‘เศรษฐา’จี้แก้ฝุ่นไฟป่า
ฝุ่นพิษ 45 จว.เกินเกณฑ์
นายกฯนั่งหัวโต๊ะถกแก้ฝุ่นควันไฟป่าลั่นรัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ ถึงทำให้หมดไปไม่ได้ แต่ต้องทำให้ลดน้อยลงที่สุด เพื่อสร้างอากาศสะอาดให้คนไทย ถ้าทำได้ดีมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว เล็งเจรจา “ลาว-เมียนมา” ร่วมมือแก้หมอกควันไฟป่า ด้านคุณภาพอากาศรายวัน 45จว.ค่า PM 2.5 เกินมาตรฐาน กทม.พีค 17 เขต “บางกอกใหญ่”แชมป์
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจวันที่สอง ที่ จ.เชียงใหม่ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง โดยนายกฯ ที่เป็นประธานประชุมมอบนโยบายเตรียมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองปี 2567 และปล่อยขบวนคาราวานป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โดยพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมด้วย
โดยนายกฯรับฟังรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาฝุ่นควันไฟป่าในภาคเหนือว่า เกิดจาก 3 ปัจจัยสำคัญคือ ไฟป่า การเผาเศษวัสดุการเกษตรและปัญหาหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน จากนั้นนายกฯกล่าวว่า วันนี้เป็นสัญญาณดี แสดงว่าทุกคนอยากให้ปัญหานี้ลดน้อยลงไป เพราะหากพูดว่าหมดไปคงลำบาก เราต้องอยู่กับความเป็นจริง เท่าที่ฟังรายงานตนแบ่งสาเหตุเป็น 3 ส่วนๆแรก เริ่มจากปัญหารถยนต์ที่มีปัญหาท่อไอเสีย ที่เป็นองค์ประกอบหนึ่งแต่ไม่ใหญ่มาก การใช้รถยนต์สันดาปการใช้รถอีวีมากขึ้นกว่า 5% ขึ้นไป ลดฝุ่นควันจากรถยนต์ลงได้
ประเด็นที่สอง เรื่องการเผาป่ากับการเผาซากผลิตภัณฑ์เกษตร ถ้ามีคนมารับซื้อซังข้าวโพด ฟางข้าว ชาวบ้านก็ไม่ต้องใช้ไม้ขีดก้านเดียวแล้วเผา เพราะค่าใช้จ่ายที่สูงในการบริหารจัดการซากพืชผล แต่ถ้าราคาพืชผลแพงขึ้นมีตลาดส่งออก เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น แม้ต้นทุนจัดการเพิ่มเชื่อว่าเขายินดี เราจึงต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชน ฝ่ายความมั่นคง พร้อมขอบคุณแม่ทัพภาคที่ 3 ที่เสนอหลายมาตรการ เรามีกำลังพลเหลือ มียุทโธปกรณ์เหลือมาช่วยลดปัญหาไฟป่า ทำงานร่วมกับภาคประชาชน ดูแลทุกข์สุขของเขาให้ดีขึ้น
นายกฯยังกล่าวตอนหนึ่งว่า เดือนมีนาคม 2565 ตนเช็กค่าฝุ่น 10 อันดับของโลกพบว่า 5 ที่อยู่ที่ภาคเหนือของไทย ตรงนี้ไม่ต้องมาบอกว่าทำไมถึงการท่องเที่ยวไม่ดี ถ้านักท่องเที่ยวไปกรุงเทพฯ ไปภูเก็ต อากาศก็ดีกว่าเชียงใหม่ เราอยากให้เขามาเชียงใหม่ด้วยอยากให้มาเมืองรอง อยากให้มาเมืองที่มีวัฒนธรรมหลากหลายใช้เวลาอยู่ในไทยยาวๆ การที่ไม่มาเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม เพราะอากาศไม่สะอาด
นายเศรษฐากล่าวอีกว่า นอกจากการบริหารจัดการภายในแล้ว ยังมีปัญหาประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่เรื่องทิศทางลม จากเพื่อนบ้าน 2 ประเทศ ทั้งลาวและเมียนมาเป็นเรื่องที่ต้องเจรจาและพัฒนาไปด้วยกัน อีกส่วนที่สำคัญคือ ภาคเอกชนหรือคนไปรับซื้อจะสนใจราคาอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูด้วยว่าพืชผลที่รับซื้อมาถูกจัดการถูกต้องตามหลักที่คุยกันได้หรือไม่ ถ้าไม่ทำตาม มาตรการภาษีก็ต้องมีใหม่ ถ้าไปซื้อจากประเทศที่ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องอากาศบริสุทธิ์ เรามีพ.ร.บ.อากาศสะอาด แล้วเพื่อนบ้านไม่ทำให้ หรือนายทุนบ้านเราไปทำกินประเทศเขาและไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ รัฐบาลนี้ก็ยอมรับไม่ได้
“ผมยืนยันว่า รัฐบาลนี้จะให้ความสำคัญต่อเนื่องกับเรื่องอากาศสะอาด และแก้ปัญหาฝุ่นควัน เรื่องพื้นฐานที่สุดและประชาชนควรจะได้คือ อากาศสะอาด ขอให้ทุกคนตระหนักและเข้าใจ ว่ารัฐบาลนี้จะให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆ”นายกฯย้ำ
วันเดียวกัน สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ จิสด้า-GISTDA รายงาน สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ผ่านแอพพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น”พบ 45 จังหวัดของประเทศไทย มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดย 5 อันดับสูงสุดคือ นครพนม 52.6 ไมโครกรัม นครนายก 50.2 ไมโครกรัม กาฬสินธุ์ 49.3 ไมโครกรัม สมุทรปราการ 48.6 ไมโครกรัม และกรุงเทพมหานคร 47.2 ไมโครกรัม โดยกทม.ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน 17 เขต ซึ่ง 5 อันดับสูงสุดของกทม.ได้แก่ บางกอกใหญ่ 53.7 ไมโครกรัม ธนบุรี 52.5 ไมโครกรัม คลองสาน 51.7 ไมโครกรัม สัมพันธวงศ์ 51.6 ไมโครกรัม และ ลาดพร้าว 51.3 ไมโครกรัม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี