศเพื่อนบ้านต่ำสุด 3.3 % มาเลเซีย ส่วนประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม เป็นคู่แข่งสำคัญของเราที่จะแย่งแหล่งทุน ก็ 5% กว่าทั้งนั้น มากกว่า 2-3 เท่าด้วยในบางประเทศ แต่ก็เป็นเรื่องของการตีความว่า วิกฤติจำเป็นหรือเปล่า แต่สำหรับตนเห็นว่าจำเป็น และยังเป็นอย่างนั้นอยู่
เมื่อถามอีกหลังจากนายกฯแถลงความชัดเจนเงื่อนไขในโครงการเงินดิจิทัล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รวบรวมเสียงสะท้อนกลับมาอย่างไร นายเศรษฐาตอบว่าตอนนี้ก็ยังรวบรวมต่อ วันนั้นที่ทำไปแล้วก็ยังคิดว่ายังจะต้องทำงานต่อกันไปอีก ก็ยังรับฟังอยู่ต่อซึ่งเป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เราจะต้องทำกันไป
ไม่ทำให้เสียสมาธิหรือข้ออ้างไม่ทำงาน
เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าพ.ร.บ.กู้เงิน จะออกมาอาจมีเสียงสะท้อนมากขึ้นในหลายหลายส่วน จะทำให้เสียสมาธิในการที่จะเดินหน้าตรงนี้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่าตำแหน่งผู้นำประเทศ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบที่สูง มีหลายภาคส่วนที่ต้องดูแลแก้ไขปัญหา เสียสมาธิ เสียกำลังใจ คงไม่มีหรอก คงไม่มีสิทธิ์ที่จะเสียกำลังใจหรือเสียสมาธิ เพราะคงเป็นข้ออ้างไม่ได้ที่จะไม่ทำงาน และวันนี้ก็ทำงานซึ่งกำลัง จะกลับไปทำเนียบฯต่อ ยังมีประชุมอีก ไม่ต้องห่วงไม่เสียกำลังใจครับ ไม่เสียสมาธิครับ และระบุดิจิทัลวอลเล็ต ถือเป็นนโยบายหนึ่งที่เป็นนโยบายใหญ่และนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว ก็ถือเป็นอีกนโยบายหนึ่ง รวมถึงนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ก็เป็นอีกนโยบายหนึ่ง
และนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งระบบ ก็เป็นอีกนโยบายหนึ่งเหมือนกัน บางอย่าง อาจทำได้ทันที แต่บางอย่างอาจต้องใช้เวลา บางอย่างที่ทำได้ทันทีคือการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และวันที่ 28 พ.ย.จะแถลงเรื่องการแก้ไขหนี้ และวันที่ 12 ธ.ค.จะแถลงเรื่องหนี้ในระบบทั้งหมด ก็ถือว่าเราต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และต้องทำงานกันอย่างต่อเนื่อง
ย้ำเป็นสัญญาณบ่งบอกความจำเป็น
เมื่อถามว่าคนไทยยังตกใจขนาดนี้ประชาชนอาจจะตกใจตาม นายกฯจะให้ความมั่นใจกับประชาชนอย่างไร นายเศรษฐา ยืนยันว่า เราก็ยังทำงานให้ประชาชนอย่างเต็มที่ หากภาคส่วนไหนต้องการความช่วยเหลือ และเราเชื่อว่าและ เข้าใจความลำบากของพี่น้องประชาชน ในแง่การลดค่าใช้จ่ายต่างๆเราก็พยายาม และการประชุมคณะรัฐมนตรี ทุกนัดก็ได้มีมาตรการต่างๆออกไป เราพยายามอยู่ อย่างที่บอกเราก็ตกใจกับตัวเลขที่ออกมาขนาดนี้ เลขาธิการสภาพัฒน์ ยังบอกนึกว่าจะเห็นเลข2ไม่ได้พลาดไปจุดหนึ่ง หรือ จุดสอง ที่บอกว่าคาดจะเห็นเลขสองนั้น คิดว่าจะได้ 2.0 อย่างน้อย 2.0 มา 1.5 ก็หายไป 0.5 % ก็ถือว่าสูงมาก ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกความเร่งด่วน และความจำเป็นหรือเปล่า อันนี้ตนคิดว่าตนพูดพอแล้วเยอะแล้วในตรงนี้
เมื่อถามว่า e-Refund กับ ดิจิทัลวอลเล็ต ประชาชนเลือกได้หนึ่งสิทธิ์ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ใช่ ใครจะมีคุณสมบัติที่เหมาะสมทั้งสองอย่างก็ได้หมด หากใครมีเงินเดือนต่ำกว่า 70,000 บาท ก็สามารถได้ดิจิทัลวอลเล็ต ขณะที่ใครสามารถใช้จ่ายวงเงินตามที่e-Refund กำหนดไว้ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
เมื่อถามว่าก่อนที่นายกฯจะขึ้นไปประชุมพูดว่าเศรษฐกิจเลวร้ายกว่าที่คิด ขณะที่ก่อนหน้านั้น นายกฯบอกว่าเศรษฐกิจวิกฤตซึ่งแปลว่าตอนนี้หนักกว่าที่คิดไว้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าคิดว่าเป็นการคอนเฟิร์มมากกว่า เป็นการยืนยันมากกว่าว่า สิ่งที่เราคิดมันคืออย่างนั้น เมื่อถามว่าคิดว่าไม่เกินความสามารถของนายกใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ยิ้มพร้อมกล่าวว่า”สวัสดีครับ ขอบคุณครับ”พร้อมกับยกมือไหว้และเดินขึ้นรถทันที
‘ภูมิธรรม’ชี้พรบ.กู้เงินอยู่ขั้นกฤษฎีกา
ขณะที่ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบร่างพ.ร.บ.กู้เงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าตอนนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาของกฤษฎีกา ขอเรียนว่าจริงๆแล้ว กฤษฎีกาไม่ได้จะมาคัดค้าน หรือไม่เห็นด้วยอะไร แต่ก็อยากให้เราช่วยกันดูให้รอบคอบ รัฐบาลก็เห็นด้วยจึงส่งให้กฤษฎีกาช่วยดู ซึ่งยังอยู่ในกระบวน และคาดว่า จะใช้เวลาไม่นาน ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 21 พ.ย.นี้จะมีการรายงานความคืบหน้าเรื่องนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ทราบ เดี๋ยวคงต้องดูว่า จะมีอะไรบ้าง พูดไปแล้วไม่เข้าที่ประชุมจะกลายเป็นผิดอีก
เมื่อถามคาดว่ากฤษฎีกาจะส่งรายงานกลับมาก่อนช่วงปีใหม่หรือไม่นายภูมิธรรมกล่าวว่าทางกฤษฎีกายืนยันจะทำให้เร็วที่สุด ตนคิดว่าไม่มีใครจะดึงเรื่องให้ช้า ก็พยายามทำข้อสรุปให้ชัดเจน เพื่อที่จะพิจารณาต่อไปได้
ลั่นสุจริตใจ รอให้ชัดเจนก่อน
ส่วนถาม ยืนยันได้หรือไม่ว่าหน่วยงานภาครัฐเห็นด้วย ถึงแม้รัฐบาลจะทำในเรื่องร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน หรือต้องมีการบันทึกไว้ในที่ประชุมว่า หน่วยงานใดไม่เห็นด้วยซึ่งจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเกินไป ส่วนนี้เป็นนโยบายรัฐบาล สภาก็รับผิดชอบแล้วและการดำเนินงานของรัฐบาลก็พยายามรับฟังความคิดเห็นอย่างเต็มที่แล้ว พร้อมแสดงความสุจริตในการทำโครงการนี้ แม้จะมีบางแนวคิดที่แตกต่างกันบ้าง เช่นบางแนวคิดที่บอกต้องกระจายตัวเงิน แต่ตนคิดว่า ต้องดูในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งรอให้ชัดเจนก่อนค่อยว่ากัน
ยินดี‘บิ๊กธุรกิจ’หนุน/ปัดกู้มาแจก
เมื่อถามว่ามีผู้บริหารธุรกิจชั้นนำของประเทศออกมาสนับสนุนเรื่องนี้ ถือเป็นการตอกย้ำหรือไม่ว่าสิ่งที่รัฐบาลทำ กำลังเป็นการกู้วิกฤติเศรษฐกิจ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี ตนคิดว่าวันนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่า ในบ้านเราหลายภาคส่วนและหลายมิติ ยังมีความเห็นที่เหมือน หรือแตกต่างกันอยู่ ทั้งนี้ จุดประสงค์ของเราไม่ใช่อยู่ๆไปแจกเงิน แต่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งถ้าจะให้เห็นพ้องกันทั้งหมดก็จะเป็นการฝืนความจริง มีความเห็นต่างกันได้ แต่ที่สำคัญต้องดูที่วัตถุประสงค์เป็นหลัก ประเทศเราซบเซามานาน ถ้าอยากจะรู้ว่า ประเทศเราวิกฤตหรือไม่ ลองไปเดินที่ตลาด ไปถามพ่อค้าแม่ค้า หรือ บริษัทต่างๆก็จะรู้ เขาต้องการความเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น เขารออยู่ เพราะฉะนั้น จะวิกฤต หรือไม่อยู่ที่ความคิดของแต่ละคน เพราะฉะนั้น ไม่ควรมาเถียงเอาชนะกัน ขอให้เอาความเป็นจริงมาพูดกัน อย่ามาพูดว่ากู้เพื่อมาแจก เพราะจะกู้ หรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญ การกู้เพื่อนำมาชดเชยให้เกิดการหมุนเวียนก็ทำได้”
อ้างรบ.ก่อนกู้มหาศาลไม่เห็นมีปัญหา
“รัฐบาลที่ผ่านมา มีการกู้กันมหาศาล ไม่เห็นมีปัญหา แต่พอเราจะกู้มาทำเรื่องนี้เพื่อกระจายให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจทำไมมีปัญหา คิดว่าเราต้องใจกว้าง มองอะไรให้มันเป็นจริง ให้มันสอดกับความเป็นจริงของสังคมและทำให้เกิด เรายืนยันเจตนาที่บริสุทธิ์และพยายามรับฟังทุกส่วน ถ้าเราไม่รับฟัง ป่านนี้เราทำไปแล้ว”นายภูมิธรรม ย้ำ เมื่อถามว่า มีประชาชนบางส่วนไม่เข้าใจเรื่องนี้จะชี้แจงอย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า กระบวนการทำหน้าที่อยู่แล้ว พร้อมชี้แจงทุกฝ่าย เราไม่อยากให้มาเปิดความเห็นในสาธารณะและมาเถียงกันไปมาจนหาข้อยุติไม่ได้ กลายเป็นความขัดแย้งที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้
ก.ก.’ทำหน้าที่ฝ่ายค้านเชิงรุกเต็มที่
ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีข้อวิจารณ์การที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ต้องออกโรงบรรยายสาธารณะถึงการใช้เงิน 5 แสนล้านบาท เนื่องจากพรรคก้าวไกลยังทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านได้ไม่ดีพอหรือไม่ ว่า ตนคิดว่านายธนาธรแสดงความเห็นในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่มีเจตนาที่ดีต่อประเทศ เราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ตนคิดว่าเนื้อหาของการบรรยายพยายามชี้ให้เห็นว่า ในมุมมองส่วนตัวหากมีงบประมาณ 5 แสนล้านบาท คิดว่าอะไรเป็นเรื่องที่เร่งด่วนที่สุด ในการยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับชีวิตของประชาชน คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคก้าวไกล
“ผมคิดว่าปัจจุบันพรรคก้าวไกล ก็ทำหน้าที่เต็มที่ในการเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ที่ไม่เพียง แต่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล หรือให้ข้อเสนอแนะในด้านที่ไม่ตอบโจทย์ และพยายามผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลงที่เรานำเสนอต่อสังคม”นายพริษฐ์ กล่าว
จ้องชำแหละพ.ร.บ.กู้เงินมาจาก
นายพริษฐ์กล่าวว่าเมื่อพูดถึงบทบาทของพรรคในส่วนของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต คงต้องเป็น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ซึ่งก็ทำเต็มที่ในการแสดงข้อกังวล โดยต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ เมื่อใช้พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)กู้เงินก็จะมีประเด็นทางกฎหมายว่า ทำได้หรือไม่ เราเข้าใจว่าอยู่ในขั้นตอนที่รอการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกา ส่วนที่ 2 คือ ประเด็นทางเศรษฐศาสตร์ ต้องยอมรับว่า มีการปรับตัวเลขสำคัญจากการใช้เงินในงบประมาณกู้เงิน ทำให้การประเมินข้อดี ข้อเสีย ประเมินความคุ้มค่า ประเมินความเสี่ยงของนโยบายนี้ ต้องปรับเปลี่ยนใหม่จากหลักการที่เราให้ฟังว่าจะใช้เงินในงบประมาณ ตนคิดว่าความเห็นก้าวไกลก็จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี